เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2564 “ราชกิจจานุเบกษา” ได้เผยแพร่ ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 28) มีผลกับ 13 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม สมุทรสาคร สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพื้นควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือพื้นที่สีแดงเข้ม ที่ “ต้องล็อกดาวน์และมีประกาศเคอร์ฟิว”
นายกรัฐมนตรี “พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา” จึงออกข้อกำหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการทั้งหลาย “11 ข้อมาตรการ” ดังต่อไปนี้…
1. ความมุ่งหมายของมาตรการ
เพื่อลดการออกนอกเคหสถานของประชาชน ซึ่งเป็นความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ขณะนี้ สายพันธุ์เดลตา หรือสายพันธุอินเดียลุกลาม พบว่าการแพร่ระบาดในครอบครัวและเขตชุมชนในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีอัตราเพิ่มสูงขึ้นมาก
“แม้เร่งฉีดวัคซีนเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่แล้วก็ตาม แต่ย่อมต้องอาศัยระยะเวลเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่ไม่อาจเกิดขึ้นโดยเร็ว สิ่งที่ต้องร่วมมือกันในเวลานี้ คือ ชะลออัตราการแพร่ระบาดที่รุนแรงของโรค”
2. การปรับปรุงเขตพื้นที่จังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์
กำหนดปรับปรุงเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวดขึ้นใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ได้แก่ กรุงเทพมหาคร จังหวัดนครปฐม จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดชลบุรี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา และจังหวัดสงขลา
xxxxxxxx
3. ลดและจำกัดการเคลื่อนย้ายการเดินทางในพื้นที่สีแดงเข้ม
ให้เลี่ยง จำกัด หรืองดเว้นภารกิจที่ต้องเดินทางออกนอกเคหสถาน หรือที่พำนักโดยไม่จำเป็น “เว้นแต่” เดินทางเพื่อจัดหาเครื่องอุปโภค บริโภคจำเป็น อาหาร ยา รับบริการทางการแพทย์ รับวัคซีน หรือออกทำงานที่ไม่สามารถ WORK FROM HOME ได้ให้กทม. มหาดไทย และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อาสาสมัคร จิตอาสา ช่วยเหลือกระจายสิ่งของอุปโภคบริโภคจำเป็นแก่ประชาชนที่เดือดร้อน
ห้ามบุคคลในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดออกนอกเคหสถานตั้งแต่เวลา 21:00 น. ถึง 04:00 น. ของวันรุ่งขึ้น ต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 14 วัน (หรือถึงวันที่ 2 สิงหาคม 2564) นับจากประกาศนี้ และบังคับในพื้นที่สีแดงเข้ม ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกสูงสุด 2 ปี ปรับสูงสุด 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
xxxx
5. กำหนดเงื่อนไขการใช้เส้นทางคมนาคมและการตรวจคัดกรองการเดินทางเฉพาะเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
ตั้งจุดตรวจ ด่านตรวจ หรือจุดสกัด เพื่อคัดกรอง ชะลอหรือสกัดกั้นการเดินทางออกนอกเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเพื่อเดินทางไปยังพื้นที่อื่น เป็นเวลาต่อเนื่องอย่างน้อย 14 วัน
xxxx
6. การขนส่งสาธารณะ
ทั้งในพื้นที่ 13 จังหวัด และการเดินทางข้ามจังหวัด จำกัดจำนวนผู้โดยสาร 50 เปอร์เซ็นต์ ของที่นั่ง และเว้นระยะห่าง มีผลบังคับ 21 กรกฎาคม 2564
7. มาตรการปิดสถานที่ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ให้ผู้ว่าฯออกคำสั่งมาตรการแล้วแต่กรณี
- จำหน่ายอาหาร เครื่องดื่มได้จนถึง 20:00 น. ห้ามนั่งในร้าน
- ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า เปิดบริการได้เฉพาะซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านยา พื้นที่ฉีดวัคซีน หรือบริการทางการแพทย์ของรัฐ จนถึง 20:00 น.
- โรงแรม เปิดได้ตามปกติ แต่งดจัดประชุม สัมมนา จัดเลี้ยง
- ร้านสะดวกซื้อ ตลาด เปิดบริการได้ 04:00 น. ถึง 20:00 น. ของทุกวัน
- โรงเรียนสถาบันศึกษา ฝึกอบรม ให้เรียนออนไลน์
- โรงพยาบาล สถานพยาบาล คลินิกแพทย์รักษาโรค ร้านขายยา ร้านค้าทั่วไป โรงงาน ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกรรมการเงิน ธนาคาร ตู้เอทีเอ็ม ธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม ไปรษณีย์และพัสดุภัณฑ์ ร้านจำหน่ายอาหารสัตว์ ร้านเวชภัณฑ์ เครื่องมือช่าง อุปกรณ์ก่อสร้าง จำหน่ายสินค้าเบ็ดเตล็ดจำเป็น แก๊สหุงต้ม เชื้อเพลิง ปั๊มน้ำมัน ปั๊มแก๊ส รวมทั้งบริการส่งสินค้าและอาหารตามสั่ง (delivery online) “ยังคงเปิดดำเนินการได้ตามความจำเป็น” ภายใต้มาตรการคุมโควิด-19 อย่างเคร่งครัดxxxxxxxx
xxxx
8. ห้ามจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มมากกว่า 5 คน
xxxxxxxxxxxx
9. ส่วนราชการ หน่วยงานรัฐ และเอกชน
ให้ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งหรือ WORK FROM HOME ขั้นสูงสุด 100 % เว้นแต่ที่จำเป็นเท่านั้นที่ยังต้องมาที่ทำงาน งดประชุม สัมมนา และรวมตัว
xxxxxxxx
10. ให้ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และศูนย์ปฏิบัติการต่าง ๆ ภายใต้ ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เป็นหน่วยประสานงานหลัก
xxxxxxxx
11. บังคับใช้มาตรการตามข้อกำหนด 14 วัน จนถึงวันที่ 2 สิงหาคม 2564
ประเมินสถานการณ์ทุก 7 วัน เริ่ม 20 กรกฎาคม 2564 เว้นมาตราคุมการขนส่งสาธารณะ บังคับใช้ 21 กรกฎาคม 2564
xxxxxxxx
xxxxx
นอกจากนี้ “นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เปิดเผยประกาศ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ซึ่งลงนามโดย นายสุทธิพงษ์ คงพล ผู้อำนวยการ กพท. โดยมีสาระสำคัญคือ “ห้ามทำการบินรับ-ส่งผู้โดยสารในพื้นที่ 13 จังหวัดสีแดงเข้ม ยกเว้นเฉพาะเที่ยวบินที่เกี่ยวข้องกับโครงการพื้นที่นำร่องเปิดประเทศ (ภูเก็ต Sandbox และ สมุยพลัส)
xxxxx
สถานการณ์โควิด-19 วันนี้ (19 กรกฎาคม 2564) พบผู้ติดเชื้อใหม่ในประเทศใหม่ทั้งหมด 11,784 คน และมีผู้เสียชีวิตใหม่ 81 ราย นับว่าต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 แล้ว ที่ยอดผู้ติดเชื้อรายวันทะลุ 1 หมื่นราย
xxxxx
xxxxx
และเมื่อวานนี้ ในระหว่างแถลงรายงานสถานการณ์โควิด-19 ของศบค. “นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์” อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า “คาดว่าในอีก 2 สัปดาห์ ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะไม่ลดลง ดังนั้นจึงต้องเพิ่มมาตรการที่เข้มขึ้นเพื่อควบคุมการระบาด แต่หากแนวโน้มตัวเลขผู้ติดเชื้อยังสูงต่อเนื่องใน 2 เดือน ก็มีแนวโน้มจะใช้มาตรการคล้ายเมืองอู่ฮั่น ของจีน คือล็อกดาวน์เมืองนั้นเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด นั่นคือประชาชนอยู่บ้าน งดการเดินทาง หรือถึงขั้นต้องส่งข้าว ส่งน้ำตามบ้าน เป็นต้น”
xxxxx
งานนี้ ภาครัฐและประชาชนต้องร่วมมือร่วมใจปฏิบัติตามมาตรการคุมเข้มโควิด-19 อย่างเคร่งครัด จะเป็น “อู่ฮั่น 2” หรือไม่? อยู่ที่ “ล็อกดาวน์” รอบนี้แล้ว
xxxxx
ที่มาข้อมูล ราชกิจจานุเบกษา, ศบค.
อ่านบทความใหม่ล่าสุดก่อนใคร กดติดตามเราไว้เลย: