สาวอเมริกันตกอับจนต้องนอนคุก แต่ชีวิตกลับพลิกผันเป็นดาว “OnlyFans” ทำเงินเดือนละหลายล้านบาท เพราะภาพ Mugshot สวยจนเป็นไวรัล! “แอ็บบี้ นิวแมน (Abbie Newman)” สาวชาวอเมริกันอายุ 28 ปี จากรัฐแอละแบมา ประเทศสหรัฐอเมริกา ชีวิตพลิกผันจากคนเคยแท้งลูกและติดยาเสพติดจนชีวิตดำดิ่งสุดขีดจนต้องนอนคุก กลับกลายเป็นดาว “OnlyFans” ชื่อดัง ที่มีผู้ติดตามหลายแสนคนบนโลกออนไลน์ เพราะภาพ “Mugshot” หรือ...
เพื่อน ๆ ยังจำข่าวเศร้าสลดของคุณปู่ชาวญี่ปุ่นที่ผลักภรรยาพิการลงทะเลทั้งวีลแชร์เมื่อปลายปีที่แล้วได้รึเปล่า? ล่าสุดศาลได้มีคำพิพากษาตัดสินจำคุกเขาแล้ว! สำนักข่าวท้องถิ่นของญี่ปุ่น “Asahi Shimbun” ได้รายงานว่า เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2566 “โนบุโระ คิยามะ (Noburo Kiyama)” ประธานผู้พิพากษาของศาลเมืองโอดาวาระในจังหวัดคานากาวะของญี่ปุ่น ได้ตัดสินจำคุก “ฮิโรชิ ฟูจิวาระ (Hiroshi Fujiwara)” คุณปู่วัย 82...
กรรมเริ่มทำงาน! ศาลฯ ตัดสินสาวคู่กรณีชน “อ็อฟ-ธนกฤต วุฒิโรธง” นักแสดงหนุ่มจนกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงแล้ว สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ได้รายงานเมื่อวานนี้ (12 มิถุนายน 2566) ว่า ศาลจังหวัดลำพูนได้นัดฟังคำพิพากษา คดีที่ “นางสาวดวงกมล วุฒิโรธง” หรือแม่ของ “อ็อฟ ธนกฤต” ผู้เสียหาย หรือฝ่ายโจทก์ ได้ยื่นฟ้อง “นางสาวเอ (นามสมมุติ)”...
กินแปลกมากจนได้เรื่อง! ล่าสุดตำรวจจีนสามารถพิสูจน์ได้แล้วว่า “น้องอุ้ม” หรือ “ถีจื่อ (Tizi)” อินฟลูเอนเซอร์จีนสายกินชื่อดัง กิน “ฉลามขาว” จริง! งานนี้จ่อติดคุก 10 ปี ปรับหลักแสนบาท หลังจากปล่อยคลิป “กินซุปฉลามขาวหม่าล่า” ลงบนโลกออนไลน์ต่าง ๆ เมื่อ 12 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา ก็กลายเป็นดราม่าดังบนสื่อสังคมออนไลน์จีนทันที...
กลายเป็นกระแสไวรัลทั่วโลกออนไลน์กันเลยทีเดียวสำหรับประโยคที่ว่า “ขอเซ็ทหย่อสู่ต่อซูดผ่อซีหม่อสองห่อใส่ไข่” ที่ทำเอาหลาย ๆ คนงงเป็นไก่ตาแตกว่านี่มันภาษาไทยใช่มั้ย? แล้วมันมีความหมายว่าอย่างไรกันแน่? หลาย ๆ คนคงจะเคยได้ยินภาษาแปลก ๆ อย่าง “ภาษาลู” หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ “ภาษากะเทย” ซึ่งเป็นเหมือนรหัสลับ เป็นภาษาที่เอาไว้เมาท์มอยเรื่องต่าง ๆ ในที่สาธารณะแบบไม่ให้คนอื่นรู้ แต่ล่าสุดชาวเน็ตถึงกับต้องกุมขมับ เพราะมีภาษาใหม่เกิดขึ้นมาอีกแล้ว และภาษานั้นมีชื่อเรียกว่า “ภาษาคุก” โดยช่วงหลายเดือนที่ผ่านมากระแสประโยคดังอย่าง “ขอเซ็ทหย่อสู่ต่อซูดผ่อซีหม่อสองห่อใส่ไข่” ได้กลายเป็นไวรัล โดยผู้ที่เป็นคนเผยแพร่ประโยคดังกล่าวนี้คือผู้ใช้...
ทั่วโลกกำลังอยู่ในสถานการณ์ของโควิด ในแต่ละประเทศก็จะมีกฎในการควบคุมเชื้อไวรัสที่แตกต่างกันออกไป อย่างประเทศไทยเราเองก็มีช่วงของพรก. ฉุกเฉิน อยู่ช่วงหนึ่ง ซึ่งจะมีเวลากำหนดว่ากี่โมงถึงกี่โมงที่ห้ามออกนอกสถานที่พักอาศัย แต่เราซึ่งเป็นคนไทยที่ยังติดอยู่ในประเทศมาเลเซีย ที่กำลังอยู่ในช่วงของการควบคุมสถานการณ์โควิดด้วยเช่นกัน โดยที่นี่จะมีกฎว่า แต่ละโต๊ะนั่งได้ไม่เกิน 4 คน และบาร์เปิดได้ถึงเที่ยงคืนเท่านั้น ผู้ใดฝ่าฝืนจะถูกปรับ RM1000 หรือเป็นเงินไทยประมาณ 7 พันกว่าบาท ตำรวจบุกจับปิดทางเข้า-ออก และทุกคนในคลับถูกจับ คืนนั้นเป็นวันศุกร์ เราออกไปHangoutกับเพื่อนๆชาวมาเลเซียตามปกติ ที่บาร์และร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมือง KL พวกเราก็ได้ดื่มเบียร์สังสรรค์กันนิดหน่อย จนถึงเวลาประมาณ 5 ทุ่มกว่าๆ ทางบาร์ก็เริ่มปิดและทยอยเรียกเช็คบิล ปกติคือเราจะตรงดิ่งกลับบ้านเลยนะ แต่คืนนั้นมีเพื่อนคนหนึ่งชวนไปดื่มต่อที่คลับ ซึ่งจริงๆแล้วที่มาเลเซียคลับยังเปิดไม่ได้ เปิดได้แค่บาร์และร้านอาหารเท่านั้น ด้วยความที่เราติดลม เราจึงตกลงไปต่อกับเพื่อนๆที่คลับนี้ กะว่าแวะไปแป๊ปเดียวก็จะกลับ เมื่อเข้าไปถึงในคลับ พบว่าข้างในคนเยอะมากๆ เรียกได้ว่าแน่นเลยล่ะ เราก็ปาร์ตี้กันกับเพื่อนๆอย่างสนุกสนานโดยไม่คิดไม่ฝันเลยว่า กระทั่งเวลาประมาณเที่ยงคืนครึ่ง อยู่ๆก็มีชายชุดดำสวมเสื้อกั๊กนีออนสีเขียววิ่งเข้ามาและทุกคนในคลับหยุดชะงักดีเจหยุดเล่นเพลง และต่างคนต่างพากันพยายามวิ่งไปที่ประตูเพื่อหาทางออก เราตกใจมาก และงงว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมทุกคนพยายามดันกันไปที่ประตูทางออก พอมองออกไปก็ถึงบางอ้อ…… คิดในใจว่าคงไม่มีอะไรหรอกมั้ง เดี๋ยวคลับคงจะเคลียร์ได้แหละ แต่เราก็คิดผิด เสียงตำรวจตะโกนบอกให้แยกชาย-หญิง ชายไปฝั่งชวา หญิงไปฝั่งซ้าย และเรียกเก็บพาสปอทของเรา และบัตรประจำตัวประชาชนของทุกคนในคลับนั้น วินาทีที่ต้องเดินขึ้นรถตำรวจคันใหญ่ๆนั้น เรารู้ชะตาตัวเองแล้วล่ะว่ายังไงก็ต้องไม่รอดแน่ๆ เราจึงส่งข้อความบอกครอบครัวเราไว้ก่อนเลยว่า ถ้าเราหายไปไม่ต้องตกใจ ตอนนี้กำลังไปสถานีตำรวจ ชาวต่างชาติต้องแยกจากกัน และพวกเขาปฏิบัติต่อเราเหมือนคนชนชั้นที่สาม พอถึงสถานีตำรวจ เราก็ถูกแยกออกจากกลุ่มเพื่อนชาวมาเลเซียของเรา โดยเราก็ได้เข้าไปอยู่อีกห้องหนึ่ง ซึ่งมีเฉพาะต่างชาติทั้งนั้น และมีเพื่อนในกลุ่มเราที่เป็นฝรั่งด้วย 2 คน ทุกคนอยู่ในสถานีตำรวจตั้งแต่เวลาประมาณ ตี3กว่าๆ จนถึง 7 โมงเช้า เราถูกใส่กุญแจมือ และตำรวจพูดว่าเราและเพื่อนๆต่างชาติ จะต้องถูกพาตัวไปห้องขังนะ เพราะเราทำผิดกฎควบคุมสถานการณ์โควิด และด้วยความที่วีซ่าของเราหมดแล้วด้วย แต่ตามกฎเขาอนุโลมให้ต่างชาติที่ยังติดค้างอยู่ในมาเลเซียอยู่ต่อได้จนกว่าจะหมดช่วง MCO หรือ Movement Control Order 7 โมงเช้า บรรดานักท่องราตรีคนอื่นๆที่เป็นชาวมาเลเซียก็ได้รับใบค่าปรับและแยกย้ายกันกลับบ้านในที่สุด แต่ตำรวจเข้ามาและพาตัวเรากับชาวต่างชาติคนอื่นๆไปยังห้องขังที่สถานีตำรวจแห่งหนึ่ง โดยมือของเราก็ยังถูกใส่กุญแจมืออยู่ วินาทีนั้น เราน้ำตาไหลออกมาเลย เพราะเราไม่รู้ว่าเรากำลังจะเจอกับอะไร เราไม่เคยต้องมาเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย เมื่อถึงห้องขัง ก็ทำการเปลี่ยนชุดจากชุดเดิมของเราเป็นชุดสีส้ม หรือเรียกง่ายๆว่าชุดนักโทษนั่นแหละ และเจ้าหน้าที่ก็ยึดโทรศัพท์ของเราไป โดยที่ไม่ทันให้เราได้ติดต่อกับใครเลย คือโดนสั่งห้ามติดต่อใคร วันแรกของการใช้ชีวิตครั้งแรกในชีวิตในห้องขังเล็กๆ ที่ข้างในเต็มไปด้วยชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะอินโด จีน พม่า เวียดนาม ข้างในนั้นมีคนที่ถูกขังอยู่ประมาณ 20 คนได้ และเป็นห้องที่มีพื้นปูนซีเมนต์ ใช่ค่ะ เราต้องนอนกันบนพื้นแบบนั้นแหละ ...