หากเพื่อน ๆ เป็นคุณครูที่กำลังประสบปัญหานักเรียนคุยกันในห้องเรียนระหว่างทำการสอน ลองนำวิธีการที่คุณครูชาวจีนท่านหนึ่งใช้แก้เผ็ดนักเรียนคุยเก่งที่แปลก แต่ได้ผลอยู่หมัดนี้ไปลองใช้กันดู! ปฏิเสธไม่ได้ว่าในห้องเรียนห้องหนึ่งต้องมีเด็กคุยเก่งอยู่ไม่มากก็น้อย ซึ่งวิธีการที่คุณครูลงโทษบรรดานักเรียนเหล่านี้ก็แตกต่างกันไป แต่สำหรับชั้นเรียนชั้นหนึ่งในประเทศจีน คุณครูแดนมังกรท่านหนึ่งเขาเกิดไอเดียบรรเจิดแก้ปัญหานักเรียนคุยกันในห้องเรียนได้แบบอยู่หมัด นั่นก็คือ ให้พวกเขาแต่ละคนสวมหูฟังเฮดเซ็ท (หูฟังที่มีก้านไมโครโฟน) และเนื่องจากในห้องเรียนนี้มีนักเรียนคุยกันเยอะ ทำหูฟังเฮดเซ็ทไม่พอ คุณครูจีนท่านนี้เลยยกไมโครโฟนแบบตั้งโต๊ะไปวางให้ถึงโต๊ะของเด็กคนนั้น พร้อมกับเปิดเสียงไมโครโฟนของพวกเขาแต่ละคนให้ดังกระหึ่ม เรียกว่าอ้าปากออกเสียงปุ๊บ เพื่อน ๆ ในห้องก็ได้ยินสิ่งที่พูดปั๊บ! ...
ทาสแมวแห่แชร์คลิปหนูน้อยชาวจีนอุ้มแมวหนี หลังเกิดแผ่นดินไหวในมณฑลเหอเฝย์ของจีนเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา จนกลายเป็นไวรัลบนโลกโซเชียล! เวลาเกิดเหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานขึ้น เรามักจะหยิบจับสิ่งของที่เราหวงแหนมากที่สุดติดตัวไปด้วย ซึ่งอาจจะเป็นสิ่งของราคาแพงหรือสิ่งของที่มีคุณค่าทางจิตใจ แต่สำหรับหนูน้อยชาวจีนวัย 5 ขวบรายหนึ่ง สิ่งของนอกกายไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา แต่คือเจ้าแมวเหมียวตัวอ้วมกลมที่เขารักยิ่งชีพต่างหาก! เพราะเมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 4.9 ในมณฑลเหอเฝย์ของจีนเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2567 หนูน้อยรายนี้กลับรีบวิ่งไปอุ้มเจ้าแมวเหมียวสองตัวที่เลี้ยงไว้ในบ้านแบบไม่คิดชีวิต ชนิดที่ว่าลืมใส่รองเท้ากันเลยทีเดียว ไม่เพียงเท่านั้น เขายังบอกให้แม่ของเขาที่ยืนถ่ายคลิปวิดีโอเหตุการณ์ดังกล่าวช่วยอุ้มแมวอีกตัว ก่อนพากันวิ่งออกจากตัวบ้านไปได้อย่างปลอดภัย...
คุณครูพบเด็กน้อยมาโรงเรียนสาย 3 วันติดต่อกัน ก่อนหนูน้อยงัดหลักฐานที่ทำให้มาสาย ทำเอาคุณครูดุไม่ลงกันเลยทีเดียว เมื่อพูดถึงการมาโรงเรียนสาย หลายคนอาจนึกว่าเป็นความผิดของเด็กน้อยที่นอนดึกเลยตื่นสายหรือการจราจรบนท้องถนนที่ติดขัดเป็นอุปสรรคให้พวกเขามาไม่ตรงเวลาเข้าเรียน แต่ไม่ใช่กับกรณีที่เพื่อน ๆ จะได้อ่านในบทความนี้ ซึ่งกำลังเป็นที่พูดถึงของคนบนโลกโซเชียลจีนอย่างมากในขณะนี้ เพราะศัตรูตัวฉกาจที่ทำให้เด็กน้อยมาโรงเรียนสายติดต่อกันหลายวันนั้นใหญ่หลวงนัก! สำหรับเรื่องราวที่ว่านี้เป็นของ “เสี่ยวถังถัง (小堂堂)” หนูน้อยจากมณฑลซานตงของจีน เขาได้เปิดเผยเรื่องราวที่ตัวเองต้องมาโรงเรียนสายทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของเขาเลย ผ่านทางเพจ “Facebook” ของตัวเอง ซึ่งมีผู้ติดตามมากกว่า 48,000...