จากกรณีล่าสุด ที่ทางศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้ประกาศล็อกดาวน์พื้นที่เสี่ยงสูง 6 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ ชลบุรีและเชียงใหม่ เป็นเวลาทั้งสิ้น 14 วัน โดยมาตรการล็อกดาวน์ที่ประกาศล่าสุด จะมุ่งเน้นไปที่การจำกัดการเดินทางออกนอกบ้าน และการเดินทางไปยังสถานที่เสี่ยง โดยขอความร่วมมือไม่ให้ประชาชนออกนอกเคหะสถาน ตั้งแต่ช่วงเวลา 21:00-04:00 น.
บอกเลยว่ายอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทยล่าสุด ถือว่าเป็นจำนวนสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์แล้วจริง ๆ แต่นอกจากในประเทศไทยแล้ว ทุกคนคงรู้ว่าแต่ละประเทศนั้นก็จะมีมาตรการล็อกดาวน์ที่แตกต่างกันออกไป บางประเทศก็มีมาตรการล็อกดาวน์ที่เคร่งครัดมาก บางประเทศก็มีมาตรการแปลก ๆ ออกมาให้เราได้งุนงง วันนี้ The Joi จึงได้รวบรวมมาตรการล็อกดาวน์ที่แปลกแหวกแนวสุด ๆ จาก 6 ประเทศ จะมีประเทศไหนบ้าง ไปดูกันเลย
1. อินโดนีเซีย: หลอกผีให้คนไม่กล้าออกจากบ้าน!
มาตรการล็อกดาวน์สุดแหวกแนวและสร้างสรรค์ ส่งเข้าประกวดจากหมู่บ้านเคปูห์ (Kepuh) บนเกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย โดยอาสาสมัครลาดตระเวนจะทำหน้าที่แต่งตัวและแต่งหน้าเป็นผี หรือที่คนอินโดนีเซียเรียกว่า “Pocong” เป็นวิญญาณที่ติดอยู่ในผ้าห่อศพ ไม่ยอมไปผุดไปเกิด
ในช่วงระยะแรก ๆ ประชาชนในหมู่บ้านเคปูห์ไม่ได้ให้ความสนใจกับการกักตัวและมาตรการล็อกดาวน์เท่าไหร่นัก เจ้าหน้าที่จึงใช้วิธี “หลอกผี” เพื่อให้ประชาชนกลัวและไม่กล้าออกจากบ้าน ดูเหมือนจะเหลวไหล แต่ว่าบาป! วิธีนี้ดันได้ผลดีจริง ๆ เพราะประชาชนไม่รู้ว่าผีปลอมจะโผล่มาตอนไหน ยิ่งมาในสภาพแต่งหน้าแต่งตัวจัดเต็ม ยิ่งน่ากลัว!
2. ปานามา: แบ่งวันออกจากบ้านตามเพศ
ปานามาหรือสาธารณรัฐปานามา เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ทางใต้สุดของอเมริกากลาง โดยในปานามานี้ก็มีมาตรการล็อกดาวน์แบบแปลก ๆ แหวกแนวไม่แพ้ใคร โดยผู้คนจะต้องแบ่งเวลาในการออกจากบ้านตามเพศของตัวเอง
โดยผู้หญิงจะสามารถออกจากบ้านได้วันจันทร์, วันพุธ และวันศุกร์ ในขณะที่ผู้ชายสามารถออกจากบ้านได้ในวันอังคาร, วันพฤหัสบดี และวันเสาร์ ในส่วนของวันอาทิตย์นั้น ห้ามออกจากบ้านเด็ดขาด อย่างไรก็ตามก็ได้มีการเรียกร้องจากกลุ่มคน Non-binary เช่นเดียวกันว่ามาตรการนี้สะท้อนให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียม ในการแบ่งแยกเพศตามเพศสภาพเท่านั้น
3. โคลอมเบีย: ออกจากบ้านตามเลขท้ายบัตรประชาชน
ในส่วนของโคลอมเบียเอง ก็มีมาตรการล็อกดาวน์ที่แปลกไม่เหมือนใคร โดยอิงจากเลขท้ายบัตรประชาชน หรือ เลขท้ายของทะเบียนรถยนต์
ตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นชาวเมืองบาร์รันกาเบอร์เมฮา และเลขบัตรประชาชนของคุณลงท้ายด้วย 0, 7 และ 4 คุณจะสามารถออกจากบ้านได้เฉพาะในวันจันทร์ แต่หากเลขบัตรของคุณลงท้ายด้วย 1, 8 หรือ 5 คุณจะสามารถออกจากบ้านได้วันอังคาร เป็นต้น
4. ฟิลิปปินส์: ใครละเมิดมาตรการควบคุมโรค ยิงได้เลย!
โหดสลัดยิ่งกว่ารัสเซีย ณ จุด ๆ นี้ต้องยกให้พี่ปินส์ไปเลย หลังจากที่มีข่าวชายวัย 63 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิต ชายคนดังกล่าวนี้อยู่ในอาการมึนเมา และไม่ยอมสวมหน้ากากอนามัย หลังจากที่เจ้าหน้าที่เข้าไปตักเตือนและสั่งให้ปฏิบัติตามมาตรการการควบคุมโรคแล้ว เขากลับโมโหและเข้าทำร้ายเจ้าหน้าที่ ทำให้ถูกเจ้าหน้าที่ยิงจนถึงแก่ชีวิต
ทั้งนี้ก่อนหน้านั้น นายโรดริโก ดูแตร์เต (Rodrigo Duterte) ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ได้ทำการประกาศเตือนประชาชนเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า ตนจะสั่งให้ตำรวจและทหารยิงใครก็ตามที่ฝ่าฝืนมาตรการล็อกดาวน์ของประเทศฟิลิปปินส์ เรียกได้ว่าเข้มงวดกันแบบสุด ๆ เลย
5. เบลารุส: ชมการแข่งฮ็อกกี้น้ำแข็งสกัดไวรัส
เบลารุส หรือชื่อทางการว่าสาธารณรัฐเบลารุส เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคยุโรปตะวันออก บอกเลยว่าประเทศนี้มีมาตรการป้องกันโควิดและมาตรการล็อกดาวน์แบบไม่เหมือนใคร เพราะประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก ไม่เชื่อว่าจำเป็นต้องมีมาตรการป้องกันใด ๆ ทั้งนั้น!
อีกทั้งเขายังจัดให้ประชาชนไปรับชมการแข่งฮ็อกกี้น้ำแข็ง พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า ความเย็นจากน้ำแข็งในสนามจะช่วยสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้เขายังแนะนำให้ประชาชนดื่มวอดก้าและอบซาวน่าเพื่อป้องกันเชื้อไวรัส สวนทุกกระแสนักวิชาการจริง ๆ สำหรับประธานาธิบดีคนนี้
6. ไทย: พึ่งใครไม่ได้ ก็พึ่งไสยศาสตร์แล้วกัน!
แถมกันสักนิดสำหรับประเทศไทย ซึ่งก่อนหน้าที่จะมีการประกาศมาตรการล็อกดาวน์กรุงเทพฯ และจังหวัดอื่น ๆ ชาวบ้านเองก็ได้มีวิธีการป้องกัน ขับไล่เชื้อไวรัสโควิด-19 กันแบบฉบับชาวไทยแท้ ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสวดมนต์ไล่โควิด, การปลุกเสกต๋าแหลว 7 ชั้น ตามความเชื่อชาวล้านนา เพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้าย, สติ๊กเกอร์ยันต์กันโควิด หรือจะเป็นหน้ากากลงยันต์ไว้สู้โควิดก็มีเหมือนกัน เรียกได้ว่ามีของขลังอะไรพี่ไทยจัดมาหมด!
แต่ปัจจุบันประชาชนชาวไทยต่างก็หันมาให้ความสำคัญกับมาตรการล็อกดาวน์ และการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 มากยิ่งขึ้น ยิ่งในปัจจุบันที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ทุกคนต้องป้องกันตัวเองเป็นอย่างดี
พวกเรา The Joi ก็หวังว่าเพื่อน ๆ ทุกคนจะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกท่านที่ทำงานกันอย่างหนัก หวังว่าพวกเราจะสามารถผ่านพ้นวิกฤติร้าย ๆ ในครั้งนี้ไปได้โดยเร็ว
ขอบคุณข้อมูลจาก: BBC, REUTERS, CBS News