สวัสดีทุกคนนน ช่วงนี้กักตัวอยู่บ้านเหงามาก ออกไปกินข้าวข้างนอกก็ไม่ได้ หลายคนคงกำลังมองหากิจกรรมสนุก ๆ ทำในบ้าน ผันตัวมาเป็นดาว TikTok บ้าง ผันตัวมาเป็นเชฟบ้าง แต่ทางเราได้ผันตัวมาเป็นหมีแพนด้าเรียบร้อยแล้ว เพราะกักตัวรอบนี้นั่งดูซีรีส์มาราธอนจนตาแฉะ ไม่เช้าไม่เลิก! วันนี้เราเลยจะมาแนะนำแอพวิดีโอสตรีมมิ่งผ่านบริการ OTT (Over-the-top) สำหรับดูหนังและซีรีส์ที่ทุกคนควรมีติดบ้าน บอกเลยว่าไม่จม ไม่หาย ไม่ตายโควิดแน่นอน!
1. Disney+ Hotstar
ส้มหยุด แต่ดิสนีย์เขาปังไม่หยุดจริง ๆ สำหรับแอพดูหนังและซีรีส์สุดฮอตที่เป็นกระแสมาแรงมาก ๆ ในช่วงนี้อย่าง Disney+ Hotstar แอพวิดีโอสตรีมมิ่งจากค่ายดิสนีย์ที่รวบรวมภาพยนตร์กว่า 700 เรื่อง และซีรีส์ดังระดับฮอลลีวูดอีก กว่า 14,000 ตอนมาไว้ในที่เดียว แต่ แต่ แต่! บางคนอาจจะเข้าใจว่าคงมีแค่หนังและการ์ตูนจากค่ายดิสนีย์เท่านั้น โน้วโนวจ้า เพราะอย่าลืมว่าดิสนีย์ยังเป็นเจ้าของบริษัทผลิตภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น Marvel Studios, Pixar Animation Studios หรือ 20th Century Studios ดังนั้นการันตีได้เลยว่าเราจะมีตัวเลือกในการชมภาพยนตร์และซีรีส์เยอะมาก เยอะแบบไม่มีอะไรกั้น!
นอกจากนี้ สิ่งที่พิเศษสุด ๆ เลยคือ บนแอพ Disney+ Hotstar ยังมีคอนเทนต์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ สำหรับผู้ที่มีบัญชี Disney+ Hotstar เท่านั้น ทั้ง Loki, Wandavision, Star Wars และอื่น ๆ อีกเพียบ วีไอพีไปอี๊ก หาชมที่อื่นไม่ได้แน่นอน! ใครยังไม่ได้เป็นเจ้าของ รีบไปจับจองกันไว้เลย!
ราคา: 49 บาท/เดือน สำหรับลูกค้า AIS และ 99 บาท/เดือน สำหรับลูกค้าทั่วไป
2. Netflix
หากพูดถึงแอพสตรีมมิงยอดนิยม จะไม่พูดถึง Netflix ก็คงไม่ได้ หลายคนคงเคยดูหนัง ซีรีส์ หรืออนิเมะใน Netflix กันมาบ้างแล้ว แต่สำหรับผู้ที่ไม่เคย บอกเลยว่านี่คือแอพสามัญประจำบ้านที่ต้องมี! คอนเทนต์บน Netflix ส่วนใหญ่จะประกอบด้วยหนัง ซีรีส์ สารคดี และอนิเมชั่นดัง ๆ รวมทั้งคอนเทนต์สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่อำนวยการสร้างโดย Netflix เอง เช่น Nevertheless (ไหนใครอยากมาดูผีเสื้อห้องเราบ้าง), Stranger Things, Girl from Nowhere (เด็กใหม่), The Way of the househusband และอื่น ๆ อีกมากมาย บอกเลยว่าหนัง ซีรีส์ อนิเมะญี่ปุ่น มัดรวมมาไว้หมดแล้ว
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะเราสามารถเลือกภาษาที่มีให้บริการมากมาย ขี้เกียจอ่านซับก็เปิดพากย์ไทยก็ได้ แต่ถ้าพากย์ไทยไม่อิน จะฟังพากย์ญี่ปุ่น เกาหลี ฝรั่งเศส ก็ตามแต่ใจต้องการ หนึ่งบัญชีสามารถหารกันได้หลายคนแล้วแต่แพ็กเกจที่เลือก ยิ่งหารกับเพื่อนยิ่งคุ้ม ของมันต้องมี!
ราคา: 99-419 บาท/เดือน (ขึ้นอยู่กับแพ็กเกจ)
3. VIU
อันยองฮาเซโย ไหนใครเป็นชาวไทย แต่หัวใจอยู่เกาหลีเหมือนกันบ้าง?! สเป็กผู้ชายเปลี่ยนตามซีรีส์ที่แท้ทรู ถ้าเปิดประเทศเมื่อไหร่จะบินไปหาแฟน (มโน) ที่เกาหลีทันที แต่ในเมื่อตอนนี้ไปหาไม่ได้ ก็ขอเสพผลงานเหล่าแฟน (ในจินตาการ) ผ่านแอพวิดีโอสตรีมมิ่งไปก่อนแล้วกัน! เชื่อว่าคอซีรีส์เกาหลีคงไม่มีใครไม่รู้จัก VIU แอพดูหนัง ซีรีส์ และรายการทีวีวาไรตี้สัญชาติเกาหลี ตั้งแต่ซีรีส์สุดดราม่าแห่งปีอย่าง The Penhouse ไปจนถึงรายการวาไรตี้สุดฮาอย่าง Running Man นอกจากนี้ยังมีซีรีส์และรายการทีวีของประเทศไทยให้รับชมอีกด้วย
ที่พิเศษสุด ๆ คือ VIU มีบริการรับชมแบบฟรีด้วยนะ แต่ก็จะมีข้อจำกัดบางอย่างมากวนใจ ทั้งการที่มีโฆษณาคั่นระหว่างการรับชม หรือระยะเวลาในการปล่อยคลิปที่ช้ากว่าเกาหลีประมาณ 3-4 วัน ดังนั้นแนะนำให้ซื้อแพ็กเกจ VIU Premium ที่มาพร้อมสิทธิพิเศษมากมาย ให้เราดูรายการทีวีเกาหลีได้ภายใน 24 ชั่วโมง หลังเวลาออกกากาศในเกาหลี และแน่นอนว่าไม่มีโฆษณาคั่น
ราคา: เริ่มต้นที่ 119 บาท/เดือน (ขึ้นอยู่กับแพ็กเกจและโปรโมชั่น)
4. WeTV
เกาหลีกันไปแล้วพอกรุบกริบ ขอย้ายมาเอาใจสาวกซีรีส์ฝั่งแม่จีนกันดูบ้าง บอกเลยว่าต้องถูกอกถูกใจกันแน่นอน กับ WeTV แอพวิดีโอสตรีมมิ่งสัญชาติจีนภายใต้เครือบริษัท Tencent ที่มีทั้งซีรีส์ ภาพยนตร์ รายการวาไรตี้ และสารคดีจากประเทศจีนให้เลือกมากมาย เท่านั้นยังไม่พอเพราะนอกจากความบันเทิงส่วนใหญ่จากฝั่งจีนที่ให้บริการบน WeTV แล้ว เขายังมีซีรีส์และรายการทีวีจากฝั่งเกาหลี ไทย รวมถึงอนิเมะญี่ปุ่นให้รับชมกันอีกด้วย!
ปัจจุบันเราสามารถรับชมความบันเทิงต่าง ๆ เหล่านี้ได้ทั้งแบบฟรีและเสียเงิน หรือที่เรียกกันว่า WeTV VIP ที่นอกจากจะไม่มีโฆษณามารบกวนระหว่างดูซีรีส์โปรดแล้ว ยังสามารถรับสิทธิ์การรับชมรายการทีวีบางรายการก่อนใคร บางครั้งสามารถรับชมถ่ายทอดสดได้เวลาเดียวกันกับเวลาออกอากาศที่จีนเลย สุดปังพลังจีน ทีนี้จะดูปรมาจารย์ลัทธิมาร เชียร์เด็กไทยในรายการ CHUANG หรือชมซีรีส์เกาหลีที่กำลังจะออนแอร์อย่าง The Witch’s Diner ที่นำแสดงโดยเจ๊มง ซงจีฮโย (Song Ji-hyo) ก็ดูได้ง่าย ๆ แบบไม่มีอะไรกั้น!
ราคา: เริ่มต้นที่ 119 บาท/เดือน (ขึ้นอยู่กับแพ็กเกจและโปรโมชั่น)
5. iQiyi
ชื่ออาจจะไม่คุ้นหู แต่ถ้าได้ลองดูต้องติดใจแน่นอน! iQiyi (อ้ายฉีอี้) เป็นแอพวิดีโอสตรีมมิ่งจากจีน ภายใต้บริษัทแม่ยักษ์ใหญ่อย่าง Baidu บอกเลยว่าแอพนี้คือดังมากที่จีน ถึงกับได้รับสมญานามว่าเป็น “Netflix of China” เนื่องจากทาง iQiyi ได้ทำการเซ็นสัญญากับทาง Netflix ในการเผยแพร่คอนเทนต์ต่าง ๆ ดังนั้นบอกเลยว่าถ้าสมัครสมาชิก iQiyi คุณจะได้ดูซีรีส์ดัง ๆ อีกหลายเรื่องที่ฉายบน Netflix ทั้ง Stranger Things, Black Mirror และอื่น ๆ อีกเพียบ อันนี้แหละ 1 แถม 1 ที่แท้!
นอกจากรายการที่ได้ลิขสิทธิ์จาก Netflix แล้ว บน iQiyi ยังอัดแน่นไปด้วยซีรีส์ ภาพยนตร์ รายการวาไรตี้ และอนิเมะดังมากมายให้ดูกันได้แบบจุใจ ที่เด็ดสุดคือฟรี! แต่แน่นอนว่าถ้าสมัคร VIP ก็จะได้ดูก่อนใคร ไม่มีโฆษณาคั่น แถมรับชมได้พร้อมกันหลายเครื่อง ถ้าสมัครแพ็กเกจ Standard ก็ดูได้พร้อมกันถึง 2 เครื่อง แต่ถ้า Premium ก็ดูเป็นแก๊งค์ได้ถึง 4 เครื่อง ไม่ว่าจะดูซีรีส์แนว Boys Love (มีให้เลือกเยอะมาก ปลื้มใจ) หรือจะแว๊บไปชมความน่ารักของเมนเทอร์ลิซ่าในรายการ Youth With You ก็ได้ตามใจชอบ
ราคา: เริ่มต้นที่ 119 บาท/เดือน (ขึ้นอยู่กับแพ็กเกจและโปรโมชั่น ตอนนี้มีโปร 19 บาท/เดือนด้วยนะ!)
6. LINE TV
เชื่อว่าทุกคนที่ใช้ LINE คงไม่มีใครไม่รู้จัก LINE TV แอพวิดีโอสตรีมมิ่งที่เปิดให้บริการครั้งแรกในประเทศไทย ที่พีคสุดคือเปิดให้รับชมกันแบบฟรี ๆ ของฟรีมีอยู่จริง! แถมไม่ต้องสมัครสมาชิกให้ยุ่งยาก เพราะเราสามารถเข้าชมโดยใช้ LINE ID ของเราได้เลย จะดูหนัง ดูละคร ดูการ์ตูน หรือซีรีส์ที่ฉายเฉพาะบน LINE TV ก็ดูได้แบบสะดวกสุด ๆ ถึงแม้ซีรีส์และละครจะมาจากฝั่งไทยซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ในส่วนของภาพยนตร์และการ์ตูนนั้นมีให้เลือกจากหลากหลายประเทศ คัดสรรมาแล้วสำหรับชาวเรา!
และอีกสิ่งที่จรรโลงใจเราเป็นอย่างมากคือรายการในหมวด “รวมเรื่องจิ้นหัวใจ Y” ใจบางมาก ใครที่เป็นสาวใสหัวใจวายอย่างเราคือห้ามพลาด รับชมได้แบบสด ๆ ไม่ว่าจะเป็น แปลรักฉันด้วยใจเธอ, ปลาบนฟ้า, เพราะเราคู่กัน หรือ TharnType The Series ก็บอกเลยว่าฟินจิกหมอนติดขอบจอได้ทันทีที่ออนแอร์
ราคา: รับชมฟรี!
7. AIS Play
ถึงจะไม่ใช่ลูกค้า AIS ก็สามารถรับชมความบันเทิงบน AIS Play ได้ทุกที่ ทุกเวลา ที่สำคัญสามารถรับชมได้ฟรี ๆ ทั้งซีรีส์ กีฬา การ์ตูน รายการวาไรตี้ ข่าว หรือแม้แต่คอนเสิร์ต ก็มีให้ชมกันแบบจุก ๆ จัดหนักจัดเต็ม มีรายการทีวีถ่ายทอดสดมากมายกว่า 100 ช่อง และที่สำคัญเลยคือสามารถแคสต์บนทีวีได้แบบชัดแจ๋ว ชัดกว่าอนาคตเราตอนนี้อีก!
ทั้งนี้มีให้บริการทั้งแบบฟรีและเสียเงินเช่นกัน แต่ก็จะมีข้อจำกัดที่แตกต่างกัน โดยเขาก็จะมีหมวดหมู่ให้เลือกเลยนะ ใครอยากดูแบบฟรี ๆ ก็กดเข้าตรงคอนเทนต์ดูฟรี ส่วนตัวเราแนะนำให้สมัครแพ็กเกจ Premium ไปเลย เพราะจะมีคอนเทนต์ให้เลือกเยอะกว่า ที่สำคัญคือลูกค้าที่สมัครแพ็กเกจ Premium และ Premium Plus สามารถรับชม Disney+ Hotstar ได้ฟรี นานถึง 6 เดือนและ 12 เดือน แต่ไม่ว่าจะดูฟรีหรือเสียเงิน ทุกคนก็จะได้เต็มอิ่มไปกับสื่อความบันเทิงที่หลากหลาย ฟินแน่นอน!
ราคา: 199-299 บาท/เดือน (ขึ้นอยู่กับแพ็กเกจ)
จบกันไปแล้วสำหรับ 7 แอพดูหนังและซีรีส์ที่น่ามีไว้ในครอบครอง ยังไงก็ตามเราสนับสนุนให้ทุกคนรับชมรายการและสื่อความบันเทิงต่าง ๆ แบบถูกลิขสิทธิ์ ถึงแม้บางแอพจะต้องเสียเงิน แต่บอกเลยว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้มาแน่นอน! สำหรับใครที่มีแอพพลิเคชันอื่น ๆ ที่คิดว่าปังปุริเย่ และจะช่วยให้การกักตัวที่บ้านมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น อย่าลืมมาแชร์กันน้า