อยากขับรถเป็น แต่ไม่อยากเสียเงินเข้าโรงเรียนสอนขับรถ แถมช่วงนี้ต้องมี Social Distancing ห่างไกล ห่างโรค อีกต่างหาก การเรียนขับรถกับคนใกล้ชิด อย่างคนในครอบครัวและเพื่อนสนิท จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ แต่จะดีจริงหรือไม่? ไปส่อง “ข้อดี-ข้อเสีย” ของการเรียนขับขี่รถกับครอบครัว กันก่อน!
ข้อดี
1. ประหยัดค่าใช้จ่าย
เพราะไม่มีค่าครู ค่าเช่ารถ ค่าประกันใด ๆ ทำให้ประหยัดไปได้หลายพันบาท หรือเกือบหมื่นบาทเลยเชียว (หากเรียนกับโรงเรียนสอนขับรถชื่อดัง)
2. สามารถฝึกขับเองได้เมื่อว่าง
ใจกล้า พร้อมลุยลงถนนเมื่อไหร่ ก็สามารถฝึกขับได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเช้า กลางวัน บ่าย เย็น หรือค่ำ แต่แนะนำว่า ช่วงเวลาที่เหมาะกับการเรียนขับขี่ที่สุด คือ ช่วงเช้าถึงบ่าย
3. รถที่ใช้ขับเป็นของตัวเอง
สุขใดเล่า จะเท่ากับได้ขับรถของตัวเอง ที่สำคัญ จะทำให้ผู้หัดขับขี่ชินกับรถยนต์ที่ต้องใช้ขับเป็นในชีวิตประจำวันจริง ๆ ด้วย
4. ครอบครัวรู้ว่าคุณเรียนรู้เร็ว หรือช้า
จะมีใครเข้าใจเรา ได้มากกว่าคนในครอบครัว เช่น พ่อแม่ ที่ฟูมฟักเรามา พวกเขาจะรู้ว่า ทำไมเราถึงตัดสินใจขับรถเช่นนี้ หรือสามารถเรียนรู้ได้เร็ว ขับเป็นใน 3 วัน หรือต้องใช้เวลาเป็นเดือน อีกอย่าง “เราและพ่อแม่” ต่างมีความไว้เนื้อเชื่อใจกัน
5. ไม่ต้องสุภาพเรียบร้อยตลอดเวลา เมื่อไม่ได้ดั่งใจ
วาจาไม่ต้องสำรวมมาก เพราะเราขับให้คนกันเองนั่ง
6. ครอบครัวพร้อมอธิบายเหตุผลยาวเหยียดกับคุณ
เมื่อเรามีคำถาม ครอบครัวก็พร้อมอธิบายให้ฟังอย่างละเอียด ไม่ว่าคำถามนั้นจะงี่เง่ามากแค่ไหนก็ตาม
ข้อเสีย
1. อาจมีค่าใช้จ่ายสูง เช่น สมัครประกัน หรือค่าน้ำมัน
การเรียนขับรถกับครอบครัว จะมีค่าใช้จ่ายสูง เมื่อเราเรียนรู้ได้ช้า หรือประมาทเลินเล่อระหว่างขับขี่ ทำให้ชับชนนั่น ชนนี่ ไปเรื่อย ต้องเสียค่าซ่อมรถตั้งแต่หลักพันยันหลักแสนบาทได้ หรือบางคนในครอบครัว อาจไม่มั่นใจว่า เราจะหัดขับขี่ได้อย่างปลอดภัย ก็ต้องเสียเงินซื้อประกันรถยนต์ ที่มีหลายชั้นให้เลือก
2. พ่อแม่ หรือเพื่อน ไม่มีประสบการณ์สอน
ครอบครัว ไม่ได้สามารถเป็นทุกอย่างให้เราได้ เช่น ครูสอนขับรถ เพราะการสอนเป็นทักษะอย่างหนึ่ง หาก “พ่อแม่” เราสอนไม่เป็น การเรียนขับรถครั้งแรกในชีวิต ก็กลายเป็นฝันร้ายได้เหมือนกัน
3. รถของคุณไม่มีที่เหยียบเบรกฝั่งข้างคนขับ
รถยนต์ปกติ ไม่มีเกียร์เบรค อยู่ฝั่งคนนั่งข้างคนขับ ในขณะที่รถที่ใช้สอนขับตามโรงเรียนสอนขับรถยนต์ จะมีเกียร์เบรคติดตั้งไว้ฝั่งที่นั่งข้างคนขับทุกคัน งานนี้ผู้หัดขับรถต้องระมัดระวังไม่เหยียบคันเร่งแรงเกินไป เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้
4. อาจทะเลาะกันได้ตลอดเวลา
นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้กับทุกคนที่เรียนขับรถกับครอบครัว เพราะคนที่ขับเป็นอยู่แล้ว จะรู้ข้อผิดพลาดของเราทุกการเคลื่อนไหว โดยเฉพาะคนที่ใจร้อน เป็นต้องมีประทะคารมเดือดกับพ่อแม่บ้างหล่ะ
5. ผ่านการสอบใบขับขี่ในครั้งแรกได้ยาก
พ่อแม่ ไม่ได้มีทริคในการขับขี่ มากเท่าครูสอนขับรถมืออาชีพ ทำให้การสอบด่านต่าง ๆ เพื่อรับใบขับขี่อาจไม่ราบรื่นนัก ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับทักษะและประสบการณ์ของผู้หัดขับรถด้วย
6. อาจติดนิสัยการขับขี่แย่ ๆ มาจากคนที่สอนคุณ
ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ สุภาษิตนี้ ใช้กับการเรียนขับรถกับคนในครอบครัวได้เช่นกัน เพราะผู้หัดขับรถจะซึมซับพฤติกรรมของครูผู้สอน หรือมีพฤติกรรมเลียนแบบในการขับขี่ ถ้าเจอรถปาดซ้าย ปาดขวา ไม่สนผู้ใช้ถนนคนอื่น ก็พึ่งรู้ไว้ว่า ผู้ขับขี่เหล่านั้น อาจถูกสอนโดยคนในครอบครัวที่เฟี้ยวฟ้าวใจร้อนนั่นเอง
และโปรดจำให้ขึ้นใจว่า “ผู้ที่สอนคุณขับรถยนต์ควรเป็นผู้มีอายุมากกว่า 21 ปี ขึ้นไป และมีใบขับขี่ถูกกฎหมาย”
The Joi ขอให้ทุกคนโชคดีและขับขี่รถยนต์อย่างปลอดภัย!
ที่มาข้อมูล Spot On และ Ingenie