กว่าครึ่งศตวรรษแล้วที่หนังแฟรนไชส์แนวบู๊แอ็กชันฝ่าภารกิจเสี่ยงตาย “เจมส์ บอนด์” หรือ “สายลับ 007” ได้รับความนิยมไปทั่วโลก และสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในหนังทุกภาค แม้กระทั่งในหนังเจมส์ บอนด์ภาคล่าสุด No Time To Die ในปี 2021 ก็คือ บรรดาสาวสวย หรือ “สาวบอนด์” ที่เป็นเสน่ห์ของหนังไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพระเอกของเรื่อง
ด้วยเหตุนี้ The Joi เลยจะพาทุกคนไปรู้จัก “สาวบอนด์” ให้มากขึ้น กับ 8 เรื่องที่คุณไม่เคยรู้มาก่อนเกี่ยวกับสาวบอนด์ 007 ที่ได้รู้แล้วจะต้องอ้าปากหวออย่างแน่นอน!
1. “แคโรไลน์ คอสซีย์” สาวบอนด์ (ประเภทสอง) สุดแซ่บ
“แคโรไลน์ คอสซีย์” หรือเรียกกันสั้น ๆ ว่า “ทูลา” เป็นสาวประเภทสองคนแรกของโลกที่ได้รับบทเป็น “สาวบอนด์” อันโด่งดัง ในภาค For Your Eyes Only ในปี 1981 ด้วยความที่สวยและเซ็กซี่มาก ๆ ก็ทำให้หนุ่ม ๆ หลงใหลได้ปลื้มเธอจนโงหัวไม่ขึ้น แต่เมื่อเธอได้เปิดเผยความจริงว่าเธอเคยเป็น “ผู้ชาย” (ชื่อเก่าคือ “แบร์รี่”) กับสื่อท้องถิ่น ก็ทำให้ชีวิตในวงการบันเทิงของแคโรไลน์ดิ่งพสุธา จนต้องออกจากวงการเลยทีเดียว เพราะสมัยก่อนสังคมอเมริกันยังไม่ยอมรับความหลากหลายทางเพศเหมือนในปัจจุบันนี้
แม้ว่าจะเจอฝันร้ายที่ไม่คาดคิด หลังการเผยเพศสภาพที่แท้จริงให้โลกรู้ “แคโรไลน์” ก็ยังคงเป็นข่าวอยู่บนสื่อเรื่อย ๆ จากการเป็นนักเคลื่อนไหวเรียกร้องความเท่าเทียมกันให้กับชาว LGBTQ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนี้ กลายเป็นไอดอลขวัญใจชาว LGBTQ ในสหรัฐฯ อันดับต้น ๆ ของประเทศ
2. “เออร์ซูลา แอนเดรส” สาวบอนด์ผู้ปฏิวัติวงการชุดว่ายน้ำ
ฉากที่ “ฮันนี่ ไรเดอร์” ซึ่งรับบทโดย “เออร์ซูลา แอนเดรส” ดาราสาวชาวสวิสฯ ปรากฏตัวบนชายหาดในชุดบีกินี จากภาค Dr. No ปฐมบทสายลับ 007 ฉบับภาพยนตร์เมื่อปี 1962 ความสวยและเซ็กซี่ของเธอส่งให้ชุดว่ายน้ำทูพีซนี้ ดูน่าสวมใส่มาก มากขนาดที่ว่าทำให้อุตสาหกรรมชุดว่ายน้ำสตรีหันมาออกแบบและจำหน่ายชุดว่ายน้ำที่เผยเรือนร่างสตรีมากขึ้น ไม่มองว่าเป็นการสวมชุดชั้นในมาเล่นน้ำ
และเมื่อพฤศจิกายนปีที่แล้ว (2563) ชุดว่ายน้ำบีกินีของสาวบอนด์รายนี้ ก็ถูกนำไปจัดประมูลโดยมีมูลค่ากว่า 15.5 ล้านบาท สมราคาบีกินีที่โด่งดังมากที่สุดในโลก!
3. สาวบอนด์ชาวสวิสฯ ติดสำเนียงบ้านเกิด จนต้องพากษ์เสียงทับ
ยังคงอยู่กับสาวบอนด์คนเดิม “ฮันนี่ ไรเดอร์” ด้วยความที่บทนี้ เล่นโดยหญิงชาวสวิสฯ ส่งผลให้เวลาพูดภาษาอังกฤษจึงติดสำเนียงแบบสวิส ๆ มาด้วย และนักแสดงสาวก็พูดเป็นสำเนียงอังกฤษไม่ได้ งานนี้ทีมผู้สร้างหนัง 007 ภาค Dr. No เลยต้องพากษ์เสียงภาษาอังกฤษสำเนียงอังกฤษ (บริติช) ทับอีกที ดังนั้น เสียงที่ผู้ชมได้ยินจึงไม่ใช่เสียงจริงของนักแสดง
4. “เทรซี บอนด์” และ “เวสเปอร์ ลินด์” สองสาวบอนด์ที่ได้แต่งงานกับสายลับเจ้าสำราญ 007
ที่ผ่านมามีสาวบอนด์เพียง 2 คน ที่เจมส์ บอนด์เคยปลงใจแต่งงานด้วย คือ “เทรซี บอนด์” ในตอน On Her Majesty’s Secret Service เมื่อปี 1969 แต่เสียชีวิตระหว่างกลับจากพิธีสมรสจากการลอบสังหาร
และ “เวสเปอร์ ลินด์” ที่เกือบทำให้สายลับเจ้าเสน่ห์อย่าง 007 เลิกเป็นสายลับตั้งแต่ภารกิจแรก เพื่อใช้ชีวิตคู่กับเธอในภาค Casino Royale ก่อนเธอจะเผยตัวว่า ตัวเองหลอกใช้บอนด์และจมน้ำเสียชีวิตในตอนจบ
5. “ออเนอร์ แบล็คแมน” สาวบอนด์ที่อายุมากที่สุด
“ออเนอร์ แบล็คแมน” ได้รับบทเป็นสาวบอนด์ ชื่อว่า “พุสซี่ กาลอร์” ในหนัง 007 ภาค Goldfinger ในปี 1964 แต่ที่ทำให้เธอโดดเด่นนอกเหนือจากสาวบอนด์คนอื่น คืออายุอานามตอนที่รับบทนี้ เธอมีอายุมากถึง 38 ปีแล้ว ทำให้เธอครองสถิติเป็นผู้รับบทสาวบอนด์ที่อายุมากที่สุด ปกติแล้วนักแสดงที่มาเล่นบทสาวบอนด์จะมีอายุ 20 ต้น ๆ เพื่อให้ตัวละครดูเด็กกว่าสายลับ 007 ประมาณ 10 ปี
6. “จิลล์ เซนต์จอห์น” สาวบอนด์ชาวอเมริกันคนแรก
ในปี 1971 หนัง 007 ภาค Diamonds Are Forever ได้เลือก “จิลล์ เซนต์จอห์น” นักแสดงชาวอเมริกันคนแรกที่ได้สวมบทเป็นสาวบอนด์นามว่า “ทิฟฟานี่ เคส” โดยปกติแล้วผู้ที่มารับบทสาวบอนด์ส่วนใหญ่จะเป็นนักแสดงสาวชาวอังกฤษ หรืออยู่ในประเทศอื่น ๆ ของยุโรป
7. “ฮัลลี่ เบอร์รี่” สาวบอนด์ที่ได้รับรางวัลออสการ์คนแรกและคนเดียว
“ฮัลลี่ เบอร์รี่” เป็นนักแสดงสาวผิวสีมากความสามารถ ได้มาสร้างเสียงฮือฮาให้กับทำเนียบสาวบอนด์ ด้วยการปรากฏในหนัง 007 ภาค Die Another Day ในปี 2002 มีนามว่า “จิงซ์” แถมยังเป็นนักแสดงที่รับบทสาวบอนด์คนเดียวที่สามารถคว้ารางวัลออสการ์ได้ จากภาพยนตร์เรื่อง Monster’s Ball
แถมเธอยังสร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการฮอลลีวูดด้วยการเป็นนักแสดงผิวสีคนแรกที่คว้ารางวัลตุ๊กตาทองมาครอง แต่น่าเศร้าเวลาผ่านไปเกือบ 20 ปีแล้ว นับจากวันที่เธอคว้ารางวัลอันทรงเกียรตินี้ แต่จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีนักแสดงผิวสีคนไหนที่สามารถความออสการ์มาครองต่อจากเธอได้อีกเลย
8. “คิสซี่ ซูซูกิ” สาวบอนด์เอเชียคนแรก
หลายคนอาจนึกว่าเป็น “มิเชล โหย่ว” แต่จริง ๆ แล้ว สาวบอนด์เชื้อสายเอเชียคนแรก คือ “คิสซี่ ซูซูกิ” ซึ่งโผล่มาในหนัง 007 ภาค You Only Live Twice ในปี 1967 โดยภาคนี้ผู้สร้างต้องการตีตลาดญี่ปุ่น เลยต้องเลือกสาวบอนด์จากแดนปลาดิบมาร่วมซีนด้วย
อ่านจบทั้ง 8 ข้อแล้ว เราได้เห็นพัฒนาการที่น่าสนใจของตัวละคร “สาวบอนด์” จากเดิมที่เป็นได้แค่สาวสวย เป็นไม้ประดับให้สายลับ 007 เกี้ยวสวาทคั่วเล่น แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็เริ่มมีความสามารถ อาชีพ และทัศนคติที่เปลี่ยนไปจากเดิม ส่งผลให้ตัวละครนี้มีมิติ รวมถึงมีความหลากหลายทางสีผิวและเชื้อชาติมากขึ้นด้วย สอดรับกับค่านิยมของยุคสมัยใหม่ (ศตวรรษที่ 21) ที่ทุกเพศ ทุกวัย ทุกศาสนาล้วนเท่าเทียมกัน
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง : รวม 11 หนังน่าดูเดือนตุลาคม สนุกทุกเรื่อง จัดเต็มทุกความมันส์ ต้อนรับโรงหนังเปิด
ที่มาข้อมูล ThaiPBS, TNN และ Parade.com