จากเหตุการณ์สาวประเภทสองรายหนึ่งบุกพังร้านกระเป๋าแบรนด์ดังที่ไต้หวัน ทำสินค้าเสียหาย และทำร้ายร่างกายพนักงาน ล่าสุดตำรวจยืนยันแล้วว่าเป็นคนไทยจริง ๆ
เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2567 ช่วงเวลาประมาณ 14:00 น. ได้เกิดเหตุสาวรายหนึ่งเกิดอาการคุ้มคลั่ง อาละวาดที่ร้าน “Charles & Keith” ที่ตึกไทเป 101 จนต่อมาคลิปดังกล่าวถูกแชร์ว่อนโลกออนไลน์ โดยสำนักข่าวดังกล่าวระบุว่าสาวรายนี้เป็นชาวไทย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังมีชาวเน็ตหลายรายยังคงเคลือบแคลงใจว่าสาวสองรายนี้จะเป็นคนไทยจริง ๆ หรือเป็นชาวต่างชาติจากประเทศเพื่อนบ้านกันแน่
ซึ่งในวันนั้น สาวประเภทสองรายนี้สวมชุดเดรสสั้นสีชมพู ไม่สวมรองเท้า และตะโกนโหวกเหวกเสียงดังในร้านดังกล่าว โดยมีบางช่วงที่ฟังดูแล้วคล้ายว่าเธอกำลังพูดภาษาไทยจริง ๆ และมีบางช่วงที่พูดเป็นภาษาจีนเช่นกัน โดยเธอได้ทำลายข้าวของ กวาดกระเป๋าตกพื้น และทำร้ายพนักงานที่พยายามจะเข้าไปหยุดการกระทำของเธอ
หลังจากนั้นจึงมีคนในเหตุการณ์โทรแจ้ง 119 และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงก็พบว่าหญิงรายนี้ไม่สามารถพูดคุยและตอบคำถามกับตำรวจได้ตามปกติ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยพฤติกรรมก้าวร้าว เจ้าหน้าที่พยาบาลจึงนำตัวสาวรายนี้ไปยังโรงพยาบาลซงเต๋อ และไม่สามารถตรวจสอบสัญชาติของเธอได้เนื่องจากไม่มีเอกสารยืนยันตัวตนติดตัว
ล่าสุดทางเพจ World Forum ข่าวสารต่างประเทศ ได้ทำการอัปเดตข้อมูลเพิ่มเติม โดยระบุว่าเพื่อนชาวไต้หวันของสาวสองรายนี้ได้เดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมนำพาสปอร์ตของเจ้าตัวมายืนยันตัวตนด้วย ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่สามารถระบุได้ว่าเธอเป็นชายชาวไทยจริง ๆ แต่ก็ยังไม่รู้ถึงสาเหตุที่แน่ชัดของการกระทำดังกล่าว
นอกจากนี้ยังมีคนที่อ้างว่าใกล้ชิดกับสาวสองรายนี้ออกมาเปิดเผยว่า หญิงสาวคนดังกล่าวเป็นคนไทยจริง ๆ และเคยเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง และมีคนบอกว่าเคยพบเธอแถวสถานบันเทิงย่านรัชโยธินบ่อย ๆ อีกด้วย
ที่มาข้อมูล: World Forum ข่าวสารต่างประเทศ, Kapook
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: งามหน้า! สาวสองทรงคล้ายชาวไทยคลั่ง อาละวาดในช็อปแบรนด์ดังที่ไต้หวัน พังสินค้า-ทำร้ายพนักงาน
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: วิจารณ์สนั่น! คู่รักชาวไทยเขียนข้อความ “เบียร์รักเมวี่” บนสะพานที่ญี่ปุ่น ไม่ได้ทำครั้งเดียว ล่าสุดมีหนุ่มไทยตามไปลบให้แล้ว!
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: คนญี่ปุ่นรีวิวตุ๊กตุ๊กไทย ถามราคาจากอโศกไปธนิยะ 1,500 บาท พอไปถึงบอกคนละ 1,500 สรุปต้องจ่าย 6,000 ซะงั้น!