ก่อนหน้านี้กลายเป็นไวรัลในหมู่คนรักอาหารทั่วโลก หลังบาริสต้าสาวชาวไทย “แนท ไทยพัน” ผู้เข้าแข่งขันในรายการ “มาสเตอร์เชฟ ออสเตรเลีย” (MasterChef Australia) ได้รังสรรค์เมนูฟิวชั่นสุดจึ้งอย่าง “ลาบจิงโจ้” ที่ทำถึงกรรมการอึ้ง คนดูอึ้งไปตาม ๆ กัน อย่าวไรก็ตาม ล่าสุดเจ้าตัวก็ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ หลังสามารถทำตามความฝันและคว้าแชมป์ในรายการมาสเตอร์เชฟ ออสเตรเลีย ซีซั่นล่าสุดนี้ได้สำเร็จ พร้อมรับถ้วยและเงินรางวัลมูลค่า 250,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 6...
กลายเป็นวาระแห่งชาติไปแล้ว! สำหรับคลิปวิดีโอสัมภาษณ์สาวไทยที่อยู่ในอังกฤษ หลังเธอถูกถามว่าชอบอาหารที่นั่นหรือไม่แล้วเจ้าตัวบอกว่าไม่ชอบเพราะจืดชืด ทำเอาชาวอังกฤษหัวร้อน โต้กลับว่าอาหารไทยก็ไม่มีรสชาติอะไรนอกจากเผ็ด งานนี้โต้กันเดือด! เมื่อวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา ผู้ใช้ Twitter บัญชี @Sikaloolala ได้โพสต์ข้อความระบุว่า “ตลกมาก ดูคลิปสัมภาษณ์สาวไทยใน UK ว่าชอบอาหารอังกฤษมั้ย ซึ่งเขาตอบว่าไม่ชอบเพราะจืดชืด คนอังกฤษก็มาเมนท์ว่าอาหารไทยเองก็ไม่มีรสชาติอะไรเลยนอกจากเผ็ด คนไทยเลยมาสวนกลับว่าลิ้นมึ-กระจอกรับรสได้น้อยเพราะอาหารมึ-กากไง คนไทยกินหลากรสจนแยกความหวานของน้ำตาลมะพร้าวกับน้ำตาลทรายได้ด้วยซ้ำ” ตลกมาก...
ผู้กำกับไทยปังไม่หยุด! “เจ้ย อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล” คว้ารางวัลจูรี่ไพรซ์ (Jury Prize) จากภาพยนตร์ เรื่อง “Memoria” ในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ ครั้งที่ 74 ประเทศฝรั่งเศส ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-17 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เข้มงวด นับเป็นครั้งที่ 2 ในชีวิตของเขาที่ได้รับรางวัลดังกล่าว...
ทั่วโลกกำลังอยู่ในสถานการณ์ของโควิด ในแต่ละประเทศก็จะมีกฎในการควบคุมเชื้อไวรัสที่แตกต่างกันออกไป อย่างประเทศไทยเราเองก็มีช่วงของพรก. ฉุกเฉิน อยู่ช่วงหนึ่ง ซึ่งจะมีเวลากำหนดว่ากี่โมงถึงกี่โมงที่ห้ามออกนอกสถานที่พักอาศัย แต่เราซึ่งเป็นคนไทยที่ยังติดอยู่ในประเทศมาเลเซีย ที่กำลังอยู่ในช่วงของการควบคุมสถานการณ์โควิดด้วยเช่นกัน โดยที่นี่จะมีกฎว่า แต่ละโต๊ะนั่งได้ไม่เกิน 4 คน และบาร์เปิดได้ถึงเที่ยงคืนเท่านั้น ผู้ใดฝ่าฝืนจะถูกปรับ RM1000 หรือเป็นเงินไทยประมาณ 7 พันกว่าบาท ตำรวจบุกจับปิดทางเข้า-ออก และทุกคนในคลับถูกจับ คืนนั้นเป็นวันศุกร์ เราออกไปHangoutกับเพื่อนๆชาวมาเลเซียตามปกติ ที่บาร์และร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมือง KL พวกเราก็ได้ดื่มเบียร์สังสรรค์กันนิดหน่อย จนถึงเวลาประมาณ 5 ทุ่มกว่าๆ ทางบาร์ก็เริ่มปิดและทยอยเรียกเช็คบิล ปกติคือเราจะตรงดิ่งกลับบ้านเลยนะ แต่คืนนั้นมีเพื่อนคนหนึ่งชวนไปดื่มต่อที่คลับ ซึ่งจริงๆแล้วที่มาเลเซียคลับยังเปิดไม่ได้ เปิดได้แค่บาร์และร้านอาหารเท่านั้น ด้วยความที่เราติดลม เราจึงตกลงไปต่อกับเพื่อนๆที่คลับนี้ กะว่าแวะไปแป๊ปเดียวก็จะกลับ เมื่อเข้าไปถึงในคลับ พบว่าข้างในคนเยอะมากๆ เรียกได้ว่าแน่นเลยล่ะ เราก็ปาร์ตี้กันกับเพื่อนๆอย่างสนุกสนานโดยไม่คิดไม่ฝันเลยว่า กระทั่งเวลาประมาณเที่ยงคืนครึ่ง อยู่ๆก็มีชายชุดดำสวมเสื้อกั๊กนีออนสีเขียววิ่งเข้ามาและทุกคนในคลับหยุดชะงักดีเจหยุดเล่นเพลง และต่างคนต่างพากันพยายามวิ่งไปที่ประตูเพื่อหาทางออก เราตกใจมาก และงงว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมทุกคนพยายามดันกันไปที่ประตูทางออก พอมองออกไปก็ถึงบางอ้อ…… คิดในใจว่าคงไม่มีอะไรหรอกมั้ง เดี๋ยวคลับคงจะเคลียร์ได้แหละ แต่เราก็คิดผิด เสียงตำรวจตะโกนบอกให้แยกชาย-หญิง ชายไปฝั่งชวา หญิงไปฝั่งซ้าย และเรียกเก็บพาสปอทของเรา และบัตรประจำตัวประชาชนของทุกคนในคลับนั้น วินาทีที่ต้องเดินขึ้นรถตำรวจคันใหญ่ๆนั้น เรารู้ชะตาตัวเองแล้วล่ะว่ายังไงก็ต้องไม่รอดแน่ๆ เราจึงส่งข้อความบอกครอบครัวเราไว้ก่อนเลยว่า ถ้าเราหายไปไม่ต้องตกใจ ตอนนี้กำลังไปสถานีตำรวจ ชาวต่างชาติต้องแยกจากกัน และพวกเขาปฏิบัติต่อเราเหมือนคนชนชั้นที่สาม พอถึงสถานีตำรวจ เราก็ถูกแยกออกจากกลุ่มเพื่อนชาวมาเลเซียของเรา โดยเราก็ได้เข้าไปอยู่อีกห้องหนึ่ง ซึ่งมีเฉพาะต่างชาติทั้งนั้น และมีเพื่อนในกลุ่มเราที่เป็นฝรั่งด้วย 2 คน ทุกคนอยู่ในสถานีตำรวจตั้งแต่เวลาประมาณ ตี3กว่าๆ จนถึง 7 โมงเช้า เราถูกใส่กุญแจมือ และตำรวจพูดว่าเราและเพื่อนๆต่างชาติ จะต้องถูกพาตัวไปห้องขังนะ เพราะเราทำผิดกฎควบคุมสถานการณ์โควิด และด้วยความที่วีซ่าของเราหมดแล้วด้วย แต่ตามกฎเขาอนุโลมให้ต่างชาติที่ยังติดค้างอยู่ในมาเลเซียอยู่ต่อได้จนกว่าจะหมดช่วง MCO หรือ Movement Control Order 7 โมงเช้า บรรดานักท่องราตรีคนอื่นๆที่เป็นชาวมาเลเซียก็ได้รับใบค่าปรับและแยกย้ายกันกลับบ้านในที่สุด แต่ตำรวจเข้ามาและพาตัวเรากับชาวต่างชาติคนอื่นๆไปยังห้องขังที่สถานีตำรวจแห่งหนึ่ง โดยมือของเราก็ยังถูกใส่กุญแจมืออยู่ วินาทีนั้น เราน้ำตาไหลออกมาเลย เพราะเราไม่รู้ว่าเรากำลังจะเจอกับอะไร เราไม่เคยต้องมาเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย เมื่อถึงห้องขัง ก็ทำการเปลี่ยนชุดจากชุดเดิมของเราเป็นชุดสีส้ม หรือเรียกง่ายๆว่าชุดนักโทษนั่นแหละ และเจ้าหน้าที่ก็ยึดโทรศัพท์ของเราไป โดยที่ไม่ทันให้เราได้ติดต่อกับใครเลย คือโดนสั่งห้ามติดต่อใคร วันแรกของการใช้ชีวิตครั้งแรกในชีวิตในห้องขังเล็กๆ ที่ข้างในเต็มไปด้วยชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะอินโด จีน พม่า เวียดนาม ข้างในนั้นมีคนที่ถูกขังอยู่ประมาณ 20 คนได้ และเป็นห้องที่มีพื้นปูนซีเมนต์ ใช่ค่ะ เราต้องนอนกันบนพื้นแบบนั้นแหละ ...
จวกยับสนั่นโซเชียล กับภาพผลงานศิลปะยอดแย่ของคนไทยที่สุดมือบอน ละเลงเขียนชื่อพร้อมวาดภาพอวัยะเพศบนแผ่นไม้ ใจกลางกรุงเมลเบิร์น โดยภาพถูกเผยแพร่จากผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า @Aenie1990 พร้อมระบุข้อความ “ใจกลางมหานครเมลเบิร์น ใจกลางจริงๆนะ Elizabeth st. ตัดกับ Bourke st. Mall , ยังดีนะที่ไม่เขียนเป็นภาษาอังกฤษ โอ้ยยเหลือพื้นที่ให้คนไทยคนอื่นได้ยืนบ้าง” ไม่ดีเลยนะเอออออออ งานนี้ทำเอาชาวเน็ตสุดเดือดกัยเป็นแถวพร้อมกับพูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง และวอนโซเชียลเข้าใจไม่ควรนำสถาบันมาโยงเพราะสิ่งที่ทำเป็นนิสัยส่วนบุคคล อย่าเหมารวมสถาบัน และล่าสุดมีผู้ใช้เฟซบุ๊ก May Natta Janjaratvong เผยว่าเจ้าตัวก็เป็นอีกหนึ่งศิษย์เก่าในสถาบันดังกล่าว บอกสุดทนจึงขออาสาเข้าไปลบภาพวาด...