สังเกตกันบ้างมั้ยว่า ทำไมมือถือของเราเมมโมรี่เต็ม หรือแบตเตอรี่มือถือหมดเร็วจัง? สาเหตุหลักอย่างหนึ่งมาจากแอปฯ ที่ทุกคนโหลดลงมือถือนั่นเอง ดังนั้น ถ้าจะแก้ปัญหาแบตฯ หมดเร็ว หรือเมมโมรี่เหลือน้อย ก็ต้องแก้ด้วยการ “ลบ” แอปฯ ทิ้ง!
คำถามต่อมาของทุกคนคือ… “แล้วแอปฯ ไหนที่ควรลบทิ้งกันล่ะ?” The Joi จึงได้เตรียมคำตอบไว้ให้ทุกคนแล้ว ขอจำแนกเป็นประเภทแอปฯ ก็แล้วกัน จะมีประเภทใดบ้าง ตามไปดูกันเลย
1. ประเภทแอปฯ ที่ชอบเคลมตัวเองว่า “คืนพื้นที่ให้แรมได้”
แอปฯ ทุกตัวที่เราใช้งานบนสมาร์ทโฟนต้องอาศัยพื้นที่ของแรม (RAM) ไม่ว่าจะเป็นแอปฯ ที่เราเปิดอยู่ หรือแอปฯ ที่เคยเปิดไว้ แล้วสลับไปใช้แอปฯ อื่นก็ยังกินพื้นที่ในแรมทั้งนั้น ดังนั้น จึงไม่แปลกที่เราได้เห็นแอปฯ ที่โฆษณาว่าช่วยคืนพื้นที่ให้กับแรมของคุณได้ผุดเป็นดอกเห็ด
โดยแอปฯ ประเภทนี้ ชอบมาพร้อมกับประโยคที่ว่า “กดทีเดียว ล้างได้หมด แล้วได้พื้นที่กลับมา” แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย เมื่อสั่งล้างแรม แอปฯ พวกนี้จะไปปิดแอปฯ ที่อยู่เบื้องหลังทิ้งให้แรมกลับมา แล้วเมื่อเราต้องการใช้แอปฯ เหล่านั้นอีกครั้ง ก็ต้องเสียกำลังไฟในแบตเตอรี่ไปเปิดแอปฯ ใหม่อีก สรุป ได้ไม่คุ้มเสีย
2. ประเภทแอปฯ ตระกูล Clean Master ทั้งหลาย
แอปฯ จำพวก Clean Master หรือที่มีชื่อคล้าย ๆ กันนี้ มักเคลมตัวเองว่าสามารถล้างสิ่งที่เราไม่ต้องการออกไปได้หมด แต่การจะล้างหมดจด ก็ต้องแลกกับแบตเตอรี่ที่หมดจดไปด้วยเช่นกัน เพราะแอปฯ เหล่านี้ต้องใช้พลังงานในตัวเครื่องจำนวนมาก รวมไปถึงโฆษณาแอบแฝงที่จะเด้งบนหน้าจอเราตอนไหน เมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งอินเทอร์เน็ตที่เรามีอาจจะหมดไปกับโฆษณาที่โผล่มาจากแอปฯ เหล่านี้
สิ่งที่สามารถทำแทนกันได้ คือการเข้าไปล้างด้วยตัวเอง ตามขั้นตอน ดังนี้ Setting > Storage แล้วเลือก Cache Data ในส่วนของ Clear Cache Data Prompt แต่ถ้าเป็นแคชที่แอปฯ ได้เก็บเอาไว้ ก็ไปที่ Setting เหมือนกัน แต่ให้เลือกที่ Apps > Downloaded แล้วเลือกแอปฯ ที่ต้องการจะล้างแคช แล้วกด Clear Cache ได้เลย
3. ประเภทแอปฯ Antivirus
แอปฯ ประเภทนี้ ถือว่าเป็นดาบสองคมของผู้ใช้งานเลยก็ว่าได้ มีทั้งคุณและโทษ คุณประโยชน์ของมันคือ ใครที่ใช้งานแบบโลดโผน หรือเข้าเว็บแปลก ๆ ที่ไม่รู้ว่ามีอะไรแอบแฝงหรือเปล่าบ่อย ๆ ก็ลงแอปฯ ประเภทนี้ไว้ไม่เสียหาย แต่ถ้าไม่ ใช้งานอย่างดี อย่างระมัดระวัง ลงแอปฯ ผ่าน Play Store เท่านั้น ไม่ต้องลงในเครื่องให้เปลืองพื้นที่ เปลืองแรม เปลืองแบตเตอรี่เครื่องก็ได้ เพราะ Google ป้องกันระบบผู้ใช้มาอย่างดีพอสมควร ถ้าต้องการฟังก์ชั่นติดตามเครื่องก็ทำผ่าน Android Device Manager ก็ได้
4. ประเภทแอปฯ ช่วยประหยัดแบตเตอรี่
แอปฯ ประเภทนี้คล้ายกับแอปฯ ที่เคลมว่าคืนพื้นที่ให้แรมได้ แต่จะเป็นแอปฯ ที่ช่วยบริหารจัดการการใช้แบตเตอรี่ของเครื่องได้ ซึ่งจริง ๆ แล้ว ไม่จำเป็นที่ต้องลงแอปฯ เหล่านี้อีกแรง สำหรับเครื่องแอนดรอยด์ทุกเครื่อง จะมีหน้ามอนิเตอร์แบตเตอรี่ที่ใช้งานอยู่แล้ว จะคอยพยากรณ์ว่าในเครื่องเหลือแบตเตอรี่เท่าไหร่ ใช้งานได้นานเท่าใด และยังดูได้อีกว่าแอปฯ ไหนบ้างที่ใช้พลังงานจากเครื่องเราออกไปเท่าไหร่ได้ด้วย ขณะที่ระบบไอโอเอสก็มีระบบที่คล้ายคลึงกันนี้เช่นกัน ดังนั้น การลงแอปฯ ประเภทนี้ จึงไม่มีความจำเป็น และกินแบตเตอรี่เยอะอีกต่างหาก
5. ประเภทแอปฯ ที่แถมมากับเครื่อง แต่เราไม่เคยใช้มันเลย (Bloatware)
แอปฯ เหล่านี้ ไม่ใช่ไม่ดี แต่แอปฯ ที่เข้ากรุ๊ปนี้ล้วนไม่ดีต่อพื้นที่ความจำในตัวเครื่องที่เรามี เพราะเหมือนเป็นการทำให้ที่เก็บข้อมูลในเครื่องนั้นค่อย ๆ หมดลงไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ใช่ว่าแอปทุกตัวที่ติดตั้งมากับเครื่องจะลบได้หมด บางแอปฯ ก็ลบออกไม่ได้ ซึ่งอันนี้ต้องทำใจอยู่ไปกับมัน ทางแก้แบบไม่รูทเครื่องคือ ซื้อรุ่นที่มีแอปฯ แถมน้อย ๆ
รู้แบบนี้แล้ว รีบไปเช็กสมารทโฟนของคุณเองเลย ว่ามีแอปฯ เข้าข่าย 5 ประเภทที่ The Joi นำมาบอกรึเปล่า ถ้ามีก็จิ้มกดลบเลยจ้า
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง : แอปฯ เปลี่ยนหน้าเราเป็นคนดังสุดแนบเนียน จนพี่ “เอ ศุภชัย” ต้องทาบทามเข้าวงการ
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง : ลงรูปครั้งต่อไป หน้าหุ่นสวยแน่! ด้วย 5 แอปพลิเคชันแต่งรูปฟรีสุดปังบนมือถือปี 2021
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง : นักเรียนยุค 5G ใช้แอปฯ Photomath ช่วยทำโจทย์เลข
ที่มาข้อมูล Beartai