จากกรณีที่คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติของไทย มีมติเห็นชอบในวันที่ 12 กรกฎาคม ให้ดำเนินการฉีดวัคซีนต่างชนิดร่วมกันได้ โดยผู้ได้รับวัคซีน Sinovac เข็มที่ 1 ให้ฉีด AstraZeneca เป็นเข็มที่ 2 โดยเว้นระยะเวลาในการฉีดห่างกัน 3-4 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา
หมอยงชี้ฉีดวัคซีนสลับชนิด เพิ่มประสิทธิภาพ สร้างปรากฏการณ์ Booster Effect
หลังจากนั้น ในวันที่ 13 กรกฎาคม กระทรวงสาธารณสุขได้เชิญ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หรือหมอยง หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ได้มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนไขว้ชนิดดังกล่าว
โดยทางด้านนพ. ยงได้ระบุถึงข้อดีในการฉีดวัคซีนไขว์ชนิด เนื่องจากการที่ประเทศไทยในขณะนี้มีวัคซีนไม่เพียงพอ การฉีดวัคซีนสลับชนิดจะช่วยให้ประชาชนได้รับวัคซีนในจำนวนที่มากขึ้น อีกทั้งชี้ว่าวัคซีนที่ผลิตในระยะแรกนั้น ผลิตโดยใช้สายพันธุ์ที่มีต้นกำเนิดในเมืองอู่ฮั่น แต่ขณะนี้ไวรัสมีการกลายพันธุ์ ทำให้การใช้วัคซีนที่ผลิตในระยะแรกนั้นไม่สามารถยับยั้งเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบันได้
นอกจากนี้ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันวัคซีนที่ใช้ในประเทศไทยใช้มี 2 ชนิดคือวัคซีนเชื้อตาย ประกอบด้วย Sinovac และ Sinopharm อีกชนิดคือวัคซีนไวรัลเวกเตอร์ ได้แก่ AstraZeneca
การฉีดวัคซีนเชื้อตาย เปรียบเสมือนการทำให้ร่างกายเราเคยติดเชื้อ และมีภูมิคุ้มกันขึ้นมาระดับหนึ่ง และเมื่อกระตุ้นด้วยวัคซีนต่างชนิด จะทำให้เกิดปรากฏการณ์ Booster Effect โดยผลการศึกษาจากการติดตามผู้ได้รับวัคซีนกว่า 40 ราย ในระยะเวลา 1 เดือน ได้ข้อมูลว่า
- ฉีดซิโนแวค 2 เข็ม ภูมิต้านทานสูงเท่ากับคนไข้ที่หายจากการติดเชื้อ ซึ่งยังไม่สูงพอที่จะสามารถป้องกันการติดเชื้อกลายพันธุ์ได้
- ฉีดแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม ภูมิต้านทานจะสูงเพียงพอป้องกันไวรัสที่กลายพันธุ์ได้ แต่ต้องใช้เวลาถึง 14 สัปดาห์
- ฉีดซิโนแวคเป็นเข็มที่ 1 และฉีดแอสตร้าเซนเนก้าเป็นเข็มที่ 2 ภูมิต้านทานขึ้นมาเกือบเท่ากับการฉีดแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม แต่ใช้เวลาน้อยกว่าคือเพียง 6 สัปดาห์
มั่นใจ! การศึกษานี้จีน-ฝรั่งตามไม่ทัน
นอกจากนี้ทางหมอยงยังระบุว่าแนวทางการฉีดวัคซีนสลับชนิดนี้เหมาะสำหรับคนไทย เพราะประเทศไทยมีวัคซีนเพียง 2 ชนิด คือ เชื้อตาย และไวรัลเวกเตอร์ หากในอนาคตมีวัคซีนชนิดอื่นเข้ามา ก็สามารถพัฒนาและศึกษาหาแนวทางที่ดีกว่าได้ พร้อมแสดงความมั่นใจโดยการกล่าวว่า
“แน่นอนการศึกษานี้ฝรั่งไม่ทันแน่นอน เพราะฝรั่งไม่ได้ใช้วัคซีนเชื้อตาย และจีนก็ไม่ได้ใช้วัคซีนไวรัสเวกเตอร์อย่างกว้างขวางในขณะนี้ ข้อมูลขณะนี้ผมมีเป็นจำนวนมาก มากพอที่จะสรุป เพราะทุกท่านให้ความร่วมมือดีมาก รวมทั้งอาสาสมัครที่อยู่ในการศึกษา เป็นจำนวนมาก ผมต้องขอขอบคุณอย่างยิ่ง”
WHO เตือนอย่าหาทำ แนะเป็น “แนวทางที่อันตราย”
ในทางกลับกันทางฝั่งดร. ซุมยา สวามินาธาน หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ประจำองค์การอนามัยโลก (WHO) ไม่แนะนำให้มีการฉีดวัคซีนผสม แม้มีผลศึกษาที่มีแนวโน้มว่าการฉีดวัคซีนผสมอาจได้ผลดี แต่ยังขาดหลักฐาน และมีข้อมูลที่จำกัด
นอกจากนี้ยังใช้คำว่าแนวทางนี้เป็น “Dangerous Trend” หรือเป็น “แนวทางที่อันตราย” หากประชาชนมีโอกาสเลือกตัดสินใจได้เองว่า จะฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 เข็มที่ 3 หรือ 4 ได้เมื่อไหร่ และจะใช้วัคซีนชนิดไหน สถานการณ์ในหลายประเทศ อาจจะโกลาหลและวิกฤติยิ่งกว่าเดิม
ขอบคุณข้อมูลจาก BBC News