ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กลายเป็นกระแสหลักของนวัตกรรมทั่วโลก บริษัทสตาร์ทอัพจำนวนมากเร่งพัฒนาแพลตฟอร์มที่อ้างว่าใช้ AI เพื่อดึงดูดเงินลงทุนจากนักลงทุนและสาธารณชน แต่ไม่ใช่ทุกบริษัทที่โปร่งใสหรือซื่อสัตย์กับสิ่งที่ตัวนำเสนอหรอกนะเพื่อน ๆ อย่างเช่นกรณีของ “Builder.ai” คือบทเรียนสำคัญของโลกธุรกิจที่หลงใหลในคำว่า “AI” มากเกินไป

Inc42
“Builder.ai” หรือชื่อเดิมคือ “Engineer.ai” ก่อตั้งขึ้นในปี 2016 โดย “ซาชิน เดฟ ดักกัล (Sachin Dev Duggal)” ด้วยวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ที่ใครได้ฟังแล้วต้องร้องว้าว คือการสร้างแพลตฟอร์มพัฒนาแอปฯ โดยไม่ต้องมีความรู้ด้านโค้ด ผ่านผู้ช่วย AI ที่เรียกว่า “นาตาชา (Natasha)” ซึ่งบริษัทอ้างว่าสามารถสร้างซอฟต์แวร์ได้ “ง่ายเหมือนการสั่งพิซซ่า”

Financial Times/ซาชิน เดฟ ดักกัล
บริษัทได้รับเงินลงทุนมากกว่า 450 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 16,200 ล้านบาท โดยได้รับการสนับสนุนจากยักษ์ใหญ่ เช่น “Microsoft”, “SoftBank’s DeepCore”, “IFC” และกองทุนการลงทุนของกาตาร์ (QIA) และเติบโตจนเคยมีมูลค่าประเมินสูงสุดถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 54,000 ล้านบาท

Geoplan
แต่ความจริงที่น่าตกใจคือ เทคโนโลยี AI ที่ถูกโฆษณานั้น “แทบไม่มีอยู่จริง” เพราะเบื้องหลังคือ “วิศวกรกว่า 700 คน” ที่ถูกจ้างมาเขียนโค้ดแบบแมนนวล และถูกอ้างว่าเป็นผลงานของ AI

UNILAD/ภาพประกอบบทความ
โดยมีุ้การตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความสามารถของระบบ AI ของ “Builder.ai” มาตั้งแต่ปี 2019 เมื่อ “Wall Street Journal” รายงานว่าโค้ดส่วนใหญ่ถูกสร้างโดยมนุษย์ ไม่ใช่ AI อย่างที่อ้าง ข้อกล่าวหาเริ่มชัดเจนขึ้นเมื่อ “ลีนาส เบลิอูนาส (Linas Beliūnas)” จากบริษัท “Zero Hash” โพสต์ใน “LinkedIn” ว่า “บริษัทนี้ไม่มี AI อะไรเลย เป็นแค่กลุ่มวิศวกรที่ทำตัวเป็น AI”

The American Bazaar/ภาพประกอบบทความ
ขณะเดียวกัน ก็มีข่าวออกมาอย่างต่อเนื่อง รายงานว่าอดีตพนักงานหลายคนของ “Builder.ai” รวมถึง “โรเบิร์ต โฮลด์ไฮม์ (Robert Holdheim)” ได้ยื่นฟ้องบริษัท โดยกล่าวหาว่าเขาถูกไล่ออกเพราะพยายามเปิดโปงการกระทำอันไม่ชอบดังกล่าว โดยระบุว่า “Builder.ai” บอกนักลงทุนว่าแอปฯ ต่าง ๆ ถูกสร้างโดย AI ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ทั้งที่ความจริงแล้ว เทคโนโลยีดังกล่าวยังทำงานไม่ได้จริง

Tech in Asia/Manpreet Ratia
จนกระทั่งเข้าสู่ปี 2025 “Builder.ai” ประสบปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรง โดย CEO คนใหม่อย่าง “มันพรีต ราเทีย (Manpreet Ratia)” พบว่ารายได้ของบริษัทในปี 2024 ถูกแต่งตัวเลขเกินจริง โดยอ้างว่ามีรายได้ 220 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 7,920 ล้านบาท แต่แท้จริงแล้ว บริษัทมีเงินเพียง 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1,800 ล้านบาทเท่านั้น

Tech Monitor/ภาพประกอบบทความ
การตรวจสอบบัญชีโดยอิสระทำให้บริษัทสินเชื่อ “Viola Credit” ยึดเงินจากบัญชีของ “Builder.ai” ถึง 37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,332 ล้านบาท จนเหลือเงินสดในมือเพียง 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 180 ล้านบาท ทำให้ไม่สามารถดำเนินงานต่อได้ในหลายประเทศ

Medium
ผลลัพธ์ดังกล่าว ทำให้มีพนักงานถูกปลดกว่า 1,000 คน ในหลายประเทศ รวมถึงอินเดีย, สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ด้านบริษัทต้องเผชิญกับการสอบสวนจากหน่วยงานในสหรัฐฯ หลังมีข้อกล่าวหาเรื่องการปลอมแปลงบัญชีและการทำธุรกรรม “วนเงิน (Round-Tripping)” กับบริษัทเทคโนโลยีในอินเดียเพื่อแต่งตัวตัวเลขยอดขาย และปัจจุบัน “Builder.ai” ยังมีหนี้สินรวมกว่า 115 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4,140 ล้านบาท ที่ยังไม่ได้ชำระให้แก่ “Amazon” และ “Microsoft” ในรูปของบริการคลาวด์ที่ค้างชำระ

Startup Talky/ภาพประกอบบทความ
กรณีบริษัทสตาร์ทอัพ “Builder.ai” นี้ ได้จุดประกายให้เกิดการตั้งคำถามถึงปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “AI washing” หรือการนำเทคโนโลยีธรรมดาหรือกระบวนการแบบแมนนวลมาแปะป้ายว่าเป็น AI เพื่อเรียกความสนใจและเงินลงทุน และสิ่งที่ควรเป็นการปฏิวัติด้วย AI กลับกลายเป็นเพียง “ธุรกิจเอาท์ซอร์สแบบเก่าในคราบ AI” ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายให้กับนักลงทุน แต่ยังทำให้พนักงานจำนวนมากตกงาน และทำลายความเชื่อมั่นต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีโดยรวมด้วย
ที่มาข้อมูล: Business Standard
บทความที่เกี่ยวข้อง: บริษัทจีน Shanghai Fushouyun ใช้ AI คืนชีพบรรพบุรุษมานั่งคุยกับลูกหลานในงานศพแบบเรียลไทม์!
บทความที่เกี่ยวข้อง: “อีลอน มัสก์ (Elon Musk)” ก่อตั้งบริษัทใหม่ “xAI” เพื่อเข้าใจความเป็นจริงของโลก หลังเจ้าตัวเคยออกมาเตือน AI จะครองโลก
บทความที่เกี่ยวข้อง: ประธานบริษัทค้าปลีก “ปัง ตงไล่ (Pang Donglai)” ของจีน อนุญาตให้ “พนักงานลาหยุด หากรู้สึกไม่มีความสุข (Unhappy Leave)” ได้สูงสุด 10 วัน!