ช่วงนี้เราทุกคนต่างเครียดกับสถานการณ์ของโควิดกันมามากพอแล้ว Thejoi ก็ไม่อยากให้ทุกคนต้องอ่านอะไรที่มันซีเรียส เลยได้มีโอกาสไปสอบถามคู่รักที่แสนหวานถึงเรื่องราวการมาพบกันของทั้ง 2 คู่ ว่าพวกเขาพบรักกันได้อย่างไร ?
เจอกันผ่านแอพฯแลกเปลี่ยนภาษา เขาอยากเรียนภาษาไทย เราก็อยากเรียนภาษาอังกฤษ
เราเจอกันผ่านแอพฯเรียนภาษาแอพฯนึง ชื่อ “HelloTalk” ปกติแล้ว เราไม่ค่อยเล่นแอพฯพวกนี้ แต่ด้วยความที่เหงาเพราะเพิ่งอกหัก และเบื่อมากๆ เลยตัดสินใจลองเปิดใจเล่นแอพฯนี้ดู ซึ่งแอพฯนี้จะเป็นแอพฯสำหรับแลกเปลี่ยนภาษากันมากกว่า ไม่ใช่แอพฯเพื่อหาคู่ เราเล่นได้ 3 วัน ก็ได้เจอกับฝรั่งคนนี้ ต้องบอกก่อนว่าเดิมที เราไม่เคยมองฝรั่งมาก่อนเลย แต่เขาคนนี้พูดไทยได้ เราก็เลยลองเปิดใจคุยกับเขาดู เราคุยกันทุกๆวันผ่านทางไลน์ จนเราเริ่มชอบเขามากขึ้นเรื่อยๆ
เขาเป็นคนที่น่ารัก เอาใจใส่ คุยกันแบบนั้นจนใกล้วาเลนไทน์ เขาขอที่อยู่ของเรา จนจู่ๆก็มีดอกไม้มาส่งพร้อมกับแนบการ์ดใบเล็กๆ “เป็นแฟนกันมั้ย?” เราก็ไม่รอช้า รีบตอบตกลง วันนั้นเป็นวันที่ปลื้มสุดๆ ฟินกันไปเลยยยยยย…..
และพอถึงช่วงเดือนเมษายน เขามาหาเราที่ประเทศไทย และเราก็นัดเจอกันเป็นครั้งแรก แถมเขายังทำเซอร์ไพรส์วันเกิดให้เราอีกด้วย เราใช้เวลาอยู่ด้วยกัน 1 เดือน เราพาเขาไปเที่ยวในที่ต่างๆ เที่ยววันสงกรานต์ เที่ยวเชียงใหม่ พัทยา มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากๆ เขาเป็นผู้ชายที่น่ารัก ใส่ใจเรามากๆ ดูแลเราทุกอย่าง ทำอาหารให้เรากิน ตัดเล็บให้เรา เขาเป็นคนที่จะมีของขวัญมาเซอร์ไพรส์เราอยู่เสมอ จนเราตกหลุมรักเขาแบบขึ้นไม่ไหวอีกแล้วววว
จนวันที่เขาต้องกลับประเทศของเขา เราทั้งคู่กอดกันร้องไห้ เวลาแห่งความสุขมันช่างผ่านไปไวเหลือเกิน เราต้องแยกกันอีกแล้ว เขาคงทนไม่ไหวที่จะอยู่ไกลจากเรา เราคุยกันผ่านวีดีโอคอลทุกวันไม่เคยขาดเลยสักวัน คุยกันวันละ 14 ชั่วโมง และหลับไปพร้อมกันทุกคืน จนเขาตัดสินใจทำวีซ่าให้เราไปเยี่ยมเขาตอนนั้นเลย เรื่องค่าใช้จ่ายเขาเป็นคนจัดการให้เราทุกอย่าง เราก็แค่เก็บกระเป๋ารอวันบิน ใช้เวลารอวีซ่าเพียงแค่ 7 วันเท่านั้น และเราก็ได้รับข่าวดีว่าวีซ่าของเราผ่านแล้ว และเราก็ได้บินมาหาเขา และใช้เวลาอยู่ด้วยกัน เรียนรู้กันต่อไป ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เขาดูแลเอาใจใส่เราไม่เคยเปลี่ยน และเสมอต้นเสมอปลายมาตลอด เขาทำตัวน่ารักยังไงทุกวันนี้เขาก็ยังคงเป็นอย่างนั้น
พอเรามาอยู่กับเขาได้ 1 ปีกว่า เขาก็ซื้อบ้านหลังใหม่ และเราสองคนย้ายเข้าบ้านหลังใหม่ด้วยกัน ตอนนี้เราคบกันมา 2 ปีแล้วค่ะ ทางครอบครัวของเขาก็รักและเอ็นดูเราเหมือนเราเป็นลูกสาวอีกคน วันหยุดเทศกาลใดๆ พ่อแม่เขาก็มักจะมีของขวัญมาให้เราเสมอ เรารู้สึกโชคดียิ่งกว่าถูกล็อตเตอร์รี่รางวัลที่ 1 ชีวิตของเราอบอุ่นและเต็มไปด้วยความสนุกสนานในทุกๆวัน เราโชคดีที่ได้อยู่กับผู้ชายที่อารมณ์ดี และดูแลเอาใจใส่เราทุกอย่าง ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้เราได้มาเจอกัน ถ้าเรามัวแต่เศร้าจากคนเก่า และไม่ลองเปิดใจคุยกับเขาในวันนั้น เราก็คงไม่มีวันนี้
เขาส่งข้อความเฟสบุ๊คมา “ทำไมผมไม่เคยเจอคุณมาก่อน ทั้งๆที่ผมก็ออกงานสังคมบ่อยๆ แค่อยากจะแวะมาบอกว่าคุณยิ้มสวยนะ”
เราเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ตอนนั้นเพิ่งเลิกกับแฟนเก่าพอดี เราไปอยู่ต่างจังหวัด และช่วงนั้นแม่ก็เรากำลังป่วยเป็นโรคมะเร็ง เรายุ่งกับการดูแลแม่อยู่ จู่ๆเขาก็ทักทายเรามาผ่านเฟสบุ๊ค เขาบอกเราว่า เขาเห็นโปรไฟล์ของเราว่าเรายิ้มสวย เขาเลยรู้สึกชอบ ก็เลยทักข้อความเรามาประมาณว่า “ผมรู้นะว่าคุณก็คงจะได้รับข้อความอะไรแบบนี้เยอะ ผมไม่อยากให้คุณรู้สึกว่าผมมาเหมือนคนอื่นๆนะ เราไม่มีเพื่อนร่วมกัน แต่แปลกใจมากเลยทำไมผมไม่เคยเจอคุณมาก่อน ทั้งๆที่ผมก็ออกงานสังคมบ่อยๆ แค่อยากจะแวะมาบอกว่าคุณยิ้มสวยนะ”
ในตอนนั้นเรารู้สึกเฉยๆกับเขา เพราะเขาไม่ใช่ผู้ชายในอุดมคติของเราเลยแม้แต่นิด เราชอบผู้ชายมีกล้าม หุ่นดี ผมทอง ซึ่งเขาผมดำ และหุ่นก็ไม่ได้ดีในแบบที่เราต้องการ แต่แล้วเราก็ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เราลองคุยกับเขา เพราะเรารู้สึกว่าเขาดูมีความพยายามที่จะคุยกับเราดี ก็เลยลองคุยกับเขาดู และไปออกเดทกับเขาครั้งแรก ตอนนั้นเราก็ยังไม่รู้นะว่าเขาเป็นใคร และทำอะไร
วันแรกที่ออกเดทกับเขา เขาทักเราเรื่องเล็บ ว่าทำไมเราถึงไม่ทำเล็บ แล้วยังบอกเราให้ใส่รองเท้าส้นสูงถ้ามาเดทกับเขา เราก็รู้สึกไม่ชอบเขานิดๆ คนอะไรเจอกันครั้งแรกก็มาติเรื่องการแต่งตัวของเราแล้ว ตอนนั้นเราคิดไว้เลยว่า เดทกับคนนี้ไม่น่าจะไปรอด เพราะเรารู้สึกยังไม่ชอบเขาอยู่ และเราก็ดูธรรมดาเกินไปสำหรับเขา ด้วยความที่แฟนเก่าของเขาดูดีและมีหน้าที่การงานที่ดี ส่วนตัวเขาก็เป้นคนมีหน้าตาในสังคม เป็นถึงตำแหน่ง CEO ชื่อดัง ซึ่งเราคิดไว้แล้วว่าไม่น่าจะไปด้วยกันได้ ยังไงเราก็ไม่เหมาะสมกัน
ในตอนนั้นเรายังไม่ได้คุยกับเขาจริงจังอะไรมาก คุยกับคนอื่นไปพร้อมๆกับเขา ด้วยความที่เขาไม่ค่อยคุยกันเรา เราก็เลยหายไปบ้าง ตอบข้อความกันบ้าง มาๆหายๆกันแบบนี้อยู่ช่วงหนึ่ง จนกระทั่งเราบอกกับเขาว่า เราคิดว่าเขาคงไม่ชอบเราหรอก เพราะเขาก็ไม่ค่อยตอบข้อความ และตอบกลับข้ามากๆ
เขาบอกเราว่า “ผู้ชายคนอื่นๆเขาตอบคุณได้ตลอดเพราะพวกเขาว่าง แต่ผมไม่มีเวลาตอบคุณตลอดหรอกนะ เพราะผมยุ่งๆกับงานน่ะ” คำพูดของเขาแทนที่เราจะโกรธ แต่เรากลับอึ้ง และคิดว่ามันก็จริงอย่างที่เขาบอกจริงๆนะ เริ่มก็เริ่มเปิดใจกับเขาแล้วทีละนิด
ในช่วงที่แม่เรากำลังป่วย เราก็พาเขาไปเยี่ยมแม่เราด้วยกัน แม่เราเจอเขาครั้งแรกก็พูดเลยว่าให้แต่งงานกับคนนี้นะ ซึ่งเราก็ตกใจ และโชคดีที่เขาก็ไม่รู้ภาษาไทย และเราก็ไม่ได้แปลในสิ่งที่แม่เราพูดให้เขาฟัง เพราะถ้าเขารู้ว่าแม่พูดอะไรเขาก็คงจะตกใจเช่นกัน
เขาทำให้เราประทับใจมากๆตรงที่ เขายอมลางานที่สำคัญของเขา และพาเราขับรถมาไกลกว่า 2 ชั่วโมง เพื่อมาอยู่เฝ้าแม่เราในวันที่แม่เรามีผ่าตัดครั้งใหญ่ เขาอยู่เฝ้าดูแม่เรา 9 ชั่วโมง จนถคงตอนที่แม่เราลืมตาฟื้นขึ้นมา และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ของเรา เราเปิดใจให้เขาแบบเต็มที่ และบอกกับตัวเองไว้เลยว่า “ฉันจะไม่มีวันปล่อยผู้ชายคนนี้ไป ฉันจะต้องทำทุกอย่างให้เรารักฉัน”
พอลองได้คบกันแล้ว ช่วง 2 ปีแรกที่คบกัน มันก็ค่อนข้างยาก เราต้องปรับตัวให้เข้ากับเขา พยายามที่จะเข้าใจในสิ่งที่เขาเป็น จนมีช่วงนึงเราก็แอบมีความคิดว่า “นี่เรากำลังทำอะไรอยู่ เราทนกับอะไรอยู่” ตอนนั้นเราเป็นฝ่ายปรับตัวหาเขา ยอมทุกอย่าง หรือเรียกง่ายๆว่า เป็นฝ่ายวิ่งตามเขาก็ได้นะ
พอเข้าปีที่ 3 ที่เราพยายามที่จะปรับตัวเข้าหาเขามาตลอด มันก็เริ่มสัมฤทธิผล เขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีมากๆ ดีแบบคนละคนกับเมื่อช่วงปีแรกๆที่คบกันเลยค่ะ เขาแสดงออกให้คนอื่นรู้เลยว่าเขาเกรงใจเรา เขาให้เกียรติเรามากๆ ทั้งต่อหน้าและลับหลังเรา และแน่นอนว่าเขาไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงอื่นเลยแม้แต่นิด มันทำให้เราคบกับเขาแล้วสบายใจ
สุดท้าย เขาเผยเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาต้องเลือกเรา เพราะเขาชอบในความแข็งแกร่งของแม่เรา เขารู้ว่าแม่เราต้องผ่านอะไรมาบ้าง และเขาก็ประทับใจตรงที่เราดูแลเม่เราได้ดีมากๆ เขาบอกกับเราว่า “ถ้าคุณแข็งแกร่งได้เหมือนแม่ของคุณ ผมจะรักคุณไปจนวันตายเลย” และเขาได้เห็นเราดูแลแม่เขาเลยคิดว่าเราก็จะต้องดูแลเค้าได้เช่นเดียวกัน
ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ เราผ่านอะไรกันมาด้วยกันก็มากมายเป็นเวลากว่า 5 ปี เรากำลังจะแต่งงานกันเร็วๆนี้ค่ะ เขาทำให้ชีวิตของฉันดีและสมบูร์แบบมากๆ แต่ก็น่าเสียดายที่แม่ของฉันไม่ได้อยู่ดูเราใส่ชุดแต่งงานอีกแล้ว
ความรักอาจมาจากสถานที่ ที่คุณไม่คาดคิดและกับคนที่คุนไม่คาดคิดด้วยเช่นกัน เช่นในยุคออนไลน์แบบนี้ ถ้าเราไม่ค่อยออกไปข้างนอก บางครั้งก็อาจจะต้องลองเปิดดูข้อความอื่นๆที่เราไม่เคยสนใจ เนื้อคู่ของคุณอาจจะซ่อนตัวอยู่ในกล่องข้อความที่ไม่เคยเปิดอ่านเลยก็ได้นะ ใครจะไปรู้!