รู้หรือไม่? ไม่ใช่แค่ในดูไบ แต่ที่ประเทศไทย พวกเราก็สามารถเลี้ยงสิงโตเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านได้ด้วยนะ! บอกเลยว่าให้ฟีลลักชู มหาเศรษฐีท่านหนึ่งสุด ๆ
ในประเทศแถบตะวันออกกลาง บ้านที่มีเงิน มีฐานะ เป็นเศรษฐีมักจะมีสัตว์เลี้ยงเป็นสิงโตหรือไม่ก็เสือขาว เพื่อแสดงถึงความร่ำรวย อำนาจ บารมี และความน่าเกรงขาม เพราะค่าตัวและค่าดูแลน้อน ๆ นั้นค่อนข้างสูงเอาการ แต่เพื่อน ๆ รู้ไหมว่าความจริงแล้วในประเทศไทยเองก็สามารถเลี้ยงสิงโตได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากสิงโตเป็นสัตว์ที่ถูกจัดอยู่ในไซเตส 2 สามารถครอบครองได้ แต่ต้องมีใบอนุญาต
วันนี้ The Joi เลยจะพาเพื่อน ๆ ไปรับทราบ 5 ข้อควรรู้ก่อนเลี้ยงสิงโต ใครอยากมีเจ้าแมวยักษ์เหล่านี้เป็นเพื่อนเล่น ตามมาดูกันเลย! (ขอบคุณข้อมูลจาก ไบรท์ทูเดย์ (Bright Today) และเพจเฟซบุ๊ก Luxury Projects)
1. เงินต้องพร้อม เพราะค่าตัวน้องเริ่มที่ 300,000 บาท
หากเพื่อน ๆ อยากจะเลี้ยงสิงโต สิ่งแรกที่จะต้องคำนึงถึงคือเงินในกระเป๋า เพราะค่าตัวน้องนั้นไม่ใช่ถูก ๆ ไหนจะค่าอาหาร ค่าดูแลต่าง ๆ อีก โดยทางสำนักข่าว ไบรท์ทูเดย์ ได้ระบุราคาคร่าว ๆ ของลูกสิงโตแต่ละสายพันธุ์เอาไว้ดังนี้ (ราคานี้เป็นราคาโดยเฉลี่ยเท่านั้น ค่าตัวจริง ๆ ของน้องจะขึ้นอยู่กับสีและรูปร่าง)
ลูกสิงโตขาว อายุ 15-30 วัน ราคาเริ่มต้น 550,000 บาท ถึง 2,000,000 บาท (อยู่ที่เกรดสี และความขาว)
ลูกสิงโตสีน้ำตาล ราคาเริ่มต้น 300,000 บาท
สิงโตสีขาวตาสีฟ้า ราคาเริ่มต้น 2 ล้านกว่าบาทต่อตัว
ลูกไลเกอร์ (สิงโตผสมเสือโคร่ง) ราคาเริ่มต้น 2,000,000 บาท
2. พื้นที่อย่างน้อย 4×4 เมตร
ไม่ใช่มีเงินอย่างเดียวแล้วจะเลี้ยงสิงโตได้นะ เพราะเรื่องพื้นที่เองก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน เพราะหากมีพื้นที่ไม่กว้างขวางมากพอ อาจจะส่งผลให้น้องเกิดอาการเครียดและดุร้ายขึ้นมาได้ เพจ Luxury Projects ระบุว่ากรงของน้องควรจะมีขนาด 4×4 เมตร ขึ้นไป และที่สำคัญคือต้องเลี้ยงในบ้านที่ไม่ได้อยู่ในเขตชุมชนหรือที่อยู่อาศัย เพราะน้องอาจจะส่งเสียงดังคำรามและรบกวนเพื่อนบ้านได้
3. ต้องซื้ออย่างถูกกฎหมายจากฟาร์มที่มีใบอนุญาต
เพจ Luxury Projects ระบุว่า สิงโตเป็นสัตว์ป่าที่ยังไม่อยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์ แต่อาจใกล้สูญพันธุ์ได้ถ้าหากไม่ถูกควบคุมการค้าอย่างเข้มงวด ผู้ที่เลี้ยงน้องจึงจะต้องซื้อน้องอย่างถูกกฎหมาย โดยซื้อจากฟาร์มที่มีใบอนุญาต ทางฟาร์มจะออกใบรับรองให้ จากนั้นพอน้องอายุครบ 1-2 เดือน เจ้าของต้องนำน้องไปฝังไมโครชิพ และขอใบครอบครองกับกรมไซเตส เท่านี้ก็เลี้ยงน้องได้อย่างสบายใจแล้วล่ะ!
4. อาหารของสิงโต
เรื่องอาหารเองก็เป็นอีกสิ่งที่สำคัญมาก ที่เหล่าผู้เลี้ยงต้องรู้ โดยลูกสิงโตที่มีอายุ 1-3 เดือน ต้องให้บริโภคนมสำหรับลูกแมวชนิดพิเศษอย่าง KMR ประมาณเดือนละ 4 ถุง (ทางเพจ Luxury Projects ระบุว่านมชนิดพิเศษนี้มีราคาอยู่ที่ถุงละ 5,000 บาทขึ้นไป ดังนั้นกำเงินไว้อย่างต่ำ 20,000 บาทสำหรับค่าอาหารในช่วง 1-3 เดือนแรกได้เลย)
อย่างไรก็ตาม เมื่อน้องเริ่มโตขึ้นค่าอาหารก็จะเบาลงแล้วล่ะ พอน้องเริ่มย่างเข้า 4 เดือนปุ๊บก็สามารถให้เนื้อลวกราดนมได้ จากนั้นตั้งแต่ 5 เดือนขึ้นไปก็ให้กินเนื้อดิบ ๆ ได้แล้ว โดยควรให้น้องกินเนื้อประมาณวันละ 4 กิโลกรัม และสามารถให้โครงกระดูกปนได้ด้วย
5. ความสมัครใจของสมาชิกในบ้าน
การเลี้ยงสัตว์แต่ละครั้ง ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ชนิดใดก็ตาม ควรได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกในบ้านเสียก่อน เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้สึกโอเคที่มีสัตว์เลี้ยง บางคนแพ้ขนสัตว์ บางคนถึงขั้นกลัวเลยก็มี แล้วยิ่งสำหรับสิงโตก็ยิ่งแล้วใหญ่ ดังนั้นบ้านไหนก็มีเด็กเล็กก็ควรระมัดระวังและปรึกษาหารือกับสมาชิกในครอบครัวเสียก่อน
อย่าลืมว่ายังไงแล้วสุดท้ายแล้วน้องก็ยังเป็นสัตว์ป่าอยู่ดี ดังนั้นหากใครที่กำลังตัดสินใจจะเลี้ยงสิงโตก็ควรศึกษาหาข้อมูลให้ละเอียด เพื่อความปลอดภัยทั้งสำหรับตัวเอง ครอบครัว รวมทั้งเหล่าแขกเหรื่อที่เข้าออกบ้านด้วยนะ!
ที่มาข้อมูล: Facebook Luxury Projects, ไบรท์ทูเดย์ (Bright Today)
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: น้องสำลีไปทำอะไรมา! สวนสัตว์เปิดเขาเขียวเผยภาพ “น้องสำลี” สิงโตขาว ไม่ขาวซะแล้ว!
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: เสืออะไรทำไมนุ่มนิ่ม! ภาพเสือโคร่งอามูร์ในสวนสัตว์ญี่ปุ่นกลายเป็นไวรัล น่ารักจนใจเจ็บ!
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: ชาวเน็ตใจเหลวเป็นน้ำ! “เสือโคร่งตาหวาน” อ้อนกล้องด้วยสายตาสุดบ้องแบ๊ว