อ่านบทความใหม่ล่าสุดก่อนใคร กดติดตามเราไว้เลย:
“การชุมนุม” เป็นเรื่องปกติ เป็นวิถีชีวิตในบ้านเมืองที่เป็นประชาธิปไตย แต่การชุมนุมในยามที่มีการประกาศใช้ “พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548″ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ไปจนถึง 30 กันยายน 2564 นั้นเป็นการชุมนุมภายใต้ “กฎหมายพิเศษ” และภาวะไม่ปกติ อย่างเช่น “คาร์ม็อบ 10 สิงหา” มีผู้ชุมนุมถูกจับแล้ว 48 คน เป็นต้น
ทำให้ผู้ที่เข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองช่วงเวลาดังกล่าว ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้นกับคุณผู้อ่าน จำ “5 วิธีรับมือเมื่อถูกตำรวจจับในการชุมนุม” นี้ให้ขึ้นใจ เพื่อรักษาสิทธิและเสรีภาพของเราตามกฎหมายของประเทศไทย
1. แจ้งข้อมูลตัวเองให้บุคคลใกล้ตัวได้รับทราบ
หากไปร่วมชุมนุมคนเดียว ไม่มีใครที่ไปด้วย ให้ตะโกนบอกคนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงว่า ตัวเองถูกจับกุมตัวแล้ว บอกชื่อ-นามสกุล และบอกคนใกล้เคียงว่า ให้ติดต่อเพื่อน หรือญาติที่ไว้วางใจ หรืออาจจะเขียนข้อมูลใส่กระดาษติดตัวไว้ แล้วส่งให้กับคนที่อยู่ใกล้เคียงช่วยดำเนินการต่อก็ได้
2. ถามข้อกล่าวหา เหตุผลในการจับกุม และสถานที่ที่จะถูกพาตัวไป
วันที่ 31 ตุลาคม 2563 บัญชีทวิตเตอร์ “ilawfx” รายงานว่า เมื่อเวลา 06:15 น. ตำรวจจาก สภ. พระนครศรีอยุธยา ได้เข้ามาทำการแสดงตัวจับกุม ไมค์-ภานุพงศ์ จาดนอก ที่ ร. พ. พระรามเก้า
เมื่อถูกจับกุมตัว ไม่ต้องต่อสู้ขัดขืนด้วยกำลัง แต่ให้ถามหาสิทธิของผู้ถูกจับกุม ให้ถามข้อกล่าวหา เหตุผลในการจับกุม และสถานที่ที่จะถูกพาตัวไป หากตำรวจที่ทำหน้าที่จับกุมไม่ได้ตอบ อาจจะเป็นเพราะได้รับคำสั่งห้ามตอบ หรือเพราะไม่รู้คำตอบจริง ๆ ก็ไม่ต้องตกใจ แต่ให้ยืนยันถามหาสิทธิของตัวเองไปเรื่อย ๆ อย่างสุภาพ
3. จดจำและบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
พยายามจดจำและบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองว่า ก่อนถูกจับกุมตัวนั้นทำอะไรอยู่ พฤติการณ์การจับกุมตัวทำโดยใคร กี่คน แต่งตัวอย่างไร มีการใช้กำลังรุนแรงทำให้ได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่ การจับกุมต้องใส่กุญแจมือ หรือเครื่องพันธนาการใด ถูกพาตัวไปที่ไหน และมีกระบวนการอะไรเกิดขึ้นกับตัวเองบ้าง เพื่อจะได้เล่าให้ทนายความฟังเมื่อมีโอกาส หากยังสามารถใช้โทรศัพท์ได้จะถ่ายทอดสดเหตุการณ์การควบคุมตัวไปด้วยก็ได้
4. การสอบสวน สามารถใช้สิทธิ์ในการไม่ตอบคำถามก็ได้
ในขั้นตอนการสอบสวน คือ การที่ตำรวจจะมานั่งคุยด้วย เพื่อทำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดี ต้องยืนยันให้ตำรวจแจ้งสิทธิ์ให้ครบถ้วน ถ้าไม่อยากตอบคำถามก็ใช้สิทธิ์ไม่ให้การในชั้นนี้ก็ได้ ถ้าไม่มั่นใจกับคำถามไหน ก็ไม่ตอบเฉพาะกับคำถามนั้น ๆ ก็ได้ เพราะทุกอย่างที่ให้การไป จะถูกบันทึกและเอาไปใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาล ถ้าหากตอบคำถามผิดไป การขอตอบคำถามใหม่ในชั้นศาลจะไม่น่าเชื่อถือ
5. ยืนยันสิทธิ์ที่จะมีทนายความ หรือมีผู้ที่ไว้วางใจเข้าฟังการสอบสวนด้วย
ในขั้นตอนการสอบสวน ต้องยืนยันสิทธิ์ที่จะมีทนายความและมีผู้ที่ไว้วางใจเข้าฟังการสอบสวนด้วย หากมีทนายความที่รู้จักกันพร้อมช่วยเหลือคดีอยู่แล้ว ให้ยืนยันกับตำรวจว่า จะให้สอบสวนต่อเมื่อทนายความคนนั้นมาถึงเท่านั้น หรือหากไม่มีทนาย สามารถขอทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน หรือตำรวจอาจจะหาทนายความมาให้เอง ซึ่งผู้ต้องหาสามารถปฏิเสธไม่ใช้ทนายที่ตำรวจหาให้ก็ได้
นี่เป็นเพียงแนวทางในการรับมือ หากเกิดถูกตำรวจจับกุมเท่านั้น ไม่ได้ช่วยให้พ้นการจับกุม หรือพ้นความผิดได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้น ผู้ชุมนุมควรรวมตัวกันเรียกร้อง โดยปฏิบัติตามกฎหมายและงดใช้ความรุนแรง ก็จะไม่เสี่ยงเผชิญกับเหตุการณไม่น่าพิสมัยนี้
ที่มาข้อมูล iLaw
อ่านบทความใหม่ล่าสุดก่อนใคร กดติดตามเราไว้เลย: