ในเมื่อทุกคนรู้จักกับซีรีส์วายกันพอสังเขปแล้ว The Joi ก็ขอแนะนำซีรีส์วายไทยสุดปังที่ต้องดูให้ได้ก่อนส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2565 การันตีเข้าชิงรางวัลซีรีส์วายทั้งในไทยและต่างประเทศ ซึ่งบางเรื่องกวาดรางวัลมาได้จนไม่มีที่เก็บกันเลยทีเดียว
1. แปลรักฉันด้วยใจเธอ (I told sunset about you)
ซีรีส์วายไทยเรื่องแรกที่ต้องแนะนำให้ทุกคนไปดูกันให้ได้ ก็คือเรื่อง “แปลรักฉันด้วยใจเธอ” เป็นละครแนว Romantic Coming of Age กำกับโดยผู้กำกับเจ้าพ่อซีรีส์วายอย่าง “บอส-นฤเบศ กูโน” แห่งนาดาว บางกอก และแสดงนำโดย “บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล” และ “พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดชกร”
ภายในซีรีส์จะบอกเล่าเรื่องราวของสองชายหนุ่ม “เต๋และโอ้เอ๋ว” ที่เป็นเพื่อนกันสมัยเด็กได้มาพบเจอกันอีกครั้งที่โรงเรียนกวดวิชาภาษาจีน หลังห่างหายจากกันไปนานหลายปี แต่การกลับมาพบกัน ทั้งคู่กลับมองว่าต่างฝ่ายเป็นคู่แข่งที่ต้องแย่งชิงกันสอบเข้าคณะนิเทศศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่ยิ่งสำคัญ ก็ยิ่งอยู่ในสายตา การที่ทั้งสองได้กลับมาใกล้กันอีกครั้ง ทำให้ได้รู้จักกันมากขึ้น จนได้นำพาไปสู่ความรู้สึกใหม่ ที่ต่างก็ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
โดยซีรีส์นี้กวาดรางวัลมากมายจากเวที “Yniverse Awards 2020” งานประกาศรางวัลนิยายและซีรีส์วายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศไทยจัดขึ้นเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา ไปทั้งหมด 8 รางวัล และยังคว้ารางวัลที่ 1 สาขารางวัล “Asian BL Series of the Year” จากงาน “2020 Asian Drama Awards” ของ “Entertainment Awards” ที่เปิดโหวตจากผู้ชมทั่วเอเชีย ไปด้วยคะแนน 7,781,673 โหวต อีกด้วย
2. เพราะเราคู่กัน (2gether : The Series)
“เพราะเราคู่กัน” ซีรีส์วายไทยแนวดราม่า-โรแมนติก กำกับโดย “แชมป์-วีรชิต ทองจิลา” นำแสดงโดย “ไบร์ท-วชิรวิชญ์ ชีวอารี” รับบทเป็น “สารวัตร” และ “วิน-เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร” รับบทเป็น “ไทน์” ออกอากาศไปเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นอีกเรื่องที่ต้องดู อย่างแรกเพราะนักแสดงนำหล่อมาก และอย่างที่สองคือ เนื้อเรื่องความรักหวานแหววในรั้วมหาวิทยาลัย ที่ดูง่ายและคนดูทุกเพศทุกวัยอินได้หมด
ภายในซีรีส์เล่าเรื่องราววุ่นวายของ “ไทน์” ที่ฝันจะได้เจอรักแท้ในรั้วมหาวิทยาลัย แต่ต้องเจอ “กรีน” ตุ๊ดหนุ่มหน้าหล่อจอมตื้อ แม้จะโดน “ไทน์” ปฏิเสธแค่ไหน ก็ไม่ยอมตัดใจ จนเขาต้องไปขอร้อง “สารวัตร” มือกีตาร์สุดหล่อระดับหลัวแห่งชาติ ให้มาช่วยเป็นแฟนปลอม ๆ ด้วยการเข้าไปตีสนิทถึงในชมรมดนตรี ทั้งที่ความรู้ดนตรีอย่างเดียวที่ “ไทน์” มี คือชอบฟังเพลงวง Scrubb จนนำไปสู่ภารกิจที่สองหนุ่มหล่อต้องมาแกล้งเป็นคู่กัน มีรอดบ้างและก็บ้งบ้าง แต่รู้ตัวอีกทีก็สลัดกันและกันไม่ได้ซะแล้ว จาก “แฟนตัวปลอม” กลายเป็น “แฟนตัวจริง” ซะงั้น!
ที่สำคัญซีรีส์เรื่องนี้ป๊อบมากจนสามารถกวาดรางวัลในประเทศไทยไปมากมาย เช่น จากเวที “Line TV Awards 2021” กวาดไปถึง 3 รางวัล ได้แก่ รางวัล “Series of the Year” ซีรีส์ที่มียอดเข้าชมสูงสุด, รางวัล “Most Followers of the Year” คอนเทนต์ที่มีการกดติดดาวสูงสุดและรางวัล “Most Hearted Content of The Year” คอนเทนต์ที่มีการกดหัวใจสูงสุด
ขณะที่ในต่างประเทศ ซีรีส์ “เพราะเราคู่กัน” ก็สามารถคว้ารางวัล “Special Award for Foreign Drama” จากเวที “14th Tokyo Drama Awards 2021” มาครองได้สำเร็จ
3. บังเอิญรัก (Love By Chance)
ซีรีส์วายไทยที่ส่งให้อุตสาหกรรมซีรีส์วายไทยดังไกลทั่วเอเชียตะวันออกและอาเซียน รวมถึงบางส่วนของยุโรป อเมริกา และลาตินอเมริกา คือเรื่อง “บังเอิญรัก” ดัดแปลงจากนิยายเรื่อง “My Accidental Love is You รักนี้บังเอิญคือคุณ” โดย MAME” หรือ “เมย์ อรวรรณ” กำกับโดย “ศิวัจน์ สวัสดิ์มณีกุล” เป็นนิยายที่ได้รับความนิยมมากในเว็บ Dek-D โดยเรตติ้งอยู่ที่ 97%
เนื้อเรื่องสะท้อนสังคมยุคโซเชียลมีเดีย เล่าเรื่องราวของ “เอ้” เฟรชชี่ปีหนึ่งแห่งคณะวิศกรรมศาสตร์ และมีตำแหน่งนักบอลที่มหาวิทยาลัย ซึ่งเขาได้บังเอิญไปช่วยเหลือ “พีท” หนุ่มหล่อมาดคุณชายแห่งคณะอินเตอร์ ซึ่งตอนนั้น “พีท” กำลังเดือนร้อนจากการโดนแฟนเก่าขู่เอาเงิน เพื่อแลกกับปิดปากไม่บอกแม่พีท ว่า “พีท” นั้นชอบผู้ชาย “เอ้” ได้เข้ามาช่วยเหลือ และทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของความประทับใจ และหลังจากวันนั้น ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ใกล้ชิดกันมากขึ้น
4. เกลียดนักมาเป็นที่รักกันซะดี ๆ (Tharn Type The Series)
ซีรีส์วายไทยลำดับต่อมาเป็นภาคต่อของ “บังเอิญรัก” นั่นเอง ชื่อเรื่องว่า “เกลียดนักมาเป็นที่รักกันซะดี ๆ” เป็นซีรีส์ที่ดัดแปลงมาจากนิยายวายชื่อดังสุดป๊อบบนเว็บไซต์ Dek-D ของนักเขียนชื่อ “MAME” หรือ “เมย์ อรวรรณ” ออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2562 แสดงนำโดย “มิว-ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์” รับบท “ธาร” (ธารา คีรีกันต์) และ “กลัฟ-คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์” รับบท “ไทป์” (ทิวัตถ์ ภวัตตากุล)
เรื่องราวเล่าเรื่องของ “ไทป์” หนุ่มใต้ นักศึกษาปี 1 วิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา ในอดีตมีเรื่องฝังใจที่ทำให้เกลียดเกย์ แต่กลับต้องมาใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย ร่วมกับรูมเมตอย่าง “ธาร” หนุ่มหล่อลูกเสี้ยว นักศึกษาปี 1 วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ โดยไม่รู้ว่ารูมเมตชอบผู้ชายด้วยกัน ทั้งคู่ต่างใช้ชีวิตร่วมกันอย่างปกติสุข จนกระทั่ง “เทคโน” รับบท “มายด์-สุทธิณัฐ อึ้งตระกูล” เพื่อนสมัยม. ปลายของไทป์ รู้ความจริงบางอย่างว่า “ธาร” รูมเมตร่วมห้องของเพื่อนสนิทตัวเองเป็นเกย ทำให้ “ไทป์” คิดหาสารพัดวิธีไล่ธารออกจากห้อง และยืนยันว่าจะไม่ขออยู่ร่วมห้องกับเกย์เด็ดขาด และไป ๆ มา ๆ ความเกลียดก็กลายเป็นความรักซะงั้น จะยังไงก็ต้องไปดูด้วยตาตัวเอง ฟินจิกหมอนขาดแน่นอน
และรางวัลที่ซีรีส์วายเรื่องนี้ ยังคว้ารางวัลได้จากเวที “Line TV Awards 2020” สาขา “Best Kiss Scene” อีกด้วย
5. มีช็อป มีเกียร์ มีเมียรึยังวะ (My Engineer)
ซีรีส์วายไทยที่ดัดแปลงมาจากนิยายอีกเรื่องหนึ่งโดยผู้เขียน “-Mommae-“ มีชื่อเรื่องว่า “มีช็อป มีเกียร์ มีเมียรึยังวะ” เรื่องราวดำเนินในรั้วมหาวิทยาลัยโดยมีพระเอกของเรื่องคือ “บ่น” หนุ่มวิศวะแบดบอยหน้าหล่อ ที่ดันเผลอไปชอบหนุ่มรุ่นน้องนักเรียนแพทย์ ชื่อว่า “เดือน” ทั้งสองต้องมาป๊ะกันอยู่บ่อยครั้ง แต่ยิ่งพบก็ยิ่งใจหวั่นไหว และเกิดตกหลุมรักกัน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้สนุกมากขึ้นอีก เมื่อมีความรักของคนอีกคู่คือ “ราม” หนุ่มวิศวะที่มีหน้าตาหล่อ แล้วดันไปเตะตารุ่นพี่ในคณะอย่าง “คิง” อีก นอกจากเรื่องราวรัก ๆ ใคร่ ๆ ในซีรีส์ยังมีเรื่องราวที่ตลกคลายเครียดระหว่างความสัมพันธ์ของเพื่อน ๆ ในเรื่องด้วย
ซีรีส์เรื่องนี้สามารถคว้ารางวัล “Brightest Star of the Yniverse” และ นักแสดงบทนายรองยอดเยี่ยม จากงาน “Yniverse Awards 2020” ที่ผ่านมาด้วย
6. รักวุ่น ๆ ของหนุ่มวิศวะ (EN OF LOVE)
ซีรีส์วายไทยเกิดในรั้วมหาวิทยาลัยอีกเรื่อง แต่เรื่อง “รักวุ่น ๆ ของหนุ่มวิศวะ” นี้ บอกเล่าความรักระหว่างนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์กลุ่มหนึ่ง ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว และดูเหมือนว่าจะไม่มีใครอยากให้ความรักครั้งนี้จบลง ในกลุ่มเพื่อน “บาร์” เป็นคนแรกของกลุ่มที่โดนความรักพุ่งชน โดยคนที่หอบความรักมาให้บาร์ คือ “กัณฐ์” นักศึกษาปี 1 คณะแพทยศาสตร์ โดย “กัณฐ์” ขยันส่งความหวานให้ “บาร์” ตามจีบนั่นแหละ จนใคร ๆ ก็อิจฉา และทั้งสองก็ตกหลุมรักกัน
แต่ความรักที่หวานชื่นของคู่นี้กลับทำให้ “มาร์ค” รุ่นน้องของบาร์ ที่แอบรัก “บาร์” กลับมาเป็นมือที่สามทำให้ “บาร์” และ “กัณฐ์” เลิกรา แน่นอนว่าเพื่อนของ “วี” เพื่อนของบาร์ไม่พอใจ จนเข้ามากัน “มาร์ค” ออก และเรื่องราวดำเนินไปเรื่อย ๆ กลายเป็นว่าสองคนนี้กลับตกหลุมหัวใจกันและกันซะงั้น แต่ละคนจะลงเอยเป็นแฟนกับใคร ต้องไปติดตามเอาเองกันต่อ บอกหมด จะอดสนุกเอา
สำหรับซีรีส์วายเรื่องนี้ เต็มไปด้วยหนุ่ม ๆ หลายคน ส่งผลให้มีคู่จิ้นเกิดขึ้นในเรื่องเยอะมาก และนั่นก็ทำให้ “รักวุ่น ๆ ของหนุ่มวิศวะ” คว้ารางวัล “คู่จิ้นคู่ฟิน” จากงาน “Yniverse Awards 2020” รวมทั้งรางวัล “พี่มากพ่อ” ด้วย
7. เพราะรักใช่เปล่า (Why R U The Series)
อีกหนึ่งซีรีส์วายไทยน้ำดีที่ทุกคนควรได้ดูรอง ๆ จาก “แปลรักฉันด้วยใจเธอ” เลยทีเดียว ภายในซีรีส์จะเล่าเรื่องของ “ซน” ชายหนุ่มผู้ที่ไม่อินกับนิยายวาย ได้ไปอ่านนิยายวายของน้องสาวตัวเอง ที่ชื่อว่า “ซอล” โดยเรื่องที่น้องสาวแต่งดันใช้ชื่อเขากับคู่อริ คือ “สายฟ้า” ซึ่งเป็นคนที่ซนไม่เคยชอบขี้หน้า มิหนำซ้ำยังใช้ชื่อเพื่อน ๆ ของซน และคนรอบข้างแต่งเป็นนิยายสุดจิ้น ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นกับตัวเอง และกับคนที่ไม่ชอบหน้าอย่าง “สายฟ้า” ด้วย
หนึ่งในฉากที่น้องสาวเแต่งขึ้น ก็ Based on True Story คือสิ่งที่เธอเคยเห็นพี่ชายตัวเองจูบกับอริ “สายฟ้า” (เพราะอุบัติเหตุ) แต่ “ซน” กลับกลบเกลื่อนน้องสาวบอกว่าไม่เคยเกิดขึ้นจริง และบอกให้น้องสาวลบนิยายที่มีชื่อตัวเองทิ้งซะ และสาบานว่าถ้าเคยจูบกับผู้ชายจริง ๆ ขอให้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในนิยายวายที่ซอลอ่านหรือเขียนให้มันเกิดขึ้นกับซน
และซีรีส์วายเรื่องนี้ปังมากแค่ไหน ก็ดูจากรางวัลที่ได้รับในงาน “Yniverse Awards 2020” สามารถคว้ารางวัล “ซีรีส์ฟินหมอนกระจุย” กระจุยจริงรึเปล่า ทุกคนต้องไปดูด้วยตัวเองแล้วล่ะ!
8. เขามาเชงเม้งข้าง ๆ หลุมผมครับ (He’s Coming to Me)
เป็นซีรีส์วายไทยที่มีบริบทในเรื่องฉีกกว่าเรื่องอื่นตรงที่ตัวเองของเรื่อง “เมษ” รับบทโดย “สิงโต-ปราชญา เรืองโรจน์” ที่ตายไปกว่า 20 ปี โดยที่ไม่มีใครเคยมาเหลียวแล แม้กระทั่งญาติของตัวเอง ผีขี้เหงาอย่างเขาจึงทำได้เพียงนั่ง ๆ นอน ๆ รอเวลาที่จะถึงวันเชงเม้งของแต่ละปี ที่จริงก็ไม่ได้ต่างจากเดิมนัก เพราะหลุมศพของเขาน่าจะเป็นหลุมเดียวที่เก่าแล้วเก่าเลย เก่าแบบตลอดกาล แต่กับปีนี้ ทุกอย่างมันก็เปลี่ยนไป
เพราะมี “ธัน” รับบทโดย “แม็ค-ณัฐพัชร์ นิมจิรวัฒน์” เด็กหนุ่มน้อยหน้าตี๋วัย 10 ปี ที่บังเอิญปีนี้เขามาเชงเม้งที่ข้าง ๆ หลุมของ “เมษ” และไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เขาเกิดสงสารหลุมศพของ “เมษ” ที่ดูท่าว่าจะไม่มีใครมาไหว้ เลยให้ลูกอมรูปหัวใจที่ติดกระเป๋ามาด้วยและนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความประทับใจในตัว “ธัน” และเด็กน้อยสัญญาว่าจะกลับมาอีก แม้ว่าเขาต้องรอไปอีก 365 วัน นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะสมัยมีชีวิตก็แทบไม่มีใครเหลียวแล แต่ความใส่ใจของ “ธัน” จึงทำให้ “เมษ” เริ่มรู้สึกกับเด็กผู้ชายคนนั้นขึ้นมาทีละนิด แม้ว่าเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า “ธัน” มองเห็นเขา หรือได้ยิน หรือเป็นแค่สิ่งที่เขาคิดไปเอง
เรียกว่าทำให้คนดูได้ฟินจิ้นกันข้ามภพกันเลย และซีรีส์เรื่อง “เขามาเชงเม้งข้าง ๆ หลุมผมครับ” ก็สามารถคว้ารางวัลละครและซีรีส์ไทยยอดนิยมในงาน “คมชัดลึก อวอร์ด ครั้งที่ 16”
9. ทฤษฎีจีบเธอ (Theory of Love)
และซีรีส์วายไทยคุณภาพเรื่องสุดท้ายที่ The Joi แนะนำว่าต้องดูส่งท้ายปี 64 นี้คือ เรื่อง “ทฤษฎีจีบเธอ” ที่เล่าเรื่องของ “เติร์ด” เด็กนิเทศศาสตร์ เอกภาพยนตร์ปี 3 ที่หลงรักเพื่อนสนิทตัวเองอย่าง “ค่าย” มาตลอดสองปีกว่า โดยไม่ยอมบอกอีกฝ่าย เพราะ “ค่าย” เป็นพวกเจ้าชู้ และไม่คิดจะหยุดใจไว้ที่ใคร แต่แล้ววันหนึ่งเพื่อนในกลุ่มอย่าง “ทู” บังเอิญรู้ความจริงเข้า แถมยังอาสาเข้ามาช่วยคิดแผนจีบ “ค่าย” ให้ เติร์ดอย่างลับ ๆ อีกด้วย แต่สุดท้ายความสัมพันธ์ที่แม้จะเพิ่งเริ่มต้น ก็กลับเหลวไม่เป็นท่า ทำให้ “เติร์ด” ตัดสินใจจะตัดใจจาก “ค่าย”
แต่แล้ว “เติร์ด” ที่พยายามหาอะไรทำเพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่าน ก็ได้เจอรักใหม่ “เชนทร์” เชนทร์เป็นที่ปรึกษาด้านความรักให้กับ “เติร์ด” และพยายามดึงตัวเขาให้หลุดจากความโศกเศร้า ระหว่างนี้เอง “ค่าย” ก็รู้สึกว่า จริง ๆ แล้วเขาขาด “เติร์ด” ไม่ได้ และพยายามเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตอีกครั้ง เรื่องราวเผยให้เห็นว่า ทั้งคู่ต้องฝ่าอุปสรรคทางใจมากมาย แต่สุดท้าย “ค่าย” กับ “เติร์ด” จะลงเอยเป็นแฟนกันได้หรือไม่? จะแฮปปี้ หรือเศร้า? ต้องไปดูเอง เพราะความสนุกอยู่ระหว่างช่วงดำเนินเรื่อง
และด้วยเนื้อเรื่องที่ผูกโยงตัวละครนั้นนี้ไปมา ที่ดูเหมือนซับซ้อน แต่ผู้กำกับก็สามารถถ่ายทอดมาให้คนดูได้รับชมและเข้าใจความสัมพันธ์ของแต่ละตัวได้ง่าย ก็ทำให้ ซีรีส์เรื่อง “ทฤษฎีจีบเธอ” คว้ารางวัล “Most Hearted Cintent of the Year 2019 คอนเทนต์ที่มีการกดหัวใจสูงสุดในปี 2019” ที่มาจากสถิติบน LINE TV รวมทั้งรางวัล “LINE TV BEST COUPLE คู่จิ้นขวัญใจมหาชน” ด้วย
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของซีรีส์วายไทยชั้นดีจากหลายสิบเรื่องที่ถูกผลิตออกมาให้ผู้ชมทั้งชาวไทยและต่างชาติได้ชม บางเรื่องก็กวาดรางวัลมากมายให้ทีมผู้สร้างได้ชื่นใจ มีกำลังใจพัฒนาซีรีส์ประเภทนี้ให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป และหากอยากรู้กันต่อว่า “ซีรีส์วายไทย” ที่น่าติดตามในปี 2022 จะมีเรื่องใดบ้าง ก็อย่าลืมกด “รับข่าวสาร The Joi” กันไว้ หรือติดตามทางโซเชียลมีเดียอื่น ๆ ได้แก่ เฟซบุ๊ก, อินสตาแกรม และติ๊กต็อก
ที่มาข้อมูล: ไทยรัฐออนไลน์, Postjung และ Plearn เพลิน by Krungsri GURU
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: เปิดวาร์ป 7 หนุ่มสมาชิกวง ATLAS บอยแบนด์ไทยที่จะมาจุดกระแส T-Pop ให้ดังทั่วเอเชีย
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: 5 ไอดอล สุดปัง! ที่แจ้งเกิดมาจาก Tiktok จนได้รันเข้าวงการบันเทิงไทย
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: แทกุกไลน์จงเจริญ! รวม 8 ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ความภาคภูมิใจที่โลดแล่นในวงการ K-POP