บอร์ดบริหารใหญ่ “Tesla Global” ยืนยันว่า ค่ายรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ของโลก ได้จดทะเบียนตั้งบริษัทที่ไทยจริง! งานนี้ซื้อง่าย มีศูนย์ซ่อมสะดวก
ฝันที่ไม่กล้าฝัน ได้เป็นจริงแล้ว! หลังคนไทยลุ้นมานานว่า “อีลอน มัสก์ (Elon Musk)” อภิมหาเศรษฐีเจ้าของค่ายรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ของโลก “เทสล่า (Tesla)” จะมาตั้งในประเทศไทยหรือไม่?
ล่าสุดวันนี้ (25 พฤษภาคม 2565) สื่อไทยสายรถยนต์ได้ตีข่าวสะพัดออกมาแล้วว่า “เดวิด จอน ไฟน์สไตน์ (David Jon Feinstein)” และ “ยาลอน ไคลน์ (Yaron Klein)” ซึ่งอยู่ในบอร์ดบริหารใหญ่ “Tesla Global” ได้ออกมายืนยันว่า “เทสล่า” ได้ตั้งบริษัทในไทยจริง โดยจดทะเบียนบริษัท “เทสล่า” ในไทย ที่กรมพัฒนาธุรกิจค้าในชื่อว่า “บริษัท เทสลา (ประเทศไทย) จำกัด” จดทะเบียนเมื่อ 25 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา ด้วยทุนจดทะเบียน 3,000,000 บาท
จุดประสงค์ของการจดทะเบียนตั้งบริษัทคือ ประกอบกิจการขายรถยนต์ไฟฟ้า, ระบบเก็บพลังงานแบบติดตั้ง และอุปกรณ์ที่ใช้กับระบบเก็บพลังงานแบบติดตั้ง, ระบบผลิตพลังงาน และอุปกรณ์ที่ใช้กับระบบพลังงาน
บริษัทตั้งอยู่ที่ 87 อาคารเอ็มไทย ทาวเวอร์ ออล ซีซั่นส์ เพลส (M Thai Tower All Seasons Place) ห้องเลขที่ 2319 ชั้นที่ 23 ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
มีรายชื่อคณะกรรมการของบริษัทที่สำคัญ ดังนี้
“ไวภา ตเนชา” เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายบัญชี
“เดวิด จอน ไฟน์สไตน์” เป็นผู้บริหารระดับสูงฝ่ายบุกเบิกตลาดใหม่ รวมถึงเป็นผู้บริหารระดับสูงของเทสล่า อินเดีย
“ยารอน ไคลน์” เป็นผู้บริหารทรัพย์สินของเทสล่า และซีเอฟโอของเทสล่า เอเนอร์จี้ โอเปอเรชั่น (Tesla Energy Operations)
นอกจากนี้ ยังมีข่าวลือในแวดวงอุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยและสื่อสายรถยนต์ว่า “เทสล่า” กำลังต่อรองกับรัฐบาลไทย เพื่อตกลงดีลร่วมกัน และทางเพจเฟซบุ๊ก “Blink Drive” คาดการณ์ว่า หาก “เทสล่า” ออกมาเปิด “Official” จริง ๆ จะมีผลตามมาดังต่อไปนี้
1. “เทสล่า” รุ่นเริ่มต้น อย่าง Model 3 จะมีราคา 1.7-2.2 ล้านบาท (รวมภาษีอื่น ๆ ทั่วไปแล้ว)
2. “เทสล่า” ทุกคันที่วิ่งในไทยตอนนี้จะได้อัพเดทซอฟต์แวร์ชุดประเทศไทย ทำให้ใช้งานแผนที่และระบบนำทางได้ทันที พร้อมกับคีย์บอร์ดไทยในระบบ
3. “เทสล่า” มาแล้วคงไม่มามือเปล่า แต่จะมาพร้อมกับการตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า “Tesla Supercharger” ทั่วประเทศไทยอย่างแน่นอน และอาจจะเชื่อมต่อไปยังประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ในอนาคต
4. รถ “เทสล่า” จะมีประกันซ่อมศูนย์ฯ เพื่อเพิ่มความอุ่นใจให้กับ “ชาวเทสล่า” ทันที
ผลเสียที่เกิดขึ้นจากการที่ “เทสล่า” มาไทย
1. อุตสาหกรรมยานยนต์จะต้องปรับตัวอย่างรุนแรงทันทีให้แข่งขันกับ “เทสล่า” ให้ทัน จะมีการเลิกจ้างงานในบางหน่วยงาน เช่น “R&D” และเครื่องยนต์
2. ค่ายรถในประเทศต้องปรับฐานราคา (ลดราคา) รถบางรุ่นเพื่อหนีจากฐานราคาเทสลาเพื่อคงลูกค้าเอาไว้ ผลกระทบจะทำให้ตลาดรถหรูมือสองปรับราคาลงทันทีชนรถญี่ปุ่นมือหนึ่งหลายรุ่นแน่นอน
3. ปตท. จะเสียรายได้แบบ (สะสม) ไปเรื่อย ๆ ลองคิดดูว่า ถ้ามียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าปีละ 10,000 คัน วิ่งรถปีล่ะ 10,000 กม. ก็เท่ากับว่า ยอดขายน้ำมันหายไปปีละ 5 ล้านลิตร (อย่างต่ำ) ปีหน้าขายได้อีก 10,000 คัน เท่ากับว่า ยอดขายน้ำมันหายไป 10 ล้านลิตร (จะลดอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ) คนในอุตสาหกรรมปิโตรเลียมอาจจะตกงานเยอะมากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย
4. อู่รถยนต์ต่างๆ ต้องปรับตัวให้รองรับการมารถยนต์ไฟฟ้าอย่างหนักขึ้น อย่างที่รู้คือ รถยนต์ไฟฟ้าไม่ต้องการการซ่อมบำรุงทุก 6-12 เดือนเหมือนรถยนต์น้ำมัน ทำให้อะไหล่ใช้แล้วทิ้งหลายตัวขายไม่ออก เช่น ไส้กรองน้ำมัน, ไส้กรองอากาศเครื่องยนต์ และอื่น ๆ
ปัจจุบัน “เทสล่า” มีรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด 4 รุ่น คือ
“Model S” ราคาประมาณ 3.4 ล้านบาท
“Model 3” ราคาประมาณ 4.6 ล้านบาท
“Model X” ราคาประมาณ 3.9 ล้านบาท
“Model Y” ราคาประมาณ 4.7 ล้านบาท
ใครเป็น “สาวกเทสล่า” ก็เตรียมเก็บเงินซื้อรถของค่ายนี้รอไว้เลยจ้า
ที่มาข้อมูล: iPhone Mod, Tesla และ Spring News
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: รถติดเราไม่เหงา! “อีลอน มัสก์” เอาใจคนชอบร้องเพลง ติดไมโครโฟนร้องคาราโอเกะในรถเทสล่า
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: วิจารณ์สนั่น! แม่ค้าตั้ง “ร้านทอดกุยช่าย” ใกล้สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าไม่หวั่นระเบิด
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: ถูกใจสายแคมป์! “SUZUKI CARRY X Jumtla Campiness” เปิดตัว “รถบ้าน” ในงานมอเตอร์โชว์ปีนี้