แม้ว่าร้านชานม “หมีพ่นไฟ” จะถูกศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางตัดสินว่ามีความผิดฐานลวงขาย และสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่เจ้าของแบรนด์ “เสือพ่นไฟ” เป็นจำนวนเงิน 10 ล้านบาท บวกเดือนละแสนตั้งแต่วันฟ้อง (30 พฤศจิกายน 2563) แต่ถึงกระนั้น แบรนด์ชานมหมีพ่นไฟกว่า 200 สาขาทั่วไทยก็ยังเดินหน้าขายต่อไปตามปกติ โดยมีลูกค้าแห่ให้กำลังใจด้วยการซื้อกิน
แต่ในประเทศไทย ไม่ได้มีร้านชานมที่มีแค่ “หมี” กับ “เสือ” เท่านั้นที่พ่นไฟ เพราะยังมีอีกหลายแบรนด์ที่ได้แรงบันดาลใจจากร้านที่ประสบความสำเร็จด้านการขายชานมไข่มุก (ไม่เสือก็หมีนี่แหละ) จะมีสัตว์อะไรที่พ่นไฟได้เป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ร้านชานมไข่มุกในไทยอีกบ้าง ตาม The Joi ไปดูกันเลย!
1. เสือพ่นไฟ (Fire Tiger by Seoulcial Club)
เป็นแบรนด์ชานมไข่มุกที่นำเสือมาเป็นสัญลักษณ์แบรนด์ และมีหน้าร้านโดดเด่นจนหลายคนได้แรงบันดาลใจไปเปิดร้านชานมโดยมีสรรพสัตว์ที่ชื่นชอบเป็นโลโก้ ด้วยความที่มีที่ยื่นส่งออเดอร์ชานมเป็นรูปหัวเสือดูหรูหรา และแปลกตาในเมืองไทย (ในอดีต) ก็ทำให้แบรนด์นี้ติดตลาดอย่างรวดเร็ว และคนแห่มาถ่ายรูปคู่กับปากเสือเก๋ ๆ ลงโซเชียล และเมนูเด็ดที่สุดก็ต้อง “ชานมเสือพ่นไฟ” ที่เด็ดและฮิตหนักมาก จน “MK” แบรนด์สุกี้อันดับหนึ่งในใจคนไทย ขอร่วมงานกันด้วยเลยทีเดียว สำหรับเมนูชานมเสือพ่นไฟมี 5 แบบให้เลือกคือนมเสือ ราคา 130 บาท, ชานมเสือ 140 บาท, นมเสือพ่นไฟ150 บาท, ชานมเสือพ่นไฟ ราคา 150 บาท และราชาเสือ 160 บาท
2. หมีพ่นไฟ (The Fire Bear)
“หมีพ่นไฟ” เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่เป็นคู่แข่งสูสีกับ “เสือพ่นไฟ” เลยก็ว่าได้ มีสัญลักษณ์ของแบรนด์เป็นหมี ใครที่ฝันอยากมีร้านชานม The Joi ก็เชื่อว่าเป็นแบรนด์แฟรนไชส์ในฝันของคนอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองอย่างแน่นอน เพราะรสชาตินั้นถูกปากคนไทยที่ชอบกินหวาน แต่ไม่หวานจัดจนเบาหวานขึ้นตาตาบอด แถมยังเป็นแฟรนไชส์ที่ไม่มีค่ารายปี ไม่มีส่วนแบ่งจากยอดขาย จ่ายครั้งเดียวจบ เมนูสุดปังของทางร้านก็ต้อง “ชานมไข่มุกพ่นไฟ” เท่านั้น!
3. สิงโตพ่นไฟ (The Lion’s Cup)
“สิงโตพ่นไฟ” เป็นแบรนด์ชานมไข่มุกที่มีสิงโตเป็นสัตว์สัญลักษณ์ของแบรนด์ และยังเป็นแฟรนไชส์ชานมพ่นไฟที่มีคนนิยมลงทุนเป็นลำดับ ๆ ต้น ๆ ของไทย เพราะสินค้าขายง่ายและคืนทุนเร็ว ประมาณใน 1-2 เดือน เมนูเด่นของทางร้านแน่นอนว่าคือ “ชานมไข่มุกพ่นไฟ” ที่นอกจากรสชาติอร่อย ยังมีกลิ่นหอมชวนน้ำลายสอมาก ๆ อีกด้วย และอีกหนึ่งไฮไลต์ของทางสิงโตพ่นไฟคือ มีแก้วใหญ่แบบสูงมาก ๆ หรือที่เรียกว่า “แก้วยีราฟ” ให้ดูดไข่มุกกันสนุกสนานและอร่อยจุใจคนชอบชานมอีกด้วย
4. กอริลลาพ่นไฟ (King Gorilla)
“King Gorilla” หรือชื่อไทยคือ “ราชาลิง” เลือกใช้กอริลลาเป็นสัตว์สัญลักษณ์ของแบรนด์ จุดเด่นของร้านชานมไข่มุกแบรนด์นี้อาจไม่เหมือนร้านชานมอื่นที่เน้นตัวชาเป็นหลัก แต่ที่นี่เขาเด่นที่ไข่มุก ซึ่งเป็น “ไข่มุกลาวา” ที่เป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน และใช้วัตถุดิบนำเข้าในการทำ ทำให้ลูกค้าที่ได้ชิมไข่มุกลาวาต้องกลับมาซื้อซ้ำ
5. แรดพ่นไฟ (The Burn Rhino)
ใครที่รู้ตัวว่าเป็นคนจี๊ดจ๊าดก๋ากั๋น กินชานมไข่มุกทั้งทีมันก็ต้องแซ่บ The Joi ขอแนะนำร้านชานมไข่มุก “The Burn Rhino” หรือที่เรียกกันง่าย ๆ ว่า “แรดพ่นไฟ” เมนูเด็ดของทางร้านก็สุดยอดไม่แพ้ชื่อเมนูที่ทางร้านตั้งให้ มี 3 เมนูด้วยกัน คือ “แรดพ่นไฟ” (นมสด+มุกบราวน์ชูก้า+พ่นไฟ), “แรดได้โล่” (ชาไทย+มุกบราวน์ชูก้า+พ่นไฟ) และ “แรดโกอินเตอร์” (ชานมไต้หวัน+มุกบราวน์ชูก้า+พ่นไฟ)
6. หมาป่าพ่นไฟ (The Cold Wolf)
และร้านชานมสุดท้ายที่นำสัตว์อย่างหมาป่า มาเป็นสัญลักษณ์แบรนด์คือ “The Cold Wolf” หรือคนไทยเรียกง่าย ๆ ว่า “หมาป่าพ่นไฟ” เมนูเด่นของทางร้านคือ “ชานมไต้หวันแท้ ๆ” และไข่มุกบราวชูการ์เหนียวนุ่มอร่อยกำลังดีกับตัวชา และยังเป็นแบรนด์แฟรนไชส์ชานมที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากเครื่องดื่มมีราคาปานกลาง และถูกปากคนไทยที่ชอบกินหวานและรสชาติหลากหลาย
ปัจจุบันมีเครื่องดื่มอย่างชานมไข่มุกเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด เพราะคนไทยนิยมบริโภคหวาน เนื่องจากอากาศที่ร้อนจัด ได้อะไรเย็น ๆ หวาน ๆ ดื่มแล้วมันชื่นใจจริง ๆ เรียกว่าเจาะเลือดออกมาอาจได้เห็นไข่มุกแทนเลือดก็ว่าได้ และยังคงฮิตดื่มกันเรื่อย ๆ แม้ว่ากระแสจะซาแล้วก็ตาม ใครที่อยากมีร้านชานมเป็นของตัวเองก็ดูไว้เป็นแรงบันดาลใจ อย่าก๊อปปี้เชียวล่ะ!
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: ชานม “หมีพ่นไฟ” แพ้คดีละเมิดลิขสิทธิ์แบรนด์ “เสือพ่นไฟ” ต้องชดใช้ให้ 10 ล้านบาท
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: เห็นแล้วอึ้ง! 10 ร้านค้าลอกเลียนแบบแบรนด์ดังสุดฮา
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: “มุมปากบาร์” ร้านอิซากายะในญี่ปุ่น ใช้เสื้อวินมอไซค์เป็นยูนิฟอร์มพนักงาน