ในที่สุดวันนี้ที่รอคอยก็มาถึงเพราะในที่สุดซีรีส์ “Stranger Things” ซีซัน 4 ก็ได้ออกฉายให้แฟน ๆ ซีรีส์ที่รอมาเนิ่นนานได้ชมกันซะที โดยในซีซันที่ 4 นี้จะถูกแบ่งออกเป็น Vol.1 และ Vol.2
ซึ่งใน Vol.1 จะมีทั้งหมด 7 ตอนและจะปล่อยให้รับชมกันในวันนี้ ในขณะที่ Vol.2 จะออนแอร์อีกครั้งในเดือนกรกฎาคม และนอกจากนี้ทาง พี่น้องตระกูลดัฟเฟอร์ ผู้กำกับของซีรีส์เรื่องนี้ ยังเคยออกมาประกาศว่าแต่ละตอนจะมีความยาวมากกว่า 60 นาที และในบางตอนจะมีความยาวถึง 90 นาทีเลยทีเดียว เรียกได้ว่าพอ ๆ กับหนังยาวเลย
สำหรับซีรีส์เรื่อง Stranger Things เป็นซีรีส์อเมริกันแนววิทยาศาสตร์-สยองขวัญ บอกเล่าเรื่องราวสุดประหลาดที่เกิดขึ้นในเมืองฮอว์กินส์ เริ่มต้นจากการหายตัวไปของ วิล หนึ่งในสมาชิกแก๊งเด็ก ๆ ที่เป็นตัวละครหลัก พร้อมกับการปรากฏตัวของเด็กสาวที่มีพลังจิตอย่าง อีเลฟเวน หรือ แอล และเรื่องราวในการตามหาตัวของวิล จนนำไปสู่องค์กรเบื้องหลังเรื่องราวสุดประหลาด และมิติคู่ขนานที่มีชื่อเรียกว่า Upside Down รวมทั้งสัตว์ประหลาดที่อยู่ในมิติสุดพิศวงนี้
โดยซีรีส์ในซีซั่นที่ 4 จะเป็นเนื้อหาในช่วง 6 เดือนให้หลังจากซีซั่นที่ 3 ที่ตอนนี้เด็ก ๆ เริ่มโตเป็นวัยรุ่นกันหมดแล้ว แต่เหตุการณ์ปริศนาก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้งในเมืองฮอว์กิน ทำให้พวกเขาต้องกลับมาเจอกันอีกครั้งเพื่อเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ครั้งใหม่
วันนี้ก่อนที่จะไปรับชมซีรีส์ Stranger Things ซีซัน 4 The Joi เลยจะพาเพื่อน ๆ มาส่อง 12 เรื่องน่ารู้ที่เพื่อน ๆ อาจจะไม่รู้ เกี่ยวกับซีรีส์ Stranger Things จะมีอะไรบ้างนั้น ตามเราไปดูกันเลย!
1. ซีรีส์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการทดลองลับสุดยอดของสหรัฐฯ
ก่อนที่จะมาเป็น Stranger Things ในตอนแรกซีรีส์เรื่องนี้มีการตั้งชื่อเอาไว้ว่า Montauk ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “มอนทอกโปรเจกต์” (The Montauk Project) โครงการทดลองลับสุดยอดของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา โดยว่ากันว่ามีการทดลองนำเด็ก ๆ มาฝึกใช้พลังจิต รวมทั้งการทดลองในการเดินทางข้ามเวลา อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงทฤษฎีสมคบคิดเท่านั้น และยังไม่เคยมีหลักฐานว่าเคยมีโครงการลับดังกล่าวอยู่จริง ๆ มีแต่เพียงคำกล่าวอ้างจากผู้ที่อ้างว่าครั้งหนึ่งเคยทำงานให้กับโครงการนี้เท่านั้น
2. มีเด็ก ๆ มาออดิชั่นเพื่อรับบทในซีรีส์มากกว่า 1 พันคน
ทางทีมงานผู้ผลิตได้ทำการออดิชั่นเด็ก ๆ จำนวนทั้งสิ้น 1213 คนเพื่อมาแสดงซีรีส์ Stranger Things ประกอบด้วยเด็กผู้ชาย 906 คน และเด็กผู้หญิง 307 คน และทางทีมงานออดิชั่นตัดสินใจตอบรับ “เกเท่น มาตาราซโซ” (Gaten Matarazzo) ที่รับบทเป็นดัสตินทันทีหลังจากได้ชมวิดีโอการออดิชั่นของเขา
3. มิติคู่ขนานเกือบไม่ได้มีชื่อเรียกว่า “Upside Down”
แรกเริ่มเดิมที มิติคู่ขนานอย่าง “Upside Down” มีชื่อเรียกว่า “Nether” แต่สุดท้ายก็ถูกเปลี่ยนเป็น Upside Down แทนเพราะคำว่า Nether ทำให้นึกถึงเนเธอร์แลนด์มากเกินไป…
4. หมวกของ “จิม ฮอปเปอร์” ได้รับแรงบันดาลใจมาจากอินเดียน่า โจนส์
หมวกที่หัวหน้าตำรวจ “จิม ฮอปเปอร์” ตัวละครที่หลายคนรักที่เขามักจะสวมเวลาปฏิบัติหน้าที่นั้น ตัวนักแสดงที่รับบทนี้อย่าง “เดวิด ฮาร์เบอร์” (David Harbour) เป็นคนยืนกรานว่าจะสวมหมวกแบบนี้เพื่อให้ดูเหมือนกับ “อินเดียน่า โจนส์” และทำให้เขาดูกล้าหาญขึ้นแบบ 300%
5. “ฟินน์ วูล์ฟฮาร์ด” ถ่ายวิดีโอเพื่อทำการออดิชั่นจากบนเตียง
“ฟินน์ วูล์ฟฮาร์ด” (Finn Wolfhard) ที่รับบทเป็น “ไมค์” ถ่ายวbดีโอเพื่อออดิชั่นในการรับบทนี้จากบนเตียง เพราะตอนนั้นเขาป่วย แต่ถึงแม้จะป่วยเขาก็ยังทำการแสดงได้ยอดเยี่ยมจนได้รับบทหลักในที่สุด เก่งมากเจ้าฟินน์!
6. “มิลลี่ บ็อบบี บราวน์” เกือบจะไม่ได้มาเป็น “อีเลเว่น”
สาวน้อย “อีเลเว่น” หรือ “แอล” นั้นเกือบจะไม่ได้ “มิลลี่ บ็อบบี้ บราวน์” (Millie Bobby Brown) มารับบทนี้แล้ว เพราะเธอเกือบจะล้มเลิกความตั้งใจที่จะเป็นนักแสดงไปก่อนที่จะได้รับบทนี้ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ยอมแพ้และลองทุ่มเทกับการแสดงอีกสักครั้ง ดีแล้วที่น้องมิลลี่มารับบทนี้ เพราะถ้าเป็นคนอื่น พวกเราก็คงจินตนาการภาพไม่ออกเหมือนกันว่าจะเป็นใครไปได้!
7. ผู้ผลิตหลายรายปฏิเสธการสร้างซีรีส์ Stranger Things ก่อนที่ Netflix จะให้ไฟเขียว
พี่น้องตระกูลดัฟเฟอร์ สองพี่น้องผู้สร้าง Stranger Things เปิดเผยว่าโปรเจ็กต์นี้ถูกปฏิเสธหลายต่อหลายครั้ง เนื่องจากสตูดิโอผู้ผลิตหลายเจ้าต่างคิดว่านี่อาจจะเป็นโปรเจ็กต์ที่ไม่น่าสนใจมากพอ แต่เมื่อพวกเขาไปเสนอโปรเจ็กต์กับทาง Netflix กลับได้รับการตอบรับในทันที แล้วตอนนี้ซีรีส์ที่ตอนแรกดูเหมือนจะไม่ได้รับความสนใจกลับกลายเป็นกระแสดังเปรี้ยงจนมีแฟน ๆ รอคอยทั่วโลก!
8. “มิลลี่ บ็อบบี บราวน์” มีบทพูดเพียง 42 ประโยคในซีซันแรก
มิลลี่ บ็อบบี้ บราวน์ มีบทพูดเพียง 42 ประโยคเท่านั้นในซีซั่นแรก เนื่องจากคาแรกเตอร์ตัวละครที่เธอได้รับ แต่พอมาถึงซีซั่นล่าสุด เธอก็มีบทพูดแบบรัว ๆ จนเรียกได้ว่าพูดไม่หยุด เหมือนอัดอั้นมานานยังไงยังงั้น!
9. เดรสชมพูและวิกผมทองของอีเลเว่นในซีซั่นแรก ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก E.T.
มีหลายฉากในเรื่อง Stranger Things ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์สุดคลาสสิกในยุค 80s อย่าง “E.T. the Extra-Terrestrial” ที่เห็นได้ชัดสุด ๆ น่าจะเป็นชุดเดรสสีชมพูและวิกผมสีทอง ที่อีเลเว่นสวมตอนที่เดินทางไปยังโรงเรียนมัธยมฮอว์กินส์ในซีซั่นแรก ที่ได้รับแรงบันดาลใจมากจากเอเลี่ยนในเรื่อง E.T.
10. “เดเคอร์ มอนต์โกเมอร์รี” ที่รับบท “บิลลี่” ได้รับบทเป็นพาวเวอร์เรนเจอร์ตัวสีแดง
“เดเคอร์ มอนต์โกเมอร์รี” (Dacre Montgomery) ที่รับบทเป็นหนุ่มแบดบอยยั่ว ๆ บด ๆ อย่าง “บิลลี่” ได้รับบทเป็นพาวเวอร์เรนเจอร์ตัวสีแดง ในภาพยนตร์ Power Rangers เมื่อปี 2017 แล้วใคร ๆ ก็รู้กันว่าพาวเวอร์เรนเจอร์ตัวสีแดงน่ะหล่อสุด!
11. บ้านของ “จิม ฮอปเปอร์” มีราคาเพียง 35 บาท!
เวลาพูดถึงฉากต่าง ๆ ที่ใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์หรือซีรีส์ หลายคนอาจจะคิดว่าต้องมีการลงทุนอย่างมหาศาล แต่นั่นไม่ใช่กับทุกเรื่อง เพราะบ้านของหัวหน้าตำรวจ “จิม ฮอปเปอร์” ในซีรีส์ Stranger Things นั้น ทีมงานฝ่ายกำกับศิลป์ของซีรีส์ซื้อมาในราคา 1 ดอลลาร์ หรือราว ๆ 35 บาทเท่านั้น
12. พ่อของ “มิลลี่ บ็อบบี บราวน์” ถึงกับหลั่งน้ำตาเมื่อลูกสาวต้องโกนผม
พ่อของน้อง “มิลลี่ บ็อบบี บราวน์” ถึงกับร้องไห้ออกมาเล็กน้อยเมื่อลูกสาวโกนผมออกจนหมดทั้งศีรษะเพื่อรับบทเป็นเอเลเว่น ถึงแม้ว่ามันจะเข้ากับน้องและทำให้น้องดูเท่สุด ๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันก็เป็นเรื่องยากเหมือนกันที่จะต้องโกนผมทิ้งทั้งหัว ถ้าไม่ใช่น้องมิลลี่ก็อาจจะไม่รอด!
และนี่ก็คือ 12 เรื่องน่ารู้จากซีรีส์ Stranger Things ที่พวกเรานำมาฝากเพื่อน ๆ กันในวันนี้ มาร่วมลุ้นกันว่าสรุปแล้วคุณแด๊ดดี้จอม ฮอปเปอร์เขาจะเป็นอย่างไรบ้าง แล้วพลังของหนูแอลจะกลับมารึเปล่า งานนี้เสาร์-อาทิตย์ต้องเอาให้จบ บอกได้คำเดียวว่า ถ้าฉันหายไปโปรดรู้ไว้ฉันดู Stranger Things อยู่จ้าาา!
ช่องทางการรับชม คลิก
ที่มาข้อมูล: beano, Mental Floss, BT
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: สิ้นสุดการรอคอย! “Stranger Things” Season 4 จะออนแอร์วันนี้เวลาบ่าย 2 โมง รับชมได้ 7 ตอนรวด!
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: เทียบภาพ 6 นักแสดงเด็กจากซีรีส์ Stranger Things จากวันนั้นถึงวันนี้ พร้อมวาร์ป IG
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: เปิดวาร์ปไอจี 11 นักแสดงจากซีรีส์ Heartstopper เธอทำให้ใจฉันหยุดเต้น ซีรีส์ LGBTQ+ ดีต่อใจ!