เรื่องราวให้เพื่
1. โรงแรมแถวถนน พระรามเก้า

Source: Mthai
ว่ากันว่าเด็กมักจะพูดความจริง เรื่องมีอยู่ว่า มีคอมเม้นท์ท่านนึงเล่าว่าเธอไปพักที่โรมแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพ เป็นโรงแรมระดับ3ดาว ที่มีทัวร์จีนลงพักเยอะๆ
“เราไปพักกับลูกชาย3 ขวบ ดูเหมือนไม่น่าจะมีอะไร? แต่แล้วคำพูดของแม่บ้านที่ถามเบลบอยนี่สิ? ชวนคิด!!ลูกค้าพักห้องไหน?เบลบอยบอก ห้อง 609 แม่บ้านบอก? “แล้วไป” แล้วทำหน้าตาแปลกๆซึ่งเราก็พยายามไม่คิดอะไร พอเข้าไปลูกชายบอก “คุณแม่ผีกลัวผี!!” ลูกชาย3ขวบกว่าๆแอบหลอนเลยค่ะ !!ขนาดว่าเป็นโรงแรมที่สร้างไม่กี่ปี ดูใหม่และไม่น่ากลัวอะไรเลยนะ เราก็ไม่มีทางรุ้หรอกมันเกิดอะไรขึ้นบ้างในโรงแรมนั้น แต่เราเชื่อเลยเรื่องผีมันมีจริง ไม่เจอกับตัวไม่รุ้หรอก” โรงแรมอะไรต้องลองไปหาสืบกันเอาเองนะจ้ะ ได้เรื่องยังไงมาคอมเม้นท์บอกกันได้นะ
2. ห้องพักเต็ม

Source: Mthai
ในตอนแรกทางโรงแรมบอกว่าห้องพักเต็ม และด้วยความที่เขาไม่อยากไปหาโรงแรมอื่นๆอีกแล้ว ก็ไม่อยากเสียเวลา จึงพยายามเซ้าซี้เจ้าหน้าที่ต่อไปเรื่อยๆจนในที่สุดเข้าหน้าที่ก็ต้องจำใจให้เขาเข้าพักที่ห้องหนึ่ง ในขณะที่เขาเข้าไปในห้องก็รู้สึกได้ทันทีเลยว่า ห้องนี้มันต้องมีสิ่งผิดปกติอะไรสักอย่างแน่ๆ แต่ก็ไม่ถึงกับเอะใจอะไรมาก จนกระทั่งตกดึกลุกไปปิดไฟเพื่อเตรียมตัวเข้านอน ขณะนั้นเองก็ได้ยินเสียงเหมือนมีใครโยนกระเป๋าลงพื้น จนเขาหันไปถามเพื่อนว่า ได้โยนกระเป๋ารึเปล่า? แต่เพื่อนตอบกลับมาว่า ไม่ได้โยน เขาเริ่มรุ้สึกกลัวจึงลุกขึ้นไปเปิดไฟนอนแต่ยังไม่ทันจะได้นอนก็ได้ยินเสียงแบบเดินอีก เขาเริ่มทนไม่ไหวจึงโทรไปที่ล็อบบี้ ได้ยินเสียงพนักงานคุยกันทันทีเลยว่าแขกโดนอีกรายแล้ว เท่านั้นเอง เขาจึงรู้ว่าห้องนี้มีสิ่งแปลกอย่างที่เขาสัมผัสได้จริงๆ ด้วยความที่ดึกแล้วพวกเขาจำใจต้องนอนที่นี่ จึงนำพระมาวางไว้ที่หัวเตียง แต่เมื่อหันกลับมาดูอีกที พระกลับหายไปจากหัวเตียง จึงช่วยกันหาก็พบว่าพระที่เอานำออกมาวางนั้น กลับเข้าไปอยู่ในกระเป๋าใบเดิมเฉยเลย เท่านั้นเอง ทั้งคู่ก็รีบวิ่งหนีออกมาจากห้องทันที เพราะขนาดพระยังช่วยไม่ได้ แล้วพวกเขาจะอยู่กันไปทำไม
3. โรงแรมแห่งหนึ่ง ในระแวก สน.ตำรวจ อุดรธานี

Source: Thehouse
เป็นเรื่่องเล่าของเซลท่านหนึ่่ง ซึ่งต้องจำใจเข้าไปพักในโรงแรมแห่งนี้เพราะโรมแรมอื่นๆเต็มหมด เขาเล่าว่าเขสเพิ่งเรียนจบและได้ทำงานเป็นเซลขายเครื่องมือแพทย์ในโรงพยาบาลที่ภาคอิสาน เมื่อก่อนตัวเขาเป็นคนไม่เชื่อเรื่องผีสางเท่าไรนัก จนกระทั่งวันนึงเขาได้เดินทางมาทำงานที่หนองบัวลำภูกับทีมงานที่มาช่วยเขาอีก 2 คน และด้วยความที่จังหวัดหนองบัวลำภูนั้นเป็นเมืองเล็กๆหาที่พักยากเลยขับรถเข้ามาอุดรเพราะเป็นจังหวัดที่ใหญ่และหาที่พักง่ายกว่า เวลา 20.00 น. เขาขับรถมาถึงอุดรธารีและเข้าไปตระเวนหาที่พัก พบว่าทุกที่เต็มหมด เขาจึงนึกขึ้นได้ว่าเคยไปพักที่โรงแรมนึงอยู่ระแวก สถานีตำรวจ จ.อุดรธานี พอเข้าไปติดต่อพบว่ามีห้องว่างอยูแค่ห้องเดียวเป็นห้องสุดท้าย คือห้องหมายเลข 407 พวกเขาก็ตกลงเช็คอินเข้าพัก โดยเขาเคยมาพักที่นี่แล้วแต่ไม่เคยพักอยู่ชั้นนี้มาก่อน ห้องพักที่นี้เป็นห้องพักเพียงฝั่งเดียวและอีกด้านจะเป็นระเบียง และเวลาเราจะเดินเข้าห้องพักต้องเดินไปตามระเบียงและต้องผ่านห้องพักต่างๆไปก่อนซึ่งห้องที่พักเป็นห้องที่ 7 ซึ่งเกือบสุดทางเดินและค่อนข้างมืด จากนั้นพวกเขาก็นำข้าวของเข้าห้องกันปกติ แต่ห้องเป็นเตียงคู่ ซึ่งพวกเขามีกันอยู่สามคน เลยต้องทำการเลื่อนเตียงเข้าชิดกัน จะได้นอนกันได้ แต่แล้วระหว่างที่จัดเตียงกันนั้น จู่ๆผ้าปูก็หลุดออกมา ทำให้เขามองเห้นว่าที่ปลายเตียงมีคราบสีน้ำตาลเป็นวงๆเท่าฝ่ามืออยู่ เขาก็ไม่คิดอะไร คิดว่าคงเคยมีผู้หญิงที่มีประจำเดือนมานอนตรงนี้ก็เป็นได้ คงไม่มีอะไร
จากนั้นเวลาห้าทุ่มพวกเขาก็ออกไปทานข้าวเย็นจนกลับมาถึงห้อง ขณะที่เขากำลังไขประตูห้องนั้น เพื่อนที่ยืนข้างหลังก็พูดขึ้นมาว่า “ทำอะไร?” เขาจึงหันไปมองในห้องของพวกเขาที่เปิดม่านแง้มไว้อยู่ ปรากฏว่าเห็นเป็นชายร่างใหญ่ผิวขาวไม่ใช่คนเอเชีย นั่นอยู่ปลายเตียงและหันหน้าไปด้านทีวีซึ่งอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องหันด้านข้างให้กับพวกเขา จากนั้นพอพวกเขาเปิดประตู่เข้าไปและหันมามองที่หน้าต่างอีกครั้ง ชายคนนั้นก็หายไป เพื่อนอีกคนกล่าวว่าเห็นมีคนนั่งตั้งแต่เกินเข้ามาแล้ว แต่คิดว่าเข้าห้องผิดจึงไม่ได้คิดอะไร แต่คราวนี้ก็คิดว่าคงใช่แล้วล่ะ พวกเขาจึงไม่กล้านอนบนเตียงที่มีคลาบนั่นเลย ตื่นเช้ามารีบเช็คอินและรีบออกไป จากนั้นมาเหตุการณ์ผ่านไปเป็นอาทิตย์ เขาเดินผ่านล็อตเตอรี่จึงนึกลองซื้อเลยห้องนั้น และกล่าวว่าถ้าถูกล็อตเตอรี่จะทำบุญให้ ปรากฏว่าเขาก็ถูกจริงๆทำให้ทุกวันนี้เขาเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็น เพราะในสิ่งที่คุณมองไม่เห็นใช่ว่าไม่มีอยู่จริง แต่อย่างน้อยผีก็ให้โชคนะครับ อิอิ
4. โรงแรมไม้ ที่จังหวัดสุโขทัย
Source: Doctorpiyawong
ช่วงที่ตะเวนเที่ยว 1 เดือนโดยขับรถไปเรื่อยๆ จากตะวันออกไล่ไปภาคกลาง และขึ้นไปสิ้นสุดที่เชียงราย-แม่ฮ่องสอน ก่อนกลับลงมาค่ะ
ที่พักในแต่ละจังหวัดจะเป็นการทดลองสุ่มไปเรื่อยๆ ค่ำที่ไหนก็หาที่นอนแถวๆ นั้น..เรื่องมาเกิดที่จังหวัดสุโขทัยก่อนเป็นที่แรกค่ะ เป็นโรงแรมไม้ เรือนไทย อยู่ในอำเภอเมือง (ชื่อโรงแรมต้องกลับไปค้นจากรูปถ่ายเก่าๆค่ะ) เหตุการณ์ที่เกิดเป็นช่วงเวลาประมาณตีหนึ่งค่ะ ขอบรรยายห้องพักหน่อยนะคะ คือ ห้องเป็นเตียงไม้ใหญ่ขนาด 2 คนนอน
ใต้เตียงโล่งปลายเตียงเยื้องไปทางซ้าย เป็นชุดเก้าอี้ (เก้าอี้สองตัว กับโต๊ะกลมเล็กๆ 1 ตัว) หันมาทางเตียง ปลายเตียงเยื้องไปทางขวา เป็นกระจก และแน่นอนว่า.. ทำจากไม้แกะฉลุลายด้วยค่ะ หลังจากเสร็จกิจกรรมต่างๆ ดูทีวี กับดูแผนที่ว่าพรุ่งนี้จะไปเส้นไหนต่อ เราก็นอนค่ะ โดยวางของไว้ในตู้เสื้อผ้า วางแผนที่ไว้ที่โต๊ะกลม แล้วก็เปิดไฟหัวเตียงเล้กๆ ไว้สองดวงค่ะ
ประมาณตีหนึ่ง รู้สึกว่าได้ยินเสียงกุกกักแถวชุดเก้าอี้ปลายเตียงเลยตื่น แต่ยังไม่ลุก รู้สึกว่าพี่สาวขยับมานอนชิดเรามาก แล้วก็กำมือเราไว้แน่น เลยหันไปมอง อ้าปากจะถามว่าเป็นอะไร แต่.. ภาพที่เห็นทำให้ถามไม่ออกค่ะ “เห็นเงาคนสองคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปลายเตียง คนนึงกำลังดูแผนที่ อีกคนกำลังมองมาที่เตียง” จำได้ว่า พูดอะไรไม่ออก ตัวแข็งทื่อ ตอนนั้นสวดมนต์บทพาหุงฉบับสั้นเป็น ก็เลยพยายามจะสวด แต่ขยับไม่ได้ค่ะ ขยับปากไม่ได้ คอตอนนั้นก็ขยับไม่ได้ค่ะ พี่สาวท่าทางจะเป็นเหมือนกัน ก็หลับตาลงแล้วพยายามสวดๆๆๆๆ ปากขยับไม่ได้เหมือนมีแรงกดไว้ สวดจบไปรอบที่สาม ปากเริ่มขยับได้ เสียงสวดจึงดังลอดออกมา พี่สาวก็เหมือนกันค่ะ แต่รายนั้นแผ่เมตตาอย่างเดียวเลย…
พอเสียงเริ่มออก จึงลืมตาขึ้นมา ปรากฎว่า.. big surprise ค่ะ คือ “ทางนั้น” เลื่อนมายืนปลายเตียง น่ากลัวมากๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่กล้าหลับตาอีก กลัวว่าลืมตาอีกที “ทางนั้น” จะเลื่อนมาใกล้ขึ้น พยายามสวดต่อค่ะแล้วก็แผ่เมตตาตามพี่สาว จน “ทางนั้น” ขยับเดินห่างออกไป แล้วก็ออกไปทางผนังด้านหลังชุดเก้าอี้.. ที่น่าขนลุกกว่านั้นคือ ทันทีที่ “ทางนั้น” หายไป แผนที่ซึ่งอยู่บนโต๊ะ ตกลงมาที่พื้นค่ะ.. ไม่ต้องนอนกันแล้วค่ะ รีบลุกขึ้นเก็บของ เดินไปเคาะประตูญาติที่อยู่อีกห้อง แล้วก็ย้ายโรงแรมเลยค่ะ กลัวมากๆ ความรู้สึกว่าอยากนอนบ้านเรือนไทยตั่งแต่นั้นเป็นต้นมา = 0 ค่ะ ตอนกลับมาจากเที่ยวล้างฟิลม์แล้วเห็นภาพ ก็นึกในใจว่า ดีนะที่เย็นวันนั้นถ่ายรูปเฉพาะป้ายโรงแรม ไม่ได้เอาตัวเองไปถ่ายรูปคู่ที่หน้าโรงแรมเหมือนปกติ ไม่งั้นคง…… สยองงงงงงงง….
5. โรงแรมแห่งหนึ่งที่รามคำแหง 65

Source: kiji.life
โรงแรมขึ้นต้นด้วย ชา…. ชั้น5 เข้าไปพักแบบไม่คิดอะไรแต่เจอเป็นแสงรูปร่างคน เดินออกจากห้องน้ำมาทางผม ผมอยู่กับพวกเพื่อนๆแต่เพื่อนหลับกันหมด มีผมกับเพื่อนที่ไม่หลับเห็นกัน2คน แต่ผมไม่ค่อยกลัวแต่ตกใจมากกว่าเพราะพยายามมองว่ามันคืออะไรยิ่งมองยิ่งเหมือนคนแล้วหายไปเพื่อนผมจึงเปิดไฟ
รู้พิกัดแล้วใครที่ชื่นชอบเรื่องลี้ลับ ชอบลองของ อยากรู้ต้องไปเข้าพักดูเลย ว่าจะเจอแบบความเห็นนี้รึเปล่า
6. โรงแรมที่เขาหลัก

Source: kiji.life
จากความคิดเห็นในกระทู่แห่งหนึ่งเธอเล่าว่า “ส่วนตัวแล้วไม่เชื่อแต่ไม่ลบหลู่ แต่เรากับครอบครัวเจอกับตัวเลยค่ะ อัตราเสี่ยงการเจอ 3 คนจาก 6 คนที่ไปด้วยกัน เป็นโรงแรมเล็กๆ ที่เขาหลัก บริเวณที่เคยเกิดสึนามิค่ะ ก่อนพักรีเซปชั่นแจ้งว่าหลัง 1 ทุ่มไม่มีรีเซปชั่นนะคะ เราก็งงๆ โรงแรมอัลไลทำไมไม่บริการแขกเลย ของเราเจอเสียงเด็กผู้หญิงวิ่งเล่นร้องกรี๊ดตอนดึกๆ แต่ปรากฏว่าไม่มีเด็กผู้หญิงพัก มีแต่เด็กผู้ชายโตแล้ว แล้วก็ได้ยินเสียงคนหมุนลูกบิดประตู เสียงเดินเข้าห้องมาตอนกลางคืน คือ โรงแรมนั้นมีประตูที่ระเบียงเป็นแบบต้องหมุนลูกบิดค่ะ มารยาทงามเปิดแล้วปิดประตูให้ด้วยนะ ส่วนญาติเรา ตอนเช้า เดินไปโวยพนักงานว่าทำไมปล่อยให้จัดปาร์ตี้ทั้งคืน เสียงกลอง เสียงเพลงหนวกหูมาก นอนไม่ได้เลย…(ซึ่งจริงๆแล้วเงียบมากน่ะ)”
7. โรงแรมข้างๆห้างที่เชียงใหม่
Source: soccersuck
จากความคิดเห็นในกระทู้หนึ่งบอกว่า “พอดีไปเจอเหตุการณ์ประหลาดเมื่อวันก่อนคือขึ้นลิฟท์แล้วหลงทาง หลงมันอยู่สามชั้นนั่นน่ะ โอเคว่าโซนนั้นลิฟท์มันเลื่อนขึ้นลงแค่สามชั้น แต่เมื่อเรารู้ว่าตัวเองขึ้นลิฟท์ผิดก็กดลิฟท์กลับไปชั้นเดิม (สมมติเราขึ้นจากชั้น 3 ใช่มั้ย เราอยู่ชั้น 1 ก็กดกลับไปเลขสาม)แต่พอเปิดออกมามันไม่ใช่ชั้น 3 โลเกชั้นเดิมที่เดินเข้ามาครั้งแรก งงมั้ย เดินเข้าเดินออก กดขึ้นกดลงอยู่จนเหนื่อย สุดต้องออกจากลิฟท์เพราะแม่และเพื่อนร่วมลิฟท์ที่เป็นสองพ่อลูกไม่ยอมเข้าไปในลิฟท์ละ บอกมันรู้สึกแปลกๆ สองสามชั้นนั่นก็เงียบกริบบางโซนมืดด้วย เดินหาจนเจอแม่บ้านทำความสะอาดห้องเขาเลยพามาที่ลิฟท์อีกและกดเหมือนที่เรากด แล้วมันก็เปิดไปในชั้นที่เราเดินขึ้นมาครั้งแรก เราแม่และเพื่อนร่วมลิฟท์หันไปมองหน้ากันอย่างงงๆแต่ไม่พูดอะไร กว่าเราจะสามารถออกจากโรงแรมได้ ใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมง แอร์โรงแรมเย็นแต่เหงื่อเราชุ่มทั้งตัว อารมณ์แบบบอกไม่ถูกว่าคืออะไร…”
และนี่ก็เป็นโรงแรมทั้งหมดที่มีสิ่งลี้ลับที่ทุกวันนี้ก็ยังเปิดอยู่นะ แต่จะเป็นชื่อโรงแรมอะไรนั้น คงต้องไปหาสืบกันเอาเองแล้วล่ะ เพราะแอดมินไม่สามารถบอกชื่อได้เช่นกัน เพราะแอดมินก็ไม่รู้ แฮร่;P แต่การเข้าพักโรงแรมนี่ มันก็เหมือนการเสี่ยงดวงนะ ไม่รู้ว่าเราจะเจอไหม และไม่สามารถรู้ได้เลย แต่แนะนำว่าให้สังเกตุเอาว่าทั้งชั้นมีห้องอื่นเข้าพักหรือเปล่า ถ้าไม่มีล่ะก็ ให้คิดเผื่อไว้เลยว่า โรงแรมที่คุณเข้าพักนั้นอาจจะมีประวัติก็เป็นได้…