ปัญหาการขาดแคลนวัคซีนโควิด-19 ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทย เพื่อให้คนไทยได้รับวัคซีนโควิดเพิ่มเร็วขึ้น นักวิจัยไทยจึงผุดไอเดียสร้างหุ่นยนต์ดูดวัคซีนโควิด-19 ขึ้นมา เพื่อเป็นตัวช่วยเพิ่มกำลังการบรรจุวัคซีนดังกล่าว ซึ่งทำสำเร็จและเปิดใช้งานจริงแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา
โดยหุ่นยนต์ตัวนี้มีชื่อว่า “AutoVacc” หรือหรือเครื่องแบ่งบรรจุวัคซีนอัตโนมัติที่สามารถดึงวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) สร้างและพัฒนาขึ้นโดยคณะนักวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำโดย “จุฑามาศ รัตนวราภรณ์” หัวหน้าทีมวิจัยของศูนย์วิจัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เผยว่า หุ่นยนต์ตัวนี้สามารถดูดวัคซีนออกจากขวดมาใช้ได้มากกว่าแรงคน 20 เปอร์เซ็นต์ หรือจาก 10 โดสเป็น 12 โดส ภายในเวลา 4 นาที ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสการกระจายวัคซีน และลดความเหนื่อยล้าจากการใช้แรงบุคลากรทางการแพทย์
ที่สำคัญ “AutoVacc” ยังเป็นหุ่นยนต์ดูดวัคซีนตัวแรกของคนไทยอีกด้วย และคณะวิจัยจุฬาฯ คาดว่า จะสามารถผลิตหุ่นยนต์แบบเดียวกันนี้ ได้อีก 20 เครื่องภายใน 3-4 เดือน แต่อาจจำเป็นต้องได้รับเงินทุนและการสนับสนุนเพิ่มเติมจากรัฐบาล เพื่อกระจายเครื่องนี้ไปทั่วประเทศ
สำหรับเครื่องต้นแบบ “AutoVacc” นี้มีราคาอยู่ที่ 2.5 ล้านบาท รวมอุปกรณ์ทุกอย่างแล้ว และในอนาคตมีแผนจะพัฒนาหุ่นยนต์ดูดวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทค (Pfizer-BioNTech) และโมเดอร์นา (Moderna) ด้วย
จากข้อมูลอ้างอิงของสำนักข่าวรอยเตอร์ (Reuters) ระบุว่า จนถึงถึงวันที่ 25 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีผู้ได้รับวัคซีนโควิดครบโดสแล้วประมาณ 9 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนประชากรกว่า 66 ล้านคน ขณะที่จำนวนวัคซีนที่มีอยู่ในประเทศนั้น ต่ำกว่าที่คาดไว้
ที่มาข้อมูล chula.ac.th