เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่พูดถึงกันมากบนโลกโซเชียล สำหรับกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Max Udomsak ได้โพสต์เรื่องราวของคุณลุงท่านหนึ่งวัย 78 ปี ที่ตามองไม่ค่อยชัด ทำอาชีพขายโจ๊กในมุมมืดบริเวณร้านสะดวกซื้อเซเว่น ตึกแมนชั่น KJS ซอยหมอเหล็ง ดินแดง กรุงเทพฯ ซึ่งไม่ค่อยได้รับความสนใจ จนมีบางวันขายได้แค่ถ้วยเดียว ก่อนจะได้มีการโพสต์เลขบัญชีให้คนเข้ามาบริจาคเพื่อเป็นค่าหอพักใหม่ และเป็นค่ารักษาดวงตา รวมถึงค่าใช้จ่ายในการไปหาหมอ
ต่อมาหลังเรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ก็มีชาวเน็ตแห่มาอุดหนุนเป็นจำนวนมาก จนคุณตายยิ้มออก เพราะขายหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว แถมยังบริจาคเงินให้คุณตา จนได้ห้องพักใหม่ ที่ไม่ต้องโดนไล่ที่อีกต่อไป
หลังจากนั้นได้มีการอัพเดทว่า ตอนนี้คุณลุงขอปิดรับบริจาคแล้ว เพราะยอดเงินในบัญชีค่อนข้างมากแล้ว และคุณลุงกลัวเกิดอันตราย เพราะมีคนไม่ดีแอบแฝงเข้ามาหาผลประโยชน์มากมาย จนคุณลุงนอนไม่หลับเพราะหวาดระแวงหากยอดเงินพุ่งสูงไปมากกว่านี้ จะยิ่งเป็นอันตรายกับลุงมากขึ้น
ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก เงินบริจาคให้เด็กตกตึกไปไหน ได้โพสต์ข้อความระบุว่า สถานการณ์ของลุงขายโจ๊กนั้นน่าเป็นห่วง และแกควรได้รับการช่วยเหลือ แต่อย่างไรก็ตาม จากข่าวนี้ก็ได้มีข้อสงสัยหลายประการเกิดขึ้น จนนำไปสู่การตั้งคำถามว่ากลุ่มวัยรุ่นช่วยเหลือลุงโดยบริสุทธิ์ใจหรือไม่ ไปจนถึงคำถามที่ว่า ลุงเป็นคนยากไร้จริงๆ หรือเปล่า ซึ่งประเด็นน่าสงสัยแบ่งได้ดังนี้
1.ลุงเป็นคนไร้บ้าน อาศัยอยู่ย่านซอยหมอเหล็ง แต่ทำไมถึงมีการเปิดบัญชีธนาคารที่หัวหมาก ซึ่งห่างกันพอสมควร และจะรู้ได้อย่างไรว่าบัญชีธนาคารที่เปิดรับบริจาค เป็นบัญชีของลุงจริงๆ
2.กลุ่มวัยรุ่นเปิดเผยว่า ลุงมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ดังนั้นหมายความว่าลุงน่าจะมีทะเบียนบ้าน และการมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แปลว่าลุงน่าจะกดเงินเป็น ทั้งนี้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นบัตรของธนาคารกรุงไทย แต่ทำไมลุงถึงมีบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ด้วย และลุงมีบัตรเอทีเอ็มธนาคารไทยพาณิชย์ด้วยหรือไม่
3.ลุงเคยเปิดเผยว่าลูกๆเสียชีวิตจากคดีแพรวา9ศพ แต่กลับไม่พบรายชื่อที่เกี่ยวข้อง และไม่เคยเ็นข่าว นอกจากนี้แล้วลุงเสียเงินหลายแสนในการคิดตามคดี รวมถึงจ่ายค่าวางศาล แล้วค่าวางศาลคือเงินอะไร กลุ่มวัยรุ่นอ้างว่าสอบถามเรื่องนี้จากลุงแล้ว แต่ลุงบอกว่าบอกไม่ได้เพราะศาลไม่ให้พูด
4.กลุ่มที่ช่วยเหลือลุงได้เปิดรับบริจาคมาหลายวัน รวมถึงขอบริจาคเงิน 50,000 บาท เพื่อผ่าตัดตาให้กับลุง ซึ่งคาดว่าขณะนี้ยอดเงินบริจาคน่าจะเกินความต้องการไปมากแล้ว
5.ลุงอาจโกหกเรื่องลูก และเงินที่ได้นั้น อาจทำให้ชีวิตลุงตกอยู่ในความเสี่ยง จนนำไปสู่การถูกปล้นหรือจี้ จากกลุ่มมิจฉาชีพ ตรงนี้จะช่วยเหลือหรือป้องกันอย่างไร
ทั้งนี้ ทางเพจยังระบุด้วยว่า เรื่องราวของลุงขายโจ๊กนั้นน่าสงสารจริงๆ และไม่ได้มีเจตนาที่จะใส่ความให้เสียหาย เพียงแค่อยากให้คนในสังคมพิจารณาให้ดีเสียก่อน บ้างก็ว่า ลุงแก่เกินไปที่จะมาสร้างเรื่องหลอกลวง และอีกทั้ง ลุงยังมีอาการที่ป่วย และยังต้องได้รับการรักษาอย่างจริงจัง เนื่องจาก ตัวลุงเองก็มีตัวคนเดียวไม่มีลูกหลานและไม่มีบ้านอยู่จริงๆ