ตลอดระยะเวลา 169 ปี นับตั้งแต่โรงเรียนชายล้วนแห่งแรกของประเทศไทย “โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย” ถือกำเนิดขึ้น จนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยมีโรงเรียนชายล้วนก่อตั้งขึ้นมากกว่าสิบแห่ง! เช่น “โรงเรียนเทพศิรินทร์” “โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก” “โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย” เป็นต้น และผู้ปกครองหลายท่านก็ยังคงนิยมส่งบุตรหลานของตนเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนชายล้วนเหล่านี้
The Joi จึงได้รวบรวม “10 เรื่องจริงที่นักเรียนโรงเรียนชายล้วนในไทยเท่านั้นที่รู้!” มาให้ผู้ปกครองและน้อง ๆ ที่สนใจสมัครเข้าเรียนต่อโรงเรียนชายล้วนในไทย ไว้ประกอบการพิจารณาและเตรียมตัว เตรียมใจเสียก่อนเข้าเรียนจริง
1. โรงเรียนชายล้วนปกครองด้วยระบบ “รุ่นพี่ปกครองรุ่นน้อง”
แม้ว่าโรงเรียนแบบสหวิทยาและหญิงล้วน จะมีระบบรุ่นพี่รุ่นน้องเหมือนกัน แต่รับรองว่า ระบบรุ่นพี่รุ่นน้องของโรงเรียนชายล้วนนั้นเข้มข้นและเคร่งครัดมากกว่า แบบมากถึงมากที่สุด อย่างเช่น “โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย” มีระบบรุ่นพี่รุ่นน้องที่เรียกว่า “บัดดี้” หรือ “คู่หู” รุ่นพี่ที่อยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จะถูกจับคู่กับรุ่นน้องมัธยมศึกษาปีที่ 1 จุดประสงค์แท้จริงแล้ว ก็เพื่อให้พี่สอนน้องเรื่องต่าง ๆ ในโรงเรียน เป็นแบบอย่างที่ดี แต่ดูเหมือนว่า พอหมดสัปดาห์แรกของการเปิดเทอม ก็กลายเป็น “นายกับเบ๊” ไปซะงั้น
2. เราไม่ค่อยแกล้งอาจารย์ แต่จะตั้งฉายาให้อาจารย์ที่ถูกใจลับหลัง
การแกล้งอาจารย์มีอยู่จริง แต่ด้วยกฎของโรงเรียนที่เข้มงวด และลงโทษแบบเอาจริง ทำให้บรรดานักเรียนชายไม่กล้าจะแตะต้องอาจารย์ มีปากมีเสียง หรือลงไม้ลงมือกับข้าวของอาจารย์ (ยกเว้นคนที่ใจนักเลงพอ เฮ้ว ๆ ก็ไม่แน่) เหล่านักเรียนชายจึงเปลี่ยนการกลั่นแกล้งอาจารย์ออกมาเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งจับคาแรกเตอร์เด่นของอาจารย์คนนั้นนำมาตั้งเป็นฉายา เช่น อาจารย์ท่านนั้นชอบพูดให้ไม่จบประโยค และคอยให้นักเรียนพูดต่อท้าย เพื่อเติมประโยคให้สมบูรณ์ ก็จะตั้งฉายาออกมาว่า “อาจารย์ Fill in the blank” เป็นต้น
3. ผู้หญิงคือ “ของหายาก”
แน่นอน “ผู้หญิง” เป็นของหายากอยู่แล้วในโรงเรียนที่มีแต่นักเรียนชาย แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มี เพราะว่าโรงเรียนชายล้วน ไม่ได้ห้ามรับอาจารย์ผู้หญิงเข้ามาสอนซะหน่อย หากเหล่านักเรียนชายได้เจออาจารย์ผู้หญิง หรือเจอนักศึกษาฝึกสอนหน้าตาน่ารักแล้วหล่ะก็ พวกเขาก็จะตั้งใจเรียนเป็นพิเศษ และหยอกล้อ แซวอาจารย์ผู้นั้นไม่หยุด
4. 35 เปอร์เซ็นต์ ของนักเรียนจะเป็นเพศทางเลือก 45 เปอร์เซ็นต์ เป็นพวกกากกับเกรียน และ 20 เปอร์เซ็นต์ เป็นเด็กเรียน
หลายคนมักเข้าใจว่า เรียนโรงเรียนชายล้วนจะต้องเป็นผู้ชายทั้งแท่ง ผู้ปกครองหลายท่านเลือกส่งบุตรหลานที่ตุ้งติ้งเข้ามาเรียนต่อโรงเรียนชายล้วน แต่หารู้ไม่ว่า ที่นี่แหละตัวดี เหมือนปล่อยนก มาอยู่กับฝูงนกเลยแหละ พวกที่เป็นชายแท้ก็แบ่งได้เป็นพวกกาก พวกเกรียน และพวกเด็กเรียน มีจำนวน 65 เปอร์เซ็นต์โดยประมาณ ขณะที่เกือบครึ่งเป็นคนที่อ่อนไหว กายเป็นชาย แต่ใจเป็นหญิง แต่กลุ่มนี้จะเรียนเก่งและเป็นลูกรักอาจารย์ ใครอยากสอบวิชาไหนผ่าน คะแนนท็อปห้องต้องติวกับกลุ่มนี้เลย
5. ในห้องเรียนจะแบ่งเป็นกลุ่มหน้าห้อง กลางห้อง และหลังห้อง
หน้าห้องสำหรับเด็กเรียน กลางห้องสำหรับพวกเรียนบ้าง เล่นบ้าง (แต่ค่อนทางเล่นซะมากกว่า) และหลังห้อง เป็นที่สำหรับคนเฟี้ยวฟ้าว เกเร (ในสายตาอาจารย์)
6. วันตัดผมคือ “วันโลกแตก”
การตัดผมในโรงเรียนสำหรับผู้ชายเป็นเรื่องใหญ่ เพราะผมรองทรง ถ้าไม่ได้ช่างตัดผมอาชีพ อย่าฝันว่าจะได้ออกมาดูดี รับกับใบหน้าและกะโหลกเชียวหล่ะ หากใครผมยาวผิดระเบียบ แบตเตอเลี่ยนในมืออาจารย์ก็พร้อมกร้อนผมด้านข้างหรือด้านหลังเป็นกากบาท ที่จะติดตัวไปทั้งวัน และจะเกิดอาการเหม็นเขียวอย่างรุนแรง เป็นความอัปยศอย่างที่สุด!
7. กีฬาโปรดของชายแท้ และชายเทียม ที่แตกต่างกัน แต่ต้องใช้สนามเล่นเดียวกัน
นักเรียนชายแท้แน่นอนว่า ชอบเล่นฟุตบอลและบาสเก็ตบอล ขณะที่นักเรียนชายเทียม หรือเพศทางเลือกนั้น จะชอบเล่นวอลเลย์บอล และก็ต้องมีศึกชิงสนามอยู่เรื่อย เพราะพื้นที่เล่นของกีฬาทั้งสามชนิดนี้ ต้องใช้พื้นที่สนามบอล หรือลานกลางแจ้งเดียวกัน
8. เรียกชื่อเพื่อนด้วยชื่อบุพการี
เรื่องลามปาม นักเรียนชายล้วนไม่มีกลัวเกรง และชอบสืบหาชื่อบุพการี บิดามารดาของเพื่อน ๆ มาพูดเรียกกันเล่น ๆ เป็นเรื่องปกติ เรียกว่าแสดงความสนิทสนมเลยก็ได้ ใครไม่เคยโดนเรียกชื่อพ่อชื่อแม่ ถือว่ายังไม่เคยมาเรียนโรงเรียนชายล้วนนะจ้ะ
9. การเลือกเรียน รด. คือ ทางเลือกสำหรับพวกกลัวการเป็นทหารและไม่มั่นใจว่าที่บ้านจะยัดได้
ใครจะไปคิดว่า โรงเรียนชายล้วนจะ “ไม่บังคับ” เรียนรด. จากความเห็นของนักเรียนโรงเรียนชายล้วน พวกเขาตัดสินใจเรียนรด. แม้ว่าจะไม่อยากเรียนก็ตาม เพราะขี้เกียจ กลัว เหนื่อย ไม่ชอบความสกปรก (เวลาเข้าค่ายเขาชนไก่) และอีกเหตุผลคือ ไม่ต้องการไปเสียเวลาจับใบดำใบแดง หรือทำเรื่องเลื่อนการเกณฑ์ทหาร ที่อาจต้องใช้กำลังภายในกัน
10. แฟชั่นแปลก ๆ
ไม่ว่าจะนั่งกางเกงสั้นเลยเข่า เอวสูง คับติ้ว ก็มี หรือแฟชั่นถือกระเป๋าจาค็อบส์ ที่ต้องลีบแบนให้มากที่สุด ยิ่งแบนยิ่งเท่! และต้องวาดลวดลายบนกระเป๋าด้วยน้ำยาลบคำผิด เป็นศิลปะบนกระเป๋าหนัง จารึกให้โลกรู้ ก็ยิ่งคูลไปอีก! หลายคนยอมถือถุงใส่หนังสือและเครื่องเขียน ดีกว่าทำให้กระเป๋านั้นเสียทรงความบางกันเลยทีเดียว การเจาะหูแบบระเบิดหู เป็นรูใหญ่เหมือนกะเหรี่ยง ก็ฮิตไม่ใช่ย่อย ทุกยุคทุกสมัย
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: ที่แท้เด็กชูนิ้วกลางเป็นไวรัลบน TikTok คือ “กามาลูดิน” ตัวตึงจากยะลา!
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: ชาวเน็ตไม่ขำ! คุณครูรุมอุ้มเด็กป. 1 ไม่ยอมเข้าแถวเข้าโรงเรียน ก่อนหัวเราะสนุกสนาน
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: ส่องภาพ 30 ดาราไทยตอนเด็ก ต้อนรับวันเด็กปี 2565