โควิด-19 ได้เข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับวิถีชีวิตของเราไม่น้อย จนอาจกลายเป็น New Normal หรือ ความปกติแบบใหม่และกับสังคมไทยเอง จะมี New Normal อะไรเกิดขึ้นได้บ้าง
แต่ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกับคำว่า “New Normal” ก่อนนะคะ
“New Normal” หรือ “ความปกติแบบใหม่” หมายถึง สถานการณ์ พฤติกรรม การปฏิบัติต่าง ๆ ที่เราไม่คุ้นเคย หรือเคยเป็นสิ่งที่ผิดปกติก่อนหน้านี้แต่กลายมาเป็นมาตรฐานปกติในปัจจุบัน
เช่น การใส่หน้ากากอนามัยเมื่อต้องออกจากบ้าน และล้างมือด้วยเจลตลอดเวลา เจลล้างมือก็ได้กลายมาเป็นอุปกรณ์ปัจจัยสำคัญที่ทุกคนจะต้องมีติดกระเป๋า หรือเรียกได้ว่า หน้ากาก และ เจลแอลกอฮอล์ล้างมือเป็นอาวุธประจำตัวของทุกคนเลยก็ว่าได้นะ กลายเป็นเรื่องปกติเหมือนกับการสวมรองเท้าออกจากบ้าน แม้แต่พระสงฆ์ก็ต้องสวมใส่หน้ากากออกมาบิณฑบาต ซึ่งมาตรการข้อกำหนดของหลายๆ สถานที่ ออกกฎห้ามผู้ที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยเข้าใช้บริการ คล้ายเป็นการบังคับไปโดยปริยาย
นอกจากหน้ากากอนามัยแล้ว อีกหนึ่งอุปกรณ์ป้องกันที่คนไทยเพิ่งจะได้ทำความรู้จักและนำมาใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆ จังๆ ก็คือ หน้ากาก Face Shield ถ้าย้อนไปสัก 2 เดือนก่อนอาจจะเป็นภาพที่ดูแปลกประหลาดในสายตาคนรอบข้าง แต่ตอนนี้กลับเป็นภาพปกติสามัญไปซะแล้ว ว่าไปมันก็ดูเท่ไปอีกแบบนะ อิอิ
โดยหลังจากตัวเลขผู้ป่วยโควิด-19 ลดลง และมีการประกาศต่อเวลา พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีก 1 เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ 1-31 พฤษภาคม 2563 ทาง ศบค. ได้ประกาศมาตรการผ่อนปรนบางกิจการและกิจกรรม ให้กลับมาเปิดได้ เช่น ร้านอาหาร สวนสาธารณะ ร้านตัดผม แต่ต้องอยู่ภายใต้มาตรการป้องกันของ ศบค. อย่างเคร่งครัดนะจ้ะ
ร้านอาหารหลายร้านมีการปรับตัวตั้งแต่ถูกสั่งปิดครั้งแรก เปลี่ยนเป็นให้บริการเดลิเวอรี่แทนการนั่งรับประทานที่ร้าน และเมื่อได้กลับมาเปิดใหม่ ก็มีมาตรการใหม่เช่น ให้นั่งได้โต๊ะละ 1 คน หรือบางร้านหากต้องการให้โต๊ะหนึ่งนั่งได้หลายคน ก็จะมีการนำพลาสติกมาทำเป็นฉากกั้น หม้อใครหม้อมัน ชามใครชามมัน ไม่ใช้ร่วมกัน
จะว่าไปแอดมินก็รู้สึกแอบชอบวิธีการเว้นระยะห่างอยู่นะ เพราะเห็นคนเดินมาเป็นคู่แล้วหมันไส้ ฮ่าๆ โสดแล้วพาล ล้อเล่นน้าาาา
การขึ้นลิฟต์แบบเดิมที่เปลี่ยนใหม่ โดยผู้คนต้องยืนตามจุดที่ทำเครื่องหมายไว้ ด้วยการหันหน้าไปคนละมุม จำกัดจำนวนคนขึ้นลิฟต์ และไม่ยืนชิดเบียดๆกันเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว
แม้แต่พระสงฆ์ก็ต้องสวมใส่หน้ากากออกมาบิณฑบาต หรือทำที่กั้นแบบนี้ด้วยนะจ้ะ ทำบุญยุคโควิดจริงๆ
ร้านตัดผมก็ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างนึงกันเลยนะ หลังจากที่ล็อคดาวน์ปิดเมืองกันไปเป็นเดือนๆ ก็ทำให้หนุ่มๆแต่ละคนผมยาวจนทิ่มตา บ้างก็หนวดเคราขึ้น จะตัดผมเองก็ทำไมได้ จะให้ภรรยาที่บ้านตัดให้ ก็ไม่ไว้ใจฝีมือ ฮ่าๆ แต่ตอนนี้ก็เริ่มกลับมาเปิดกิจการกันบ้างแล้ว และก็ได้มีการปรับตัวตามเพื่อให้ปลอดภัยตามมาตรการของรัฐบาล ด้วยการ นั่งรอคิวเว้นระยะห่าง และงดการโกนหนวดให้ลูกค้า เพื่อหลักเลี่ยงการสัมผัสกับลูกค้าโดยตรง ก่อนตัดก็มีการตรวจวัดไข้กันก่อนด้วยนะ
ถนนที่ว่างเปล่าและโล่งขึ้นกว่าเดินเนื่องจากผู้คนส่วนากอยู่บ้านไม่ออกมาเดินช็อปปิ้ง แต่จะสั่งของทางออนไลน์กันซะส่วนใหญ่ และ Work from home เข้าออฟฟิศกันน้อยลง หรือบางบริษัทอาจเปลี่ยนเป็นทำงานที่บ้านไปตลอดเลยก็ได้หลังจากนี้ แต่ที่ไม่แน่ใจคือ บางคนใช้ชีวิตด้วยความคุ้นเคยแบบเก่า เช่น การเดินทาง ตอนนี้หยุด ทุกคนอาจรู้สึกว่าสบายดี ถนนโล่ง แต่อยู่บ้านสักพักเริ่มขาดชีวิตทางสังคม สภาพแวดล้อมการทำงานอาจไม่โอเค แต่พอกลับไปแบบเดิม ก็เจอรถติด อาจจะคิดว่า สิ่งที่เรารำคาญจะกลับมาอีกแล้วเหรอ
เพื่อนๆอ่านกันแล้ว คิดอย่างไรกับปรากฎการณ์ New normal กันบ้างคะ บอกให้เรารู้ในช่องแสดงความคิดเห็นข้างล่างเลย