เรียกได้ว่าปีนี้เป็นปีที่หนักหนาสาหัสมากสำหรับทุกคนทั่วโลกเลยจริงๆก็ว่าได้ และถือเป็นการกักตัวอยู่ในบ้านที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยเสรีภาพของเราที่ลดลงและการควบคุมการเคลื่อนไหวในทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นตัวเรา ยานพาหนะ เรือ หรือแม้กระทั่งเครื่องบินก็ยังต้องหยุดบินและปิดน่านฟ้าในที่สุด เราไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการอยู่แต่ในบ้านมันจะเป็นทั้งความท้าทายและความเหนื่อยล้าในเวลาเดียวกัน เราเคยอยากอยู่บ้านมาตลอด แต่เราก็ไม่คิดว่าจะต้องมาอยู่บ้านนานขนาดนี้ โดยที่แทบจะไม่เห็นตะวันฟ้าดิน มันควรจะเป็นความรู้สึกที่ดีใช่ไหมล่ะกับการได้อยู่บ้าน? ใช่ มันอาจจะดีสำหรับใครที่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว หรือกับคนที่รัก แต่เชื่อสิว่าคุณจะต้องรู้สึกอึดอัด วิตกกังวล เครียด ก็เพราะอยู่แต่ในบ้านที่ล่ะ ฟังดูเหมือนง่ายนะ แต่เอาจริงๆมันไม่ได้ง่ายเลย มันสามารถทำให้เราฟุ้งซ่านจนบ้าได้ และเมื่อเราได้ผ่านการกักตัวล็อกดาวน์อยู่ในบ้านกันมาแล้ว นี่คือบทเรียนที่เราได้เรียนรู้กันทั้งหมด 6 ข้อ …..
1. กลางวันเป็นกลางคืนได้ในพริบตา
คุณตื่น 7 โมงเช้า แป๊บๆก็ค่ำแล้ว โดยที่งานของคุณยังไม่เสร็จสมบูรณ์เลย เมื่อเราต้องทำงานที่บ้านและไหนยังต้องดูแลเด็กวัย 3 ขวบ ทำงานบ้านไปพร้อมๆกันอีก พอได้มาทำงานที่บ้านมันเหมือนเรามีงานเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ยุ่งกว่าเดิม จนสุดท้ายงานของเราก็เสร็จตอนเที่ยงคืนประจำ
บทเรียนที่ได้จากการ WFH คือ ควรจัดระเบียบตารางเวลาให้ดี เพราะงานบ้านมันไม่มีวันสิ้นสุด
2. ช็อปปิ้งอย่างชาญฉลาด
การที่มีร้านซุปเปอร์มาเก็ตอยู่ข้างล่างออฟฟิศ สามารถช่วยประหยัดเวลาของคุณได้เยอะเลยนะ แต่ในช่วงล็อกดาวน์ ทุกคนต้องรีบกลับบ้านก่อนเวลาที่กำหนด มันเลยกลายเป็นว่าทุกอย่างต้องรอคิว แล้วไหนจะต้องเว้นระยะห่างกันอีก คิดเอาว่าต้องไปซุปเปอร์มาเก็ตเพื่อต่อคิวยาวอีกเป็นแสน แล้วแต่ละคนก็พากันซื้อของใส่รถเข็นจนล้น ราวกับว่าชีวิตนี้จะไม่ออกจากบ้านอีกแล้ว โดยไม่เหลือเผื่อแผ่คนอื่นๆที่มาทีหลัง แล้วไม่ได้ของที่ต้องการ เพราะพากันขนตุนจนเกลี้ยงแล้ว
บทเรียนที่ได้คือ อย่าไปแพนิคตุนอาหารจนล้นขนาดนั้น และลองไปอุดหนุนร้านเล็กๆแถวๆบ้านของคุณบ้างก็ได้นะ ไม่ต้องรอคิวเยอะ แถมเราได้ช่วยเหลือเขาด้วย ลองคิดดูว่าหากคุณไปซุปเปอร์มาเก็ตในช่วงล็อกดาวน์นั้นคุณต้องต่อคิวที่ยาวเหยียดแล้วไหนต้องเว้นระยะห่วงอีกนะ ซื้อแต่พอดีพอกินแล้ววันอื่นค่อยออกไปซื้อใหม่จะดีกว่า
3. อินเนอร์ความเป็นพ่อครัว/แม่ครัว
พอล็อกดาวน์ปุ๊ป ก็ทำให้คุณอดกินอาหารร้านโปรดของคุณ คุณเลยจำเป็นต้องซื้อของมาทำเองที่บ้าน โดยช่วงแรกๆจะใช้เวลากว่าหลายชั่วโมงในการทำอาหารและเตรียมอาหาร แต่มันเป็นเวลาอันยาวนานที่คุ้มค่าเสมอ เมื่อคุณทำเสร็จคุณจะรู้สึกภูมิใจมากๆ ฮ่าๆ อันนี้สำหรับคนที่ทำอาหารไม่เก่งหรือไม่เป็นเลยนะ การได้ทำอาหารมันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มากๆ ต้องบอกเลยว่าล็อกดาวน์ทำให้ทำอาหารได้หลายเมนูจริงๆ
บทเรียนที่ได้คือ จริงๆแล้วเราสามารถทำอาหารได้ทุกเมนูนั่นแหละถ้าเราใส่ใจและตั้งใจจริงกับมัน สิ่งที่คุณต้องการนั่นก็คือแรงบันดาลใจและส่วนผสมที่ถูกต้องยังไงล่ะ พอปลดล็อกดาวน์ปุ๊ป กลายเป็นเชฟโดยไม่รู้ตัวกันแทบทุกคน ฮ่าๆ
4. ธรรมชาติรักษา
การที่ต้องกักตัวในบ้านเป็นเดือนๆ คุณรู้สึกเหมือนกันไหมว่า คุณจะรู้สึกสดชื่นมากกว่าชีวิตเมื่อก่อนล็อกดาวน์นั้นเกิดขึ้นอีกนะ พอปลดล็อกดาวน์ คุณได้ออกมาสัมผัสกับธรรมชาติที่เขียวขจี พอทุกคนพร้อมใจกันอยู่บ้านเป็นเดือนๆ ทำให้มีรถวิ่งน้อยลงมาก มลพิษก็ลดน้อยลง เรียกได้ว่าทั่วโลกเลยก็แล้วกัน เพราะปกติจะมีผู้คนออกมาเดินเหยียบย่ำผืนหญ้า มันเหมือนกับว่าเราได้ให้ธรรมชาติเค้าได้พักผ่อนและฟื้นฟูของเขาเอง
5. วัตถุนิยมไม่มีความหมาย
ขอยกตัวอย่างเช่น มีผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง เธอเป็นคนที่มีชีวิตหรูหราใช้ของแบรนด์เนมมากมาย ขับรถสุดหรูไปทำงานทุกวัน แต่เมื่อโควิดเกิดขึ้นมา ของพวกนั้นก็กลายเป็นของไม่มีประโยชน์ภายในบ้านของเธอซะงั้น มันทำให้เราคิดได้ว่าบางครั้งเงินก็ไม่สามารถซื้อได้ทุกอย่าง และสิ่งของที่สร้างรอยยิ้มเล็กๆบนในหน้าของเราได้นั้น มันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องแพงเสมอไป
บทเรียนที่ได้คือ ความมั่งคั่งไม่มีความหมายเท่าสุขภาพที่แข็งแรง
6. รักตัวเองให้เป็น
หลากหลายคู่มากๆที่มีปัญหาเลิกรากันเพราะโควิด ทำให้คู่รักต้องห่างไกล ไม่สามารถมาเจอกันได้ ยิ่งถ้าเป็นคู่รักที่มีแฟนเป็นต่างชาติล่ะก็ จะต้องมีความอดทนกันอย่างสูง เรียกได้ว่าโควิดเป็นเหมือนเครื่องวัดใจเลยจริงๆ คู่ที่รักกันมากๆก็ถึงขั้นเลิกกันเพราะทนความห่างไกลกันไม่ไหว เราแอบเห็นว่ามีผู้คนจำนวนมาก พากันมาตั้งกระทู้บอกเล่าเรื่องของการถูกบอกเลิกเพราะโควิด เพราะทนไม่ได้ที่ต้องมีความสัมพันธ์แบบนี้ และไม่รู้ว่าเมื่อไรประเทศจะเปิด ไม่อยากมีความรู้สึกห่วงหาจึงจำเป็นต้องเลิกรากัน คู่ไหนที่ผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ บอกเลยว่าควรแต่งแล้วล่ะ เพราะถือว่าเป็นคู่ที่มีความหนักแน่นกันมากนะ
บทเรียนที่ได้คือ เราไม่รู้ว่าอะไรมันจะเกิดขึ้น สุดท้ายแล้ว คำว่ารักบางทีมันก็ไม่พอหรอก เพราะมันต้องมีปัจจัยอื่นๆด้วย ต้องเผื่อใจและคิดไว้เสมอว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุผลของมัน การที่เขาบอกเลิกเราไปเพราะความห่างไกลของระยะทาง นั่นแปลว่าเขายังไม่หนักแน่นพอ เขาไม่มั่นใจในความสัมพันธ์ของเรา ฉะนั้นเราจะรอทำไม หันมารักตัวเองดูแลตัวเองดีกว่า
ชีวิตแบบNew normal มันมีทั้งส่วนดีและไม่ดี ถึงแม้ว่าตอนนี้ประเทศไทยของเราจะปลดล็อกดาวน์มาได้สักพักแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะกลับไปใช้ชีวิตแบบเก่าได้อยู่นะ เพราะตราบใดที่ยังไม่มีวัคซีนรักษาเชื้อโควิดล่ะก็ ออกจากบ้านก็ยังต้องรักษาความสะอาดและเว้นระยะห่าง ที่สำคัญคือเรายังต้องใส่หน้ากากอนามัยเป็นปัจจัยที่ 5 ไปซะแล้ว หากไม่มีความจำเป็นก็ไม่ควรไปในพื้นที่แออัดสุ่มเสี่ยง เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าใครมีเชื้อหรือไม่ เพราะฉะนั้นดูแลตัวเองกันให้ดีๆนะคะทุกคน