ฆาตกรต่อเนื่องมีอยู่ทุกที่และมีมาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันนี้ แต่ใครกันที่นักประวัติศาสตร์ลงความเห็นว่า เป็น “ฆาตกรต่อเนื่องที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา” กันนะ? และนี่คือ 13 รายชื่ออาชญากรจิตใจอำมหิตที่โลกไม่มีวันลืมการกระทำของพวกเขา!
เท็ด บันดี้ (Ted Bundy) ปี 1946-1989
เพื่อน ๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนอเมริกันในยุค 1970 ถึงจะได้รู้จักชายที่ชื่อว่า “เท็ด บันดี้” เขาเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมาได้อย่างง่ายดาย เพราะอาชญากรรมที่เขาก่อนั้นมีหลายกระทง และแต่ละกระทงก็มีบทลงโทษแรงมาก ตั้งแต่ลักพาตัว, ข่มขืนกระทำชำเรา, ลักทรัพย์ ยันมีรสนิยมรักการร่วมเพศกับศพ สาเหตุที่เขาลวงเหยื่อได้มากโข ปัจจัยแรกเลยคือ รูปลักษณ์ภายนอกของเขาที่หล่อเหลา และฐานะการงานที่ดี ก่อนที่เขาจะถูกตัดสินประหารชีวิต “เท็ด บันดี้” ให้การสารภาพว่า ได้ลักพาตัวและฆาตกรรมหญิงสาวกว่า 30 ราย แต่นี่เป็นเพียงตัวเลขที่เขาจำได้เท่านั้น เจ้าหน้าที่คาดว่า เขาสังหารเหยื่อมากกว่านี้
แฮโรลด์ ชิปแมน (Harold Shipman) ปี 1946-2004
เขามีชื่อเล่นอีกชื่อหนึ่งว่า “Doctor Death” หรือ “หมอแห่งความตาย” เพราะเขาได้คร่าชีวิตผู้ป่วยไปทั้งหมด 218 ราย ในช่วงปี 1972-1998 แต่มีการคาดกันว่า น่าจะมีจำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่าความเป็นจริงนี้ การสังหารคนครั้งใหญ่ของเขาเกิดขึ้นในช่วงที่ “แฮโรลด์ ชิปแมน” เป็นแพทย์ฝึกหัด ทำให้เขาสามารถเข้าถึงตัวผู้ป่วยได้ง่าย และเมื่อเขาลงมือก็ยากที่ใครจะมาสงสัยเขาได้ ก็เขาเป็น “หมอ (ฝึกหัด)” นี่นา แล้วตามคอมมอนเซนส์ของคนเรา หมอที่ไหนจะฆ่าคนได้กันล่ะ!
อย่างไรก็ตาม การแอบฆ่าเหยื่อของ “แฮโรลด์ ชิปแมน” เริ่มมีพิรุธ เพราะมีผู้ป่วยเสียชีวิตถี่เกินไป และเหยื่อที่เขาเลือกมักเป็นหญิงชรา แล้วฆาตกรต่อเนื่องคนนี้ก็มักจะอ้างกับญาติของผู้ป่วยว่า พวกเขาไหลตายหรือเสียชีวิตระหว่างนอนหลับ ซึ่งบางรายกลับไหลตอนกลางวัน ยิ่งทำให้มีพิรุธหนักมากขึ้น นอกจากนี้ จากคำให้การของสัปเหร่อบอกว่า “หมอแห่งความตาย” ผู้นี้ขอใบรับรองการเผาศพจำนวนมากผิดปกติ
แต่กว่าเวรกรรมจะตามทัน “แฮโรลด์ ชิปแมน” ก็แทบจะใกล้วัยสิ้นอายุขัยของเขา โดยเขาถูกจับและตัดสินลงโทษเมื่อปี 2002 หลังจากเขาพยายามปลอมแปลงเอกสารของเหยื่อ ว่าเหยื่อที่เสียชีวิตยกผลประโยชน์ทั้งหมดให้กับเขาหลังจากสิ้นใจแล้ว โดยลูกสาวของเหยื่อเป็นผู้พบความผิดนี้ หลังติดคุกได้ 2 ปี เขาก็จากโลกนี้ไปอย่างไม่มีกลับในปี 2004
อังเดร ชิกาติโล (Andrei Chikatilo) ปี 1936-1994
ช่วงปี 1978 และ 1990 ประเทศรัสเซีย ต้องเผชิญกับอาชญากรที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา ชื่อว่า “อังเดร ชิกาติโล” เขาได้กระทำความผิดหลายกระทง ไม่ว่าจะล่วงละเมิดทางเพศ, ฆาตกรรม และทำร้ายทั้งเด็กและผู้หญิงรวมกันมากกว่า 50 ราย เหยื่อที่อายุน้อยที่สุดของเขา มีอายุเพียง 9 ปีเท่านั้น! ส่วนมากเหยื่อผู้โชคร้ายมักจะถูกเขาแทงและฟันด้วยมีดจนเสียชีวิต และที่น่าตกใจกว่าวิธีการสังหารอันโหดเหี้ยมแล้ว เขาเผยว่า การแทงหญิงสาวทำให้เขาถึงจุดสุดยอด แต่อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจและจิตแพทย์ แรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ “อังเดร ชิกาติโล” สังหารหญิงสาวแต่ละคน เพราะไม่อาจต่อต้านแรงขับที่ต้องการฆ่าคนในตัวเขาเองได้ต่างหาก
จากวิธีการก่อเหตุทำให้สื่อขนานนามเขาว่า เป็น “นักเชือดแห่งรอสตอฟ (Butcher of Rostov)”, “เรด ริปเปอร์ (Red Ripper)” หรือ “ริปเปอร์แห่งรอสตอฟ (Rostov Ripper)” หลังถูกจับเขาให้การสารภาพว่า ได้ก่อเหตุฆาตกรรมเหยื่อไปมากถึง 53 คน ก่อนจะถูกจับยิงเป้าในปี 1994
เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ (Jeffrey Dahmer) ปี 1960-1994
ในลิสต์รายชื่อฆาตกรต่อเนื่องที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา จะต้องมีชื่อของ “เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์” เจ้าของฉายา “มนุษย์กินคนแห่งมิลวอกี” เขาฆาตกรรมเหยื่อผู้ชายไปมากถึง 17 คน หนึ่งในจำนวนนี้มีเด็กชายอายุ 14 ปี รวมอยู่ด้วย นอกจากสังหารเหยื่อที่เขาเลือกไว้แล้ว เขายังข่มขืน, หั่นศพ, และบางรายเขาก็จะชำแหละเนื้อหรืออวัยวะภายในมารับประทาน! ความพีคของเขายังมากได้อีก เมื่อเจ้าหน้าที่พบชิ้นส่วนร่างของผู้เสียชีวิตตามจุดต่าง ๆ ของห้อง ซึ่งเขาอ้างว่า ต้องการเก็บไว้เชยชม เพื่อรำลึกถึงการมีอยู่ของพวกเขาเหล่านี้ บางคนต้องตายอย่างทรมาน จากขั้นตอนทำซอมบี้ของเขา ที่ใช้สว่านเจาะศีรษะแล้วเทกรดลงในรูดังกล่าว
“เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์” เป็นอีกหนึ่งฆาตกรต่อเนื่องที่เสียชีวิตในเรือนจำ หลังรับกรรมจากการกระทำอันโหดร้ายของตัวเองได้ไม่นาน เขาถูกศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิตเมื่อปี 1991 และเข้าคุกในปี 1992 และเสียชีวิตจากการถูกของแข็งกระแทกที่ศีรษะอย่างรุนแรงในปี 1994 และผู้สังหารเขาไม่ใช่ใครอื่น นอกจากสมาชิกเรือนจำของเขานั้นเอง
อัลเบิร์ต ฟิช (Albert Fish) ปี 1870-1936
เขามีหลายฉายา ได้แก่ “แวมไพร์แห่งบรู้คลิน (The Brooklyn Vampire)”, “คนคลั่งพระจันทร์เต็มดวง (The Moon Maniac)”, “มนุษย์หมาป่าแห่งวิสเทอเรีย (The Werewolf of Wysteria)”, “ชายผมเทา (The Gray Man)” และ “เดอะบูกี้แมน (The Boogey Man)” อาชญากรรมที่เขาก่อก็ยาวเป็นห่างว่าวจริง ๆ ตั้งแต่ฆ่าและข่มขืน รวมทั้งกินเด็ก 3 ราย ในช่วงต้นปี 1900 แต่ฆาตกรต่อเนื่องที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมารายนี้ ระบุว่า ไม่จริง! เขาฆ่าเด็กมามากกว่า 100 คนต่างหาก และอยู่ทั่วทุกรัฐของสหรัฐฯ
แต่ที่ทำให้เขาเป็นมากกว่าฆาตกรฆ่าเด็กสุดโหดแล้ว เขายังจิตใจอำมหิต เมื่อครั้งที่เขาสังหาร “เกรซ บัดด์ (Grace Budd)” วัย 10 ปี หลังพรากลูกที่รักของคนอื่นไปแล้ว เขาได้เขียนจดหมายหาถึงแม่ของเด็กหญิงคนนี้ บรรยายวิธีการฆ่าลูกสาวของเธอ ตั้งแต่ขั้นตอนการล่อลวงเด็ก, รัดคอเธอ ก่อนจะตัดเนื้อเธอมากิน ซึ่งเขาบอกว่าสามารถทำอาหารได้มากถึง 9 วัน
จอห์น เวย์น เกซี (John Wayne Gacy) ปี 1942-1994
“จอห์น เวย์น เกรซี” ได้รับฉายาว่า “ฆาตกรตัวตลก (Killer Clown)” เพราะตอนที่ล่อลวงเหยื่อเขาจะแต่งหน้าและแต่งตัวเป็น “ตัวตลก” ไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดเด็ก ๆ ในฐานะตัวตลกรับจ้างสร้างความบันเทิงในงานปาร์ตี้ การแต่งกายและเข้าไปในงานเฉลิมฉลองวันเกิดของเด็ก ๆ ในฐานะเช่นนี้ ก็ทำให้เขาสามารถเข้าถึงเหยื่อ ซึ่งเป็นเด็กผู้ชายได้อย่างง่ายดาย โดยล่อเด็กชายหรือเด็กหนุ่มมาข่มขืน, จับทรมาน และฆาตกรรมในบ้านพักของตัวเอง รวมทั้งสิ้น 33 รายด้วยกัน ระยะเวลาที่เขาลงมือก่อเหตุนั้นกินเวลานานถึง 6 ปี! หลังจากพรากชีวิตเหยื่อด้วยการรัดคอหรือทำยังไงก็ได้ให้เหยื่อขาดอากาศหายใจ เมื่อเหลือแต่ร่างไร้วิญญาณของเด็ก ๆ เขาจะฝังร่างเหยื่อในบริเวณบ้านตัวเอง “จอห์น เวย์น เกรซี” ถูกจับได้ และศาลได้ตัดสินประหารชีวิตเขาในปี 1994
แจ็ก เดอะริปเปอร์ (Jack the Ripper) ปี ไม่สามารถระบุตัวตนได้-1888
ชื่อของ “แจ็ก เดอะริปเปอร์” ใคร ๆ ก็ต้องได้ยิน แม้จะไม่ใช่คนอังกฤษก็ตาม แต่จนถึงปัจจุบันนี้ ก็ยังไม่มีใครทราบว่า ตัวตนที่แท้จริงของฆาตกรต่อเนื่องที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมาคนนี้ เป็นใคร? ชายหรือหญิงก็ไม่ทราบ? แต่มีหลายคนสันนิษฐานว่า “เอช. เอช. โฮล์ม (H. H. Holmes)” คือฆาตกรสุดเหี้ยมรายนี้
ช่วงที่ “แจ็ก เดอะริปเปอร์” ก่อเหตุ เกิดขึ้นในปี 1888 และมักจะก่อเหตุในย่าน “ไวท์แชปเปล (Whitechapel)” ในกรุงลอนดอนของอังกฤษ การฆ่าของเขาก็อำมหิตใช่ย่อย ฆาตกรรายนี้สังหารโสเภณีไปไม่ต่ำกว่า 5 คน ด้วยการกรีดหน้าท้องและคอของหญิงสาวที่เป็นเหยื่อให้ตายอย่างช้า ๆ และบางรายเขาจะผ่าเอามดลูกออกมาสด ๆ แล้วเก็บอวัยวะดังกล่าวไว้เป็นที่ระลึก
แม้จะไม่มีใครสามารถค้นหาตัวตนที่แท้จริงของ “แจ็ก เดอะริปเปอร์” ได้แล้ว เนื่องจากหลักฐานหายไปตามกาลเวลา แต่ถึงกระนั้นวงการบันเทิงและวรรณกรรมก็มักจะหยิบคดีโหดของฆาตกรรายนี้ มาสร้างเป็นภาพยนตร์, ซีรีส์ หรือเขียนเป็นนิยาย
โจคิม คราวล์ (Joachim Kroll) ปี 1933-1991
“โจคิม คราวล์” เป็นฆาตกรต่อเนื่องชาวเยอรมัน เขาสังหารเหยื่อไปไม่น้อยกว่า 14 ราย ในจำนวนนี้มีเด็กรวมอยู่ด้วย ในช่วงปี 1955 และ 1976 วิธีการฆาตกรรมเหยื่อของเขา มักจะทำด้วยสองมือเปล่า และเมื่อปลิดชีพเหยื่อสำเร็จ ก็จะมีเพศสัมพันธ์กับศพ แล้วสับร่างเหยื่อเป็นชิ้น ๆ มารับประทาน และเหตุการณ์ที่ทำให้เขาถูกตำรวจจับ ก็แสนจะอิหยังวะมาก ๆ เมื่อมีเพื่อนบ้านคนหนึ่งออกมาโวยเรื่อง “ท่อน้ำประปาอุดตัน” และเมื่อช่างประปามาพบก็รู้ต้นเหตุของการอุดตันสุดช็อก เพราะในท่อดังกล่าวเต็มไปด้วยเศษเนื้อมนุษย์ ที่น่าขนลุกกว่าคือ ตอนที่ตำรวจบุกจับกุม “โจคิม คราวล์” เขากำลังรับประทานเนื้อของเด็กชาย “มาเรียน เคทเทอร์ (Marion Ketter)” วัย 4 ขวบ ที่เขาเพิ่งสังหารสด ๆ ร้อน ๆ ภาพดังกล่าว เรียกว่าติดตาเจ้าหน้าที่จนวันตายเลยเชียวล่ะ!
โจเซฟ เจมส์ เดอแองเจโล (Joseph James DeAngelo) ปี 1945-ปัจจุบัน
ฆาตกรต่อเนื่องรายนี้ก่อเหตุฆาตกรรมช่วงปี 1974-1986 “โจเซฟ เจมส์ เดอแองเจโล” สังหารเหยื่อไปมากกว่า 13 ราย, ข่มขืนเหยื่อมากกว่า 50 คน และลักทรัพย์คนมามากกว่า 100 ครั้ง! ก่อเหตุเยอะมากขนาดนี้ เพื่อน ๆ คงเริ่มสงสัยแล้วว่า เขารอดมือตำรวจไปได้อย่างไรกัน? และนี่คือคำตอบ… เขาเผยว่า ตัวเองเคยเป็นอดีตตำรวจ จากการฝึกฝนในองค์กรตำรวจ ทำให้เขาสามารถวางแผนก่อเหตุได้อย่างแนบเนียนมากที่สุด และแทบไม่เหลือหลักฐานสาวถึงเขาได้
วิธีการฆาตกรรมเหยื่อของเขา ก็แสนจะชิลล์ หนึ่งในวิธีการนั้นก็คือ “โจเซฟ เจมส์ เดอแองเจโล” จะไปใช้ชีวิตอยู่ในบ้านของเหยื่อที่เล็งไว้แล้ว เหมือนกับเพื่อนหรือคนรู้จักที่แสนดีคนหนึ่ง ไม่ว่าจะช่วยทำงานบ้าน, กินอาหารร่วมโต๊ะกับเหยื่อ (ก่อนเสียชีวิต) จากนั้นก็จะเริ่มข่มขู่เหยื่อว่า จะฆ่าครอบครัวของพวกเธอ หรือบางครั้ง เหยื่อสาวที่เขาหมายปองอาศัยอยู่กับสามี ฆาตกรต่อเนื่องรายนี้จะหลอกล่อเหยื่อผู้หญิง ให้จับผู้ชายมัดกับเก้าอี้และวางจานไว้ด้านหลังของผู้ชาย หากผู้ชายขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย เสียงแตกของจานจะเตือนให้เขารู้ว่า ผู้ชายขัดขืน เมื่อผู้ชายจำยอมต่อการกักขังหน่วงเหนี่ยวนี้ไว้แล้ว เขาจะเริ่มข่มขืนหญิงสาวในอีกห้องหนึ่ง
นอกจากนี้ เหยื่อบางรายก็ถูก “โจเซฟ เจมส์ เดอแองเจโล” หลอกให้ตายใจว่า เขาไม่อยู่ในบ้านแล้ว ก่อนซ่อนตัวอยู่ในเงามืด เมื่อเหยื่อโผล่มา ก็จะกระโดดออกมาเซอร์ไพรส์ และหลังจบการฆาตกรรม ก็มักจะนำของบางอย่างของผู้เสียชีวิต ติดไม้ติดมือกลับบ้านมาด้วย
เปโดร โลเปซ (Pedro López) ปี 1948-ปัจจุบัน
“เปโดร โลเปซ” เป็นฆาตกรต่อเนื่องชาวโคลอมเบีย จากคำบอกเล่าของคนท้องถิ่นในประเทศโคลอมเบีย บอกว่า เขาได้ฆ่าข่มขืนหญิงสาวมากกว่า 300 คน ในหลายประเทศ ได้แก่ โคลอมเบีย, เอกวาดอร์ และเปรู ในจำนวนสามร้อยกว่าคนนี้ เป็นคนพื้นเมืองอย่างน้อย 100 คน
จนกระทั่งในปี 1980 “สัตว์ประหลาดแห่งเทือกเขาแอนดีส (Monster of the Andes)” หรือ “เปโดร โลเปซ” ก็ถูกตำรวจจับกุมตัวได้ จากหลักฐานที่โยงถึงตัวฆาตกรต่อเนื่องรายนี้ พบว่า เขาสังหารเด็กและผู้หญิงในโคลอมเบียไปทั้งหมด 53 ราย อายุตั้งแต่ 9-12 ปี สังหารเด็กสาวอีก 110 ราย ในเอกวาดอร์ และฆ่าข่มขืนเด็กผู้หญิงในเปรูไปทั้งหมด 240 ราย
แต่ ๆ เนื่องจาก “เปโดร โลเปซ” เป็นนักโทษชายที่มีความประพฤติดี ทำให้เขาถูกปล่อยตัวออกมาจากเรือนจำในปี 1998 หรือ 18 ปี หลังจากชดใช้กรรมในเรือนจำ และที่ทำให้คนในสามประเทศนี้อกสั่นขวัญหนีดีฝ่อมากขึ้นไปอีก คือ ไม่มีใครรู้ว่า เขาไปอยู่ที่ไหนแล้ว
กิลส์ เดอ เรยส์ (Gilles de Rais) ปี 1404-1440
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ นอกจาก “กิลส์ เดอ เรยส์” จะเป็นอัศวินผู้ร่ำรวยและท่านลอร์ด, ผู้นำกองทัพฝรั่งเศส และยังเป็นแขนขาของ “โจนออฟอาร์ก (Joan of Arc)” เขายังเป็นฆาตกรต่อเนื่องผุ้บ้าคลั่งด้วย! ในช่วงปี 1432-1433 มีรายงานว่า เขาได้เล่นชู้กับหญิงสาว แล้วก็ฆ่าพวกเธอ (หรือบางรายก็สั่งเก็บ) ผู้เสียชีวิตเป็นเด็กอย่างน้อย 40 ราย ล้วนแล้วแต่เป็นเด็กผู้ชายทั้งสิ้น! โดยเจ้าหน้าพบศพเหยื่อจำนวนมากในสภาพเปลือยเปล่าในที่พักของเขา
วิธีการล่อลวงของเขาก็สุดแสนจะธรรมดา คือ หลอกล่อเด็กหนุ่มด้วยการมอบเสื้อผ้าสวยงามให้สวมใส่ฟรี ๆ, เลี้ยงอาหารมื้อใหญ่เอาอกเอาใจแบบจุก ๆ และให้พวกเขาดื่มไวน์จนเมามาย จากนั้นเขาก็รอเวลาได้ปลดปล่อยสัญชาตญาณดิบของตัวเองกับเด็กหนุ่ม แล้วสังหารพวกเขาในตอนจบ
ริชาร์ด รามิเรซ (Richard Ramirez) ปี 1960-2013
ตลอดระยะเวลาหลายปีในช่วงยุค 1980 “ริชาร์ด เรมิเรซ” ได้ก่อเหตุสะเทือนขวัญชาวอเมริกันในนครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ไว้มากมาย อันเป็นที่มาของฉายา “นักฆ่าแห่งรัตติกาล (Night Stalker)” ที่สื่อและตำรวจมอบให้กับเขา เขามักจะบุกรุกบ้านของเหยื่อ แล้วทรมานพวกเขาก่อนสิ้นใจ บางรายเขาจะข่มขืนก่อน แล้วค่อยปลิดชีพทีหลัง เหยื่อเพศหญิงของเขามีจำนวนมาก อายุตั้งแต่ 20 ต้น ๆ ไปจนถึง 79 ปี อาวุธที่เขาเลือกใช้สังหารเหยื่อก็มีตั้งแต่ปืนพก, มีด, เหล็กยาง หรือแม้กระทั่งค้อน
หลังถูกจับกุมตัวได้ “ริชาร์ด รามิเรซ” ไม่เคยสำนึกในการกระทำที่ผิดของเขาแม้แต่น้อย ทำให้ศาลพิพากษาประหารชีวิตฆาตกรต่อเนื่องที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่โลกเคยมี แต่เขากลับชิงหนีจากโลกใบนี้ไปก่อนถึงวันประหารชีวิต ด้วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
เฮนรี โฮเวิร์ด โฮล์มส์ (Henry Howard Holmes) ปี 1861-1896
ในบรรดาฆาตกรต่อเนื่องที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมาทั้งหมด “เฮนรี โฮเวิร์ด โฮล์มส์” ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกมากนัก ตามประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เขาเป็นศิลปินชาวอเมริกันที่ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ในนครชิคาโก้ของสหรัฐฯ เมื่อปี 1885 และทำงานอยู่ที่ร้านขายยา และข้าง ๆ ที่ทำงานดังกล่าว เขาได้สร้างตึกที่ต่อมาเรียกกันว่า “ปราสาทสังหาร (Murder Castle)” ไว้สังหารเหยื่อมากมายอย่างเลือดเย็น มีจำนวนระหว่าง 20-200 ราย จากการคาดการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
โดย “เฮนรี โฮเวิร์ด โฮล์มส์” จะลวงเหยื่อที่มาชมนิทรรศ “1893 Columbian Exposition” ในนครชิคาโก มายังปราสาทสังหาร ภายในสถานที่แห่งนี้ จะมีห้องลับมากมาย ซึ่งเขาไว้ใช้ทรมานเหยื่อ และยังมีประตูลับมากมาย ซึ่งช่วยให้เขาเคลื่อนย้ายศพไปบนดาดฟ้าหรือห้องใต้ดินได้อย่างรวดเร็ว วิธีการทำลายศพเหยื่อก็คือ เผาในเตาเผา อย่างไรก็ตาม เขาถูกจับกุมตัวหลังก่อเหตุฆาตกรรมเพื่อนตัวเอง “เบนจามิน ฟรีลอน พิติเซล (Benjamin Pitezel)” เมื่อปี 1896
ตอนนี้เพื่อน ๆ ก็รู้กันแล้วว่า 13 คนที่นักประวัติศาสตร์ยกให้เป็น “ฆาตกรต่อเนื่องที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา” มีใครบ้าง อ่านแล้วเก็บไว้เป็นความรู้สนุก ๆ คุยกับเพื่อนที่ชอบประวัติศาสตร์กันได้ แต่อย่าได้หาทำตามกันนะทุกคน เพราะมิเช่นนั้นจะถูกจับติดคุกติดตารางกัน และเลวร้ายที่สุดคือ ถูกจำคุกตลอดชีวิต หรือในบางประเทศถึงขั้นประหารชีวิตเลยนะเออ!
ที่มาข้อมูล: Online Psychology Degree และ Britannica
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: เผย 9 ฆาตกรต่อเนื่องที่หล่อที่สุดในสหรัฐฯ อ้างอิงจากความเห็นของสื่อมะกัน
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: เผยภาพเปรียบเทียบนักแสดงกับบุคคลจริงในซีรีส์ “Monster the Jeffrey Dahmer Story” ทาง Netflix
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: 10 เรื่องจริงที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับ “Monster The Jeffrey Dahmer Story (ปิศาจ เจฟฟรี่ย์ ดาห์เมอร์)” ทาง Netflix