คลิปวิดีโอรถไฟฟ้าและรถบัสติดขนตาวิ่งชนแปรงมาสคาร่ายักษ์ในลอนดอน การตลาดจากแบรนด์ “Maybelline” ที่ชาวเน็ตให้ความสนใจจนกลายเป็นไวรัล! กลายเป็นคลิปไวรัลมาแรงอยู่ในตอนนี้ สำหรับการโปรโมตสินค้าของแบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำระดับโลกอย่าง “Maybelline” ที่เนรมิตขนตาขนาดใหญ่ให้ติดไว้กับขนส่งสาธารณะอย่าง “รถไฟฟ้าและรถบัส” ในกรุงลอนดอน ซึ่งสิ่งที่สร้างความฮือฮาให้กับการตลาดดังกล่าวก็คือ เมื่อรถเหล่านี้ขับผ่านมาสคาร่ายักษ์รุ่น Sky High (ที่ทางแบรนด์ทำขึ้นอีกเช่นเดียวกัน) เจ้าขนตาหน้ารถก็จะถูกปัดให้งอนเด้งสะบัด เพื่อสื่อถึงจุดขายของตัวผลิตภัณฑ์นั่นเอง อย่างไรก็ตาม หลังจากที่คลิปวิดีโอการโปรโมตมาสคาร่าของทางแบรนด์ Maybelline ได้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็ทำให้เกิดเป็นไวรัลขึ้นมาทันที...
ว่ากันด้วยเรื่องราวของการเรียกร้องสิทธิของความเท่าเทียมกันในปัจจุบัน ไม่เพียงแต่เพศชายและหญิง แม้แต่เพศที่สามก็เริ่มมีบทบาทมากขึ้น แต่ก็ยังมีคนบางกลุ่มมองว่า หากเมื่อไรที่ฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายที่ต้องเสียผลประโยชน์ กลับตีตราอีกฝ่าย ทั้งที่เรียกร้องให้สังคมเกิดความเท่าเทียมกัน แน่นอนว่า สังคมเราถูกปลูกฝังกันมาผู้ชายต้องยอมเสียสละให้กับสตรีเพศ แต่ก็เกิดคำถามและข้อถกเถียงไม่จบสิ้นว่าหากพวกเขาไม่ยอม ไม่ว่าเหตุผลใดก็แล้วแต่ จะมีสิทธิ์โดนตำหนิหรือไม่ เรื่องราวเริ่มขึ้นมาจากหญิงสาวรายหนึ่งได้ขึ้นรถไฟใต้ดิน แต่กลับไม่มีคนลุกให้เธอนั่ง โดยเธอโพตส์ภาพของตัวเธอเองในขณะที่กำลังยืนถือของอยู่ เต็มมือไปหมด พร้อมแคปชั่นว่า “หมดตัวแล้วกลับบ้านกันจ้า #ขอบ่นตามประสา ผู้ชายไทยบนรถไฟฟ้าใต้ดินบางคนสมัยนี้ เห็นผู้หญิงถือของมากมายก็ไม่ลุกให้นั่ง เห้อออออ” และเรื่องราวก็ได้เป็นประเด็นดราม่าขึ้นมาทันที เมื่อผู้ใช้เฟชบุ๊คอีกรายหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า วิสุทธิ์ วิริยากุลภัทร์...
ชาวเน็ตโพสต์เตือนภัย มิจฉาชีพสาวสูงวัยในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน อ้างกระเป๋าโดนกรีดจนเหยื่อเห็นใจต้องแบ่งเงินเป็นค่าเดินทางกลับบ้าน พบทำมานานแล้ว และไม่ใช่แค่พื้นที่นี้แค่ที่เดียว และพบว่าเคยก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้วเมื่อปี 2558 จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Atcharaphorn Bubpachat” ได้โพสต์เรื่องราวเตือนภัย ที่ตนเองได้เจอภายในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสายหนึ่ง โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นผู้โพสต์ได้ระบุว่า มีหญิงสูงวัยรายหนึ่งเดินเข้ามาพูดคุยกับตนเองให้ช่วยโทรศัพท์เข้ามือถือ แต่ปรากฎว่าโทรศัพท์ไม่อยู่ในกระเป๋า ประกอบกับตัวผู้โพสต์สังเกตเห็นว่ากระเป๋าของหญิงสูงวัยคล้ายโดนกรีด จึงได้สอบถามว่ากระเป๋าโดนกรีดหรือไม่ หญิงสูงวัยมีท่าทีตกใจและโอดว่าสิ่งของสำคัญสูญหายไปหมด ด้วยความสงสาร ผู้โพสต์จึงตัดสินใจยื่นเงินส่วนหนึ่งให้เพื่อเป็นค่าเดินทางกลับบ้าน พร้อมกับประณามมิจฉาชีพที่กรีดกระเป๋า ด้วยความหวังดีตนจึงเข้าไปสอบถาม...