หลายคนอาจฝันอยากเที่ยวพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่ก็มักมีเหตุผลทำทริปล่มตลอด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลว่า “อยากเที่ยว แต่งบน้อย” หรือ “อยากเที่ยวดี ๆ ท่ามกลางบรรยากาศสวย ๆ ซึมซับบรรยากาศได้นาน ๆ แต่เวลาเที่ยวมีจำกัด” ถ้าอย่างงั้น ลองเปลี่ยนมานั่งรถไฟเที่ยวกันดูมั้ยล่ะ?
The Joi ขอแนะนำ 5 เส้นทางนั่งรถไฟเที่ยว วิวสวยจนต้องยกกล้อง หรือมือถือขึ้นมาถ่ายรูปรัว ๆ ในไทย สำหรับคนงบน้อย แถมว่างวันเดียวก็เที่ยวได้!
1. เส้นทางตลาดร่มหุบ จังหวัดสมุทรสงคราม
เส้นทางนั่งรถไฟเที่ยวเส้นนี้ จัดว่าเป็น 1 ในเส้นทางสุดแปลกที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ชาวไทยและต่างชาติล้วนหลงใหลและยกนิ้วให้กับความไม่ธรรมดา ตั้งอยู่ระหว่างสถานีบ้านแหลมกับสถานีแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม สิ่งที่จะได้เห็นจากริมหน้าต่างตู้ขบวนรถไฟทั้งสองข้าง คือ “ตลาดแม่กลอง” หรือที่นักท่องเที่ยวนิยมเรียกกันว่า “ตลาดร่มหุบ” เพราะเมื่อรถไฟกำลังวิ่งผ่าน บรรดาพ่อค้าแม่ค้าจะเก็บร่มผ้าใบที่ขวางรางออกโดยพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย และเมื่อรถไฟวิ่งผ่านพ้นไปก็จะกางออกเพื่อบังแดด หรือฝนดังเดิม ซึ่งพวกเขาจะทำเช่นนี้ทุกครั้งที่รถไฟมา จนต่างชาติยกให้เป็น “ตลาดน่าหวาดเสียวที่สุดในโลก”
นอกจากนี้ ผู้ที่นั่งรถไฟเที่ยวยังจะได้เห็นภาพของสินค้านานาชนิดและพืชผักผลไม้ต่าง ๆ ในตลาด รวมถึงวิถีชีวิตของชาวบ้านในแถบนั้นและนักท่องเที่ยวทั้งหัวดำหัวทองต่างแวะเวียนมาถ่ายรูปเส้นทางรถไฟนี้เป็นที่ระลึก ซึ่งใครที่ได้เห็นเป็นต้องอารมณ์ดีเสมอ
เส้นทางรถไฟ : ต้นทางเริ่มจากวงเวียนใหญ่ในกรุงเทพฯ แล้วต้องนั่งไปลงที่สถานีมหาชัย จังหวัดสมุทรปราการ จากนั้นนั่งเรือข้ามฟากไปฝั่งท่าฉลอม เพื่อขึ้นรถไฟต่อจากสถานีบ้านแหลมไปยังสถานีแม่กลอง ซึ่งเป็นสถานีปลายทาง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง
ราคาค่าโดยสาร : 10 บาท
2. เส้นทางสู่หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
สำหรับเส้นทางนั่งรถไฟเที่ยวนี้ เหมาะสำหรับคนรักทะเล เพราะเส้นทางรถไฟมุ่งหน้าออกจากกรุงเทพฯ ไปยังอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่เที่ยวทะเลยอดฮิตตลอดกาลของคนไทย แต่เมื่อนั่งรถไฟเที่ยวไปหัวหินจะได้สัมผัสชีวิตสโลว์ไลฟ์อย่างแท้จริง เพราะว่าการเดินทางไปหัวหินนั้นใช้เวลาราว 4 ชั่วโมง ระหว่างการเดินทาง วิวสองข้างทางที่จะได้เห็นคือบ้านเรือนของชาวบ้านสลับกับต้นไม้สูงใหญ่
แต่ที่ปลายเส้นทางนั่งรถไฟเที่ยวนี้ เป็นที่ตั้งสถานีหัวหิน ซึ่งเป็นสถานีรถไฟที่สวยสุดในประเทศไทย มีพลับพลาพระมงกุฎเกล้าฯ เป็น “พลับพลาจตุรมุข” สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ตั้งตระหง่านโดดเด่นเห็นแต่ไกล เดิมทีพลับพลาจตุรมุขนี้ ตั้งอยู่ในบริเวณพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม หลังจากสิ้นรัชสมัยของในรัชกาลที่ 6 การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้รื้อถอนมาเก็บตั้งไว้ที่นี่ เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์
และบริเวณสถานีรถไฟหัวหินยังมีหัวรถจักรไอน้ำเก่า ซึ่งเคยวิ่งในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ตั้งแสดงไว้ให้ถ่ายรูปคู่ด้วย โดยหัวรถจักรนี้ทางรฟท. ได้ซื้อมาจากประเทศอังกฤษ นอกจากนี้ ยังมี “ศาลาบุรฉัตร์” ซึ่งเป็นศาลาทรงไทย ตั้งอยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟหัวหิน และมีร้านจำหน่ายกาแฟและเบเกอรี่ ตั้งอยู่ติดกับสถานีรถไฟหัวหินด้วย โดยอาคารแห่งนี้เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ โดยออกแบบทรงอาคารให้คล้ายกับสถานีรถไฟหัวหิน
เส้นทางรถไฟ : ต้นทางกรุงเทพฯ และปลายทางหัวหิน จะมีรถไฟให้เลือก 5 ประเภท คือ ธรรมดา, เร็ว, ด่วน, ด่วนพิเศษและด่วนพิเศษ CNR มีรอบวิ่งขบวนรถไฟ ตั้งแต่เวลา 08:05-22:50 น.
ราคาค่าโดยสาร : 44-1,182 บาท
3. เส้นทางรถไฟเลียบทะเล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
หากรู้ตัวว่าเป็นคนชอบวิวภูเขาและทะเล เส้นทางเดินรถไฟสายใต้ “ช่วงกุยบุรี-บ้านทุ่งมะเม่า-คั่นกระได” จังหวัดประจวบคีรีขันธ์” คือเส้นทางนั่งรถไฟเที่ยวที่เหมาะกับคุณที่สุด เพราะวิวทัวทัศน์ระหว่างทางที่คุณจะได้เห็นเต็มไปด้วยภูเขาลูกเล็ก ๆ เรียงคู่ขนานไปกับเส้นทางรถไฟ นั่งชิลไป ฟังเพลงไปด้วย ยิ่งทำให้การท่องเที่ยวด้วยรถไฟนี้เพลิดเพลินนัก และเมื่อมองไกล ๆ ก็จะเห็นวิวทะเลด้วย ใครที่อยากถ่ายภาพเป็นที่ระลึกขณะเดินทางบนเส้นทางนี้ แนะนำให้เก็บภาพที่ระลึกช่วงสถานีบ่อนอกกับสถานีทุ่งมะเม่า เพราะสามารถเก็บรูปสวยงามได้ทั้งจากสองข้างทางตลอดเวลา
ราคาค่าโดยสาร : 98-491 บาท
4. เส้นทางรถไฟสายมรณะ จังหวัดกาญจนบุรี
ถ้าพูดถึงการนั่งรถไฟเที่ยว เป็นต้องนึกถึง “เส้นทางรถไฟสายมรณะ” ในจังหวัดกาญจนบุรี เพราะที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางรถไฟสายประวัติศาสตร์ ซึ่งเด็กรุ่นใหม่หลาย ๆ คนก็อยากที่จะไปเห็นเส้นทางนี้กันสักครั้ง ส่วนมากนักท่องเที่ยวมักจะนั่งรถไฟจากกรุงเทพฯ (สถานีต้นทางธนบุรี) ไปยังปลายทาง คือน้ำตกไทรโยคน้อย โดยเส้นทางนี้จะผ่านสะพานข้ามแม่น้ำแควและถ้ำกระแซด้วย ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถถ่ายรูปขบวนรถไฟที่ออกมาจากถ้ำ
ที่สถานีสะพานข้ามแม่น้ำแคว รถไฟจะจอดประมาณ 10 นาที ให้นักท่องเที่ยวได้ลงไปถ่ายรูปและเดินชมรอบ ๆ สามารถถ่ายภาพบนรางรถไฟมรณะได้ด้วย แต่ต้องใจกล้ากันสักหน่อย หรือใครจะลงที่สถานีนี้ เพื่อเที่ยวในตัวเมืองกาญจนบุรีก่อนไปเยือนน้ำตกไทรโยคน้อยกับขบวนรถไฟในรอบถัดไปก็ได้
หากนั่งรถไฟเที่ยวเส้นทางนี้ นอกจากได้ศึกษาประวัติศาสตร์แล้ว เมื่อมองลงมาจากรถไฟก็จะเห็นร้านค้าขายของที่ระลึกต่าง ๆ ชาวบ้านทำมาค้าขาย และสองข้างทางรางรถไฟยังเต็มไปด้วยป่าไม้เขียวขจี
เส้นทางรถไฟ : ต้นทางกรุงเทพฯ (สถานีธนบุรี) ปลายทางน้ำตก จะมีรถไฟให้บริการประเภทเดียว คือ ธรรมดา มีเวลาวิ่งขบวนรถไฟทั้งหมด 2 รอบ คือ 07:50 น. และ 13:55 น.
ราคาค่าโดยสาร : 39 บาท
5. เส้นทางลอยน้ำ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี
เส้นทางนั่งรถไฟเที่ยวเส้นนี้ อยู่ในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี นอกจากจะเป็นเส้นทางรถไฟที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทยแล้ว ยังเป็นเส้นทางรถไฟที่เปิดให้บริการเฉพาะช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงต้นมกราคมของปีถัดไปเท่านั้น ซึ่งเป็นช่วงที่น้ำเยอะเต็มเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เมื่อรถไฟวิ่งผ่านเขื่อน ภาพที่คนนอกเขื่อนเห็น คือ รถไฟที่วิ่งบนน้ำ นั่นจึงเป็นที่มาของเส้นทางรถไฟนี้นั้นเอง ระหว่างที่นั่งรถไฟสายนี้เที่ยว
นอกจากจะได้ชมวิวและถ่ายรูปบนเขื่อนและเห็นผืนน้ำที่กว้างใหญ่ไพศาลแล้ว นักท่องเที่ยวยังจะได้ชมทิวทัศน์ของป่าไม้ และวิถีชาวบ้านในพื้นที่ด้วย ก่อนรถไฟลอยน้ำนี้ จะไปจอดพักที่สถานีโคกสลุง ซึ่งมีตลาดย่อม ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้เดินซื้อของกินและของเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ ติดไม้ติดมือไปฝากคนที่บ้าน เป็นเวลาประมาณ 30 นาที หลังจากนั้น รถไฟจะเดินทางย้อนกลับเส้นทางเดิมไปส่งนักท่องเที่ยวตามสถานีต่าง ๆ โดยมีสถานีปลายทางสุดท้าย คือ กรุงเทพฯ
เส้นทางรถไฟ : ต้นทางกรุงเทพฯ ปลายทางลพบุรี จะมีรถไฟให้บริการหลายแบบ คือ ชานเมือง, ธรรมดา, เร็ว, ด่วน, ด่วนพิเศษและด่วนพิเศษ CNR มีรอบตั้งแต่เวลา 04:20-22:00 น.
ราคาค่าโดยสาร : 290-490 บาท (ขึ้นอยู่กับชั้นที่นั่งบนรถไฟ และระยะทาง)
แต่ละเส้นทางที่ The Joi นำมาฝากมีแต่สวย ๆ ทั้งนั้น แถมแต่ละเส้นทางยังมีวิวธรรมชาติให้เลือกชมได้ไม่ซ้ำ ขณะที่บนรถไฟยังมีที่นั่งให้เลือกหลากหลายประเภท ซึ่งมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวที่แตกต่างกันออกไป โดยสามารถติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการเดินทาง หรือเที่ยวเดินทางของรถไฟเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊กทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย
ใครยังไม่เคยนั่งรถไฟ วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์หน้า ต้องลองตีตั๋วไปนั่งรถไฟเที่ยวกันสักครั้งนะ!
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: รฟท. เตรียมนำรถไฟเก่าของญี่ปุ่น มาทำ “รถไฟท่องเที่ยว” สยบดราม่า
ที่มาข้อมูล Tripgether, Unseen in Thailand และ Kapook