เมื่อพูดถึงเทศกาลคริสต์มาส สิ่งที่คนส่วนใหญ่นึกถึงก็มีตั้งแต่ซานตาคลอส ต้นคริสต์มาส สโนว์แมนหรือมนุษย์หิมะ และอีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ “ขนมหวานประจำเทศกาลคริสต์มาส” ซึ่งมี 6 อย่างด้วยกัน ที่คุณต้องไม่พลาดที่ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้ก็สามารถสัมผัสบรรยากาศของวันคริสต์มาสได้ จะมีเมนูอะไรบ้าง ตามไปดูกันเลย!
1. พาเนตโทเน่ (Panettone)
ขนมรูปทรงโดมละม้ายคล้ายมัฟฟิน แต่ขนาดใหญ่กว่าและมีเนื้อแป้งเบา ภายในมีผลไม้เชื่อม ลูกเกิด และน้ำผึ้ง ผสมปนกับเนื้อแป้ง (คนไทยอาจรู้สึกว่าเหมือนเค้กผลไม้) มีรสชาติหวานและเนื้อสัมผัสของแป้งนั้นนุ่มลิ้น แถมยังมีกลิ่นหอมอีกด้วย มักกินคู่กับชาหรือกาแฟ เป็นหนึ่งในเมนูขนมหวานคลาสสิกประจำโต๊ะอาหารวันคริสต์มาสของชาวอิตาเลียนที่นิยมกินในค่ำคืนวันคริสต์มาสและวันขึ้นปีใหม่ เล่ากันว่าสูตรขนมหวานจานนี้มีจุดกำเนิดอยู่ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ก่อนจะได้รับความนิยมแพร่หลายทั่วทวีปยุโรป
2. บุช เดอ โนเอล หรือเค้กขอนไม้ (Bûche de Noël (Yule Log))
เค้ก “บุช เดอ โนเอล” มีหน้าตาละม้ายคล้ายขอนไม้ มีเนื้อสัมผัสนิ่มนวล หอมหวาน แถมด้านนอกยังเต็มเปี่ยมรสชาติเข้มข้นของช็อคโกแลตเข้ากันกับบัตเตอร์ครีม ต้นกำเนิดของเค้กขอนไม้ก็มาจากความต้องการที่จะอนุรักษ์ธรรมเนียมโบราณของชาวบ้านฝรั่งเศสที่มักตัดต้นไม้ชิ้นใหญ่และเผาท่อนไม้ตั้งแต่ช่วงเทศกาลคริสต์มาสไปจนถึงปีใหม่ เพราะเชื่อว่าจะนำพาโชคดีมาสู่ครอบครัว แต่ปัจจุบันเราไม่ได้ใช้ฟืนกันแล้ว จึงปรับเปลี่ยนมาทำเป็นขนมที่มีรูปทรงคล้ายขอนไม้แทนนั่นเอง
3. พาฟโลวา (Pavlova)
ขนมหวานประจำเทศกาลคริสต์มาสนี้มีหน้าตาสวยงาม ลักษณะคล้ายกับเมอแรงก์ (Meringue) เนื้อกรอบนอก นุ่มใน และมีน้ำหนักเบา ที่ด้านบนชุ่มฉ่ำด้วยวิปครีมและผลไม้สด มีเรื่องเล่าว่าผู้คิดค้นสูตรขนมหวานจานนี้ได้แรงบันดาลใจจาก แอนนา พาฟโลวา (Anna Pavlova) นักบัลเลต์หญิงชาวรัสเซียชื่อดังที่เคยมาแสดงที่ประเทศนิวซีแลนด์และออสเตรเลียราวต้นศตวรรษที่ 20 ปัจจุบันขนมหวานนี้เป็นขนมประจำประเทศนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย
4. คริสต์มาสชโตลเลน (Christmas Stollen)
“ชโตลเลน” เป็นขนมที่มีส่วนผสมเรียบง่าย เพียงแป้ง ข้าวโอ๊ต และน้ำเท่านั้น ซึ่งเป็นสูตรที่เชื่อว่ามีมาตั้งศตวรรษที่ 14 ต่อมา มีผู้คิดค้นสูตรชโตลเลนแบบใหม่ โดยผสมเนย ผลไม้เชื่อม ผลไม้แห้ง ถั่ว และเครื่องเทศ ทำให้ชโตลเลนกลายเป็น “เค้กผลไม้ (fruit cake)” ที่มีรสชาติมากขึ้น นอกจากนี้ยังตกแต่งด้วยน้ำตาลไอซิงสีขาวโพลนราวกับหิมะ และขนมหวานชนิดนี้ยังขึ้นชื่อว่าเป็นขนมอบประจำเทศกาลคริสต์มาด้วย
5. บริติช คริสต์มาส พุดดิ้ง (British Christmas Pudding)
ขนมหวานประจำเทศกาลคริสต์มาสลำดับต่อมาคือ “บริติช คริสต์มาส พุดดิ้ง” เป็นขนมดั้งเดิมที่ชาวอังกฤษ ปกติ ชาวอังกฤษจะเริ่มทำขนมพุดดิ้งล่วงหน้าเป็นเวลาหลายสัปดาห์และจะเก็บไว้ที่เย็นก่อนที่จะนำมาทานในค่ำคืนวันคริสต์มาส เพราะในอดีตส่วนผสมที่ใช้ทำคริสต์มาสพุดดิ้งมีถึง 13 ชนิด เพื่อสื่อถึงพระเยซูและ 12 อัครธรรมฑูต แต่ปัจจุบันสูตรคริสต์มาสพุดดิ้งมีหลากหลายมากขึ้น แต่ก็ยังคงรสชาติเข้มข้นหวานมันไว้เหมือนเดิม
6. ขนมปังขิง (Gingerbread)
ขนมหวานอย่างสุดท้ายคือ “ขนมปังขิง” มีหลากหลายรูปแบบตามแต่ละท้องถิ่น รูปทรงยอดนิยมที่มักทำคือขนมปังขิงรูปร่างคล้ายคน (Gingerbread Man) ซึ่งมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า เริ่มทำในสมัยสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษ (Queen Elizabeth I) เพื่อมอบแก่พระราชอาคันตุกะหรือบุคคลสำคัญ นอกจากนี้ ยังมีรูปหัวใจ รูปเกล็ดหิมะและรูปต้นสน ส่วนที่มาของขนมปังขิงเชื่อกันว่า มีมาตั้งแต่โบราณในฐานะเค้กน้ำผึ้ง โดยมีชาวอียิปต์และชาวกรีกเป็นผู้คิดค้น ก่อนที่จะแพร่หลายในยุโรป โดยทำจากน้ำผึ้ง เครื่องเทศต่าง ๆ เช่น ขิง อบเชย โปยกั๊ก กระวาน ลูกจันท์เทศ ฯลฯ
สำหรับชาวไทยที่อยากลองกินขนมประจำเทศกาลคริสต์มาสเหล่านี้ สามารถหาซื้อกินได้ที่ร้านอาหารอิตาเลียน ร้านอาหารฝรั่งเศส และร้านเบเกอรี่ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป
ที่มาข้อมูล: Tops Picks
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: น้องต้องมี! 15 ชุดคริสต์มาสสำหรับสัตว์เลี้ยงที่น่ารักที่สุดในปี 2021
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: ไปหาฟัง! 10 เพลงคริสต์มาสสมัยใหม่ที่เยาวรุ่นศตวรรษที่ 21 นิยมฟังกัน
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: 9 ไอเดีย แต่งตัวธีมคริสต์มาส 2021 ปาร์ตี้นี้ต้องต๊าช ห้ามแผ่ว!