ถือเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์แอนิเมชั่นฟีลกู้ดมาแรงจริง ๆ สำหรับ “The Sea Beast อสูรทะเล” ที่ล่าสุดไต่ขึ้นไปสู่อันดับ 1 บนชาร์จ Netflix ประเทศไทยไปแล้วเรียบร้อย
โดยการ์ตูนเรื่องนี้จะบอกเล่าเรื่องราวของหนุ่มนักล่าอสูรทะเลที่ได้ออกตามล่า “อสูรสีแดง” หรือ “อสูรคำราม” พร้อมกับเหล่านักล่าอสูรทะเลบนเรือของนักล่าที่เก่งที่สุด แต่ทว่าปฏิบัติการของพวกเขากลับไม่สำเร็จ และทำให้ทางราชวงศ์ไม่ขอสนับสนุนนักล่าอสูรทะเลอีกต่อไป พร้อมทั้งยังสร้างเรือรบเพื่อล่าอสูรเอง ทำให้พวกเขาต้องแข่งขันกับทางเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อตามล่าอสูรสีแดงตัวนี้
แต่แล้วเรื่องราวกลับพลิกผันเมื่อเขาได้พบกับสาวน้อยที่มีความฝันในการเป็นนักล่าอสูรทะเลอย่าง “เมย์ซี่” และได้ร่วมผจญภัยด้วยกัน ก่อนที่ความคิดของพวกเขาเกี่ยวกับอสูรทะเลจะเปลี่ยนไป และทำให้พวกเราคนดูได้ค้นพบว่า บางทีสิ่งที่เราคิดหรือเชื่อนั้นก็อาจจะไม่ใช่ความจริงทั้งหมด ส่วนใครที่ยังไม่ได้ดู รับชมได้ที่ Netflix แล้ววันนี้ แอบกระซิบว่ามีพากย์ไทยด้วยนะ!
อย่างไรก็ตาม หลายคนที่ได้รับชมการ์ตูน The Sea Beast เรียบร้อยแล้ว ต่างโดนเหล่าอสูรทะเลในเรื่องตกกันเป็นแถว เพราะบอกเลยว่าดีไซน์ของน้อง ๆ แต่ละตัวนั้นช่างน่ารักตะมุตะมิ แต่เพื่อน ๆ รู้กันรึเปล่าว่าเหล่าอสูรทะเลใน The Sea Beast นี้ ถูกดีไซน์ออกมาโดยได้รับแรงบันดาลใจจากสัตว์โลกจริง ๆ
วันนี้ The Joi เลยจะพาเพื่อน ๆ ไปส่อง สัตว์โลกที่เป็นต้นแบบของ 5 อสูรจาก “The Sea Beast อสูรทะเล” แอนิเมชั่นมาแรงบน Netflix จะมีตัวอะไรบ้างนั้น ตามเราไปชมกันเลย!
1. อสูรหลังปล้อง (The Prickleback)
ประเดิมกันด้วยเจ้าอสูรทะเลตัวแรก ๆ ที่โผล่มาในเรื่อง The Sea Beast อย่างเจ้า “อสูรหลังปล้อง” (The Sea Beast) ที่โผล่มาปุ๊บก็แสดงความน่ากลัวและทรงพลังแบบสุด ๆ
คุณ “คิมชิยูน” (Kim Shiyoon) ผู้ออกแบบตัวละครกล่าวว่า เขาได้รับแรงบันดาลใจของเจ้าอสูรหลังปล้องมาจากจระเข้และหนวดปลาหมึก โดยเขาได้นำเอาหนวดของปลาหมึกมาผสมผสานกับผิวหนังที่แข็งและหนา รวมทั้งใบหน้าที่มีความคล้ายคลึงกับจระเข้ โดยพวกเขามีความตั้งใจให้คนดูได้พบกับเจ้าอสูรตัวนี้ก่อน เพื่อให้ความเข้าใจเกี่ยวกับอสูรนั้นดูลี้ลับและน่ากลัว ทำให้คนดูมีความรู้สึกร่วมกันกับเหล่านักล่าอสูร
2. อสูรครัสเตเชียนสีม่วง (The Purple Crustacean)
การปรากฏตัวของ “อสูรครัสเตเชียน” (The Purple Crustacean) เกิดจากความต้องการของผู้สร้างที่อยากจะใส่ฉากสัตว์ประหลาดต่อสู้กันเหมือนในหนังฟอร์มยักษ์ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องคิดหาอสูรทะเลที่ดูเป็นคู่แข่งที่มีความสมน้ำสมเนื้อ และมีทักษะการต่อสู้ที่สูสีกัน
โดยทางทีมผู้ออกแบบได้ใช้ปูแมงมุมญี่ปุ่นมาเป็นแรงบันดาลใจของอสูรทะเลตัวนี้ โดยเฉพาะในส่วนผิวหนังที่หนาและแหลมคม ไปจนถึงปากของมัน พวกเขาระบุว่าในความเป็นจริงปากของปูจะเป็นปากเล็ก ๆ ที่มองดูแล้วอาจจะเห็นไม่ชัดนัก แต่ทีมงานอยากให้คนดูได้เห็นปากและเขี้ยวที่ดูเหมือนกรงเล็บที่ทรงพลัง จึงได้เพิ่มขนาดและความน่ากลัวของเขี้ยว และยังมีการเพิ่มในส่วนของขากรรไกรที่ทำหน้าที่เปิดและปิดปากให้อีกด้วย
3. อสูรสีเหลือง (The Yellow Sea Beast)
เรื่องของความนุบนิบต้องยกให้กองทัพของเจ้า “อสูรสีเหลือง” (The Yellow Sea Beast) ที่ฟักออกมาจากไข่ มีลักษณะเป็นก้อนกลม ๆ ที่น่ารักจนอยากได้มาเลี้ยงไว้ที่บ้าน
ทางทีมงานเริ่มเผยโฉมอสูรทะเลที่มีความน่ารักมากยิ่ง เพื่อให้คนดูได้เห็นภาพของอสูรในอีกมุมมองที่ต่างออกไป ดังนั้นต้นแบบในการออกแบบตัวละครน่ารักพวกนี้จึงแตกต่างออกไปจากการใช้สัตว์ที่มีความแข็งแกร่งทรงพลัง และเมื่อพวกเราได้เห็นภาพของแม่เจ้าก้อนกลมพวกนี้ ต่างก็เดากันได้ทันทีว่าต้นแบบของมันนั้นไม่ใช่ตัวอะไรที่ไหนแต่คือวอลรัสนั่นเอง อย่างไรก็ตามทางทีมงานได้เพิ่มจำนวนครีบของมันให้มากกว่าเดิม โดยพวกมันมีครีบทั้งหมด 6 ครีบ และยังออกลูกเป็นไข่เหมือนกับสัตว์จำพวกแมลงหรือแมงไม่มีผิด
4. น้ำเงิน (Blue)
เช่นเดียวกันกับอสูรสีเหลือง ทางทีมงานต้องการให้ผู้ชมเห็นว่าอสูรทะเลที่อาศัยบนเกาะนั้นมีความน่ารักนุบนิ้บ พวกเขาจึงวางแผนที่จะออกแบบเจ้า “น้ำเงิน” (Blue) ให้ออกมามีหน้าตาและท่าทางเหมือนสัตว์เลี้ยงที่มนุษย์รักและเอ็นดู
ซึ่งสัตว์เลี้ยงแสนรักและแสนรู้ เพื่อนซี้ของมนุษย์นั้นก็ไม่ใช่อะไรที่ไหนแต่คือสุนัขนั่นเอง โดยทางทีมนักออกแบบระบุว่าพวกเขาได้รับแรงบันดาลใจของเจ้าน้ำเงิน มาจากสุนัขพันธุ์ปั๊ก โดยจะสังเกตได้จากโครงสร้างของเบ้าตาของน้ำเงินที่มีความโปนออกมา และมีดวงตากลมโตต่างจากอสูรทะเลที่น่าเกรงขามอย่างเจ้าแดง นอกจากนี้พวกเขายังเพิ่มความตะมุตะมิให้เจ้าน้ำเงินด้วยชั้นผิวที่ดูนุ่มลื่น และด้วยความที่มันเป็นสัตว์ที่ไม่มีกระดูก ทำให้ได้ความรู้สึกดึ๋ง ๆ เหมือนเยลลี่!
แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ได้ผสมผสานความเป็นอสูรทะเลให้กับน้ำเงิน ด้วยการเพิ่มครีบให้มันบริเวณศีรษะและพังผืดบริเวณขา นอกจากนี้ยังมีการใส่อวัยวะที่ยื่นออกมาจากศีรษะที่สามารถเรืองแสงได้ เหมือนกับปลาแองเกลอร์หรือปลาตกเบ็ด ที่หลายคนน่าจะจำได้จากการ์ตูน “Finding Nemo” นั่นเอง
5. แดง (Red)
ปิดท้ายกันด้วยอสูรทะเลตัวหลักของเรื่องอย่าง “อสูรคำราม” หรือเจ้า “แดง” (Red) ที่ทางทีมงานเผยว่าเป็นตัวละครที่ออกแบบยากมาก ๆ เพราะมันต้องมีทั้งมุมที่แข็งแกร่งทรงพลัง และมุมที่น่ารักกวนโอ๊ยในเวลาเดียวกัน
พวกเขารู้ว่าสเกลของเจ้าแดงต้องมีขนาดอยู่ที่เท่าไหร่ โดยมันต้องมีขนาดใหญ่พอที่จะสามารถให้คนทั้งคนเข้าไปยืนในรูจมูกของมันได้ พวกเขาจึงเริ่มมองหาไอเดียจากสัตว์จริง ๆ อีกครั้ง แต่บอกเลยว่างานนี้ไม่ง่ายเพราะเจ้าแดงนั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากสัตว์หลายตัวเลยทีเดียว จึงอาจเรียกได้ว่ามันเกิดจากจินตนาการล้วน ๆ
ทางทีมงานใช้ข้อต่อของเจ้าแดงแบบเดียวกับวอลรัส ทำให้มันสามารถเคลื่อนที่บนบกได้โดยการพับข้อต่อของมันเองและเดินอย่างสง่างามเหมือนกับแมว ในขณะที่ท่าทางในการเคลื่อนไหวในน้ำของมันได้รับแรงบันดาลใจจากวาฬ แต่ดันมีครีบเหมือนกับเต่าทำให้เวลาครีบของมันปะทะกับน้ำ การเคลื่อนไหวของมันจะดูโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น ส่วนหงอนด้านบนศีรษะของมันก็ได้แรงบันดาลใจจากฉลาม และดวงตาของมันก็มาจากสัตว์เลื้อนคลานเช่นเดียวกับเจ้าอสูรหลังปล้อง
และนี่ก็คือเบื้อหลังสัตว์โลกที่เป็นต้นแบบของ 5 อสูรจากการ์ตูน “The Sea Beast อสูรทะเล” ที่พวกเรานำมาฝากเพื่อน ๆ กันในวันนี้ บอกเลยว่าแต่ละตัวนั้นมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันจริง ๆ ขอย้ำอีกทีว่าใครที่ยังไม่ได้ดูการ์ตูน The Sea Beast ก็สามารถตามไปดูกันได้แล้วบน Netflix ส่วนใครที่ดูแล้วก็อย่าลืมมาแชร์กันนะว่าชอบอสูรตัวไหนมากที่สุด
ที่มาข้อมูล: TUDAM
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: ชาวเน็ตลงความเห็น “อสูรสีแดง” จาก “The Sea Beast อสูรทะเล” ดูคล้าย “พญานาคตะมุตะมิ” ที่เคยเป็นไวรัล!
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: ตามรอยการ์ตูน The Sea Beast! กับ 10 อสูรกายใต้ทะเลสุดสะพรึง ที่เคยมีชีวิตอยู่ในยุคดึกดําบรรพ์
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: เผยความหมาย 6 วัฒนธรรมอินเดียจากหนัง Gangubai Kathiawadi หญิงแกร่งแห่งมุมไบ