ช่วงนี้คนทั้งไทยและต่างประเทศเขาฮิตแฟชั่น Y2K กันเหลือเกิน แต่นอกจากแฟชั่นในยุคนั้นจะเปรี้ยวจี๊ดจนมะนาวยังต้องเรียกพี่แล้ว หนังในยุคดังกล่าว ยังสนุกมากจนถูกนำมาทำเป็นมีม (Meme) ตลกขบขันจนถึงทุกวันนี้ด้วย The Joi เลยจะพาเพื่อน ๆ ไปชม “10 หนังเพื่อนสาวยุค Y2K ในตำนานที่ดูซ้ำกี่ครั้งก็ยังสนุกเหมือนเดิม!” จะมีเรื่องอะไรบ้าง? ตามไปดูกันเลย!
1. Mean Girls (มีนเกิลส์ ก๊วนสาวซ่าส์วีนซะไม่มี)
แม้จะมีภาค 2 สร้างตามมา แต่ “Mean Girls” หนังวัยรุ่นแนวเพื่อนสาวแห่งยุค Y2K ภาคแรกก็สนุกที่สุด! ดำเนินเรื่องราวผ่านมุมมองของ “เคดี้ เฮรอน (ลินด์เซย์ โลฮาน)” ที่ได้รับการเลี้ยงดูโดยพ่อแม่ที่เป็นนักสัตววิทยา และเติบโตขึ้นในป่าแอฟริกา เธอคิดว่าตัวเองรู้เรื่องการอยู่รอดของผู้เหมาะสมที่สุดเป็นอย่างดี ทว่ากฎของป่ากลับถูกตีความหมายใหม่ เมื่อสาวน้อยวัย 15 ปี ที่เคยแต่เรียนหนังสืออยู่กับบ้าน ต้องเข้าโรงเรียนมัธยมปลายเป็นครั้งแรก และตกเป็นเหยื่อของสงครามจิตวิทยากับกฎเกณฑ์สมอ้างขึ้นเองทางสังคม ที่เด็กสาวในยุคปัจจุบันทั้งหลายต้องเผชิญ
2. White Chicks (จับคู่ป่วนมาแต่งอึ๋ม)
“White Chicks“ เป็นหนังเพื่อนสาวที่ The Joi เชื่อว่า เพื่อน ๆ ทุกคนต้องเคยดู แม้จะไม่ใช่คนยุคมิลเลนเนียลก็ตาม เพราะหนังเรื่องนี้ฮอตและป๊อบมาก แถมยังฮาสุด ๆ เรียกว่าเอามารีรันกี่ครั้งก็ยังตลกไม่เปลี่ยน ในหนังเรื่องนี้จะเล่าเรื่องราวของ “มาร์คัส” และ “เควิน” เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใกล้จะตกอับในอาชีพของตัวเองเต็มที เพราะทำภารกิจล้มเหลวจนทำให้หัวหน้าเพ่งเล็ง แต่แล้วพวกเขาได้รับหน้าที่ให้ไปดูแล “บริตตานี่” และ “ทิฟฟานี่” พี่น้องสุดไฮโซแสนจะเอาแต่ใจ แต่ว่าสุนัขของพวกเธอเป็นเหตุทำให้เกิดรถเสียหลักลงข้างทางจึงทำให้สองสาวเสียโฉม จึงทำให้ “มาร์คัส” และ “เควิน” แอบปลอมตัวเป็นพวกเธอทั้งสองคน สวมรอยเข้าไปร่วมงานเลี้ยงที่มีแต่เหล่าไฮโซแบบเนียน ๆ ทำให้พวกเขาได้เจอกับแก๊งค์เพื่อนสาวทั้งสามคนของ “บริตตานี่” และ “ทิฟฟานี่” รวมถึงไฮโซคู่ปรับที่สาว ๆ กลุ่มนี้มักจะเขม่นหน้ากันตลอด หลายครั้งที่พวกเขามักจะลืมว่าตัวเองกำลังปลอมเป็นผู้หญิง และมักจะทำเรื่องเปิ่น ๆ อยู่บ่อย ๆ จนกลายเป็นความฮาแบบฉุดไม่อยู่
3. The Hot Chick (ว้าย สาวฮอตกลายเป็นนายเห่ย)
เรื่องนี้ไม่เน้นสมจริง เน้นความสนุกและเรียกเสียงหัวเราะเท่านั้น เรื่องราวเล่าเรื่องของสาวฮอตประจำโรงเรียนชื่อว่า “เจสสิก้า สเปนเซอร์ (เรเชล แม็คอดัมส์)” เธอเกิดมาพรั่งพร้อมทุกอย่าง มีชีวิตที่สุดแสนเพอร์เฟ็กต์ และเป็นหัวหน้าทีมเชียร์ลีดเดอร์ของโรงเรียน แถมยังได้คู่ควงเป็นควอเตอร์แบ็คสุดหล่อขวัญใจสาว ๆ อีกต่างหาก ทว่าโชคชะตาเล่นตลก สาวฮอตที่รักความสวยงามเป็นชีวิตจิตใจคนนี้ต้องช็อกสุดขีด เมื่อตื่นมาพบตัวเองในสภาพของชายวัยสามสิบ “คลีฟ (ร็อบ ชไนเดอร์)” และจนกว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตนเองให้กลับคืนมาเหมือนเดิม “เจสสิก้า” ต้องหาทางชนะเลิศการแข่งขันเชียร์ลีดเดอร์และต้องเข้าร่วมงานเต้นรำประจำปีของโรงเรียน (งานพรอม) ไม่พอ! ยังต้องเอาชนะใจแฟนหนุ่มให้ได้ทั้งที่เธอยังอยู่ในร่างของผู้ชาย!
4. Charlie’s Angels (นางฟ้าชาร์ลี)
เป็นหนังเพื่อนสาวที่ถูกนำมาสร้างแล้วสร้างอีก แต่เวอร์ชันที่ประสบความสำเร็จที่สุดคือ “Charlie’s Angels” ปี 2000 ที่นำแสดงโดยสามสาวฮอตแห่งยุค Y2K ได้แก่ “คาเมรอน ดิแอซ”, “ลูซี่ ลิว” และ “ดรูว์ แบร์รี่มอร์” ที่ต้องรับบทเป็น “นาตาลี”, “ดีแลน” และ “อเล็กซ์” 3 สาวนางฟ้าสายลับที่ทำงานให้กับบอสปริศนานามว่า “ชาร์ลี” พวกเธอได้รับภารกิจใหม่ในการตามหาการหายตัวไปของ “อิริค น็อกซ์” ผู้คิดค้นซอฟแวร์ถอดรหัสเสียง จนทำให้พวกเธอต้องออกตามหาเขา โดยอาศัยเงื่อนงำต่าง ๆ จนเริ่มพบว่าทุกอย่างอาจมีเบื้องหลังที่ซับซ้อนมากกว่าที่คิด และด้วยความปังของหนังเรื่องนี้ ทำให้มันถูกสร้างออกมาทั้งหมด 3 ภาคด้วยกัน และปังทุกภาค!!
5. Bridget Jones’s Diary (บริดเจต โจนส์ ไดอารี่ บันทึกรักพลิกล็อค)
หนังเล่าเรื่องราวของ “บริดเจ็ท โจนส์” หญิงสาวผู้วาดฝันชีวิตในวัย 30 ปี ว่าเธอจะต้องได้ทำงานที่อยากทำ มีความก้าวหน้าในชีวิต ที่สำคัญคือต้องหารักแท้เพื่อที่จะได้แต่งงานสร้างครอบครัวด้วย “โจนส์” ทำงานในสำนักพิมพ์ ซึ่งมีเจ้านายอย่าง “ดาเนียล คลีเวอร์” ชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่เธอมักฝันหวานว่าสักวันจะได้คบกับเขา วันหนึ่งเธอเดินเข้ามาทำงานพร้อมกระโปรงตัวใหม่สุดมั่น ที่ทำเอาหนุ่มในฝันถึงกับต้องส่งอีเมลมาทักเรื่องกระโปรง ก่อนจะจีบกันต่อด้วยคำพูดสุดแสนจะลามก แต่สำหรับเธอแล้วมันช่างตื่นเต้นเร้าใจเสียเหลือเกิน ไม่นานนัก “โจนส์” ก็ได้คบกับ “คลีเวอร์” สมดั่งฝัน แต่ฝันหวานครั้งนี้กลับอยู่ได้ไม่นานเมื่อตัวละครใหม่อย่าง “มาร์ค ดาร์ซี” ทนายหนุ่มหัวก้าวหน้าที่แม่ของเธอพยายามจะจับคู่ให้นั้นได้ก้าวเข้ามาในชีวิตเธอ “โจนส์” จึงต้องเผชิญหน้ากับปัญหามากมายที่เข้ามาเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิต โดยเฉพาะเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ กับผู้ชายสองคน ที่ทำให้เธอต้องขอหนีไปพึ่งแอลกอฮอล์กับบุหรี่อีกหลาย ๆ มวนเลยทีเดียว
6. Legally Blonde (สาวบลอนด์หัวใจดี๊ด๊า)
เรื่องเริ่มเมื่อ “แอล วู้ดส์ (รีส วิทเธอร์สปูน)” สาวบลอนด์จอมดี๊ด๊าต้องมาโดนแฟนหนุ่มที่ชื่อ “วอร์เนอร์” บอกเลิก ด้วยเหตุผลว่าเขาอยากมีอนาคตในการทำงานด้านการเมือง ดังนั้น การคบหาสาวใสที่ดูไร้สติแบบนี้ ไม่น่าจะส่งผลดีกับชีวิต แต่ “แอล” ก็ไม่ยอมแพ้ เธอตามไปสมัครเรียนกฎหมายที่ฮาร์วาร์ดที่เดียวกับ “วอร์เนอร์” เพื่อจะพิสูจน์ให้เขาเห็นว่า เธอก็สามารถเอาดีทางด้านนี้ได้เหมือนกัน และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของการค้นพบคำตอบของความสำพันธ์ในแบบที่เธอเองก็ไม่คาดคิดมาก่อน
7. Miss Congeniality (พยัคฆ์สาวนางงามยุกยิก)
“Miss United States Pageant” เวทีประกวดนางงามที่ได้รับการยกย่องและเชิดหน้าชูตาในวงการความงามอเมริกันมานานกว่า 50 ปี ได้รับคำขู่จาก “ซิติเซ็น” กลุ่มผู้ก่อการร้าย ที่มีชื่อเสียงกระฉ่อนที่สุดกลุ่มหนึ่งของประเทศ ซึ่ง FBI กำลังแกะรอยการก่อความวุ่นวาย ไม่ว่าจะเป็นการวางระเบิด, การลอบสังหาร และการลอบวางเพลิง บางทีนี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาที่จะได้ตัววายร้ายโรคจิต แผนรึ? ไม่มีอะไรซับซ้อน เพียงแค่ส่งสายเข้าไปในกองประกวด ในฐานะผู้เข้าประกวด โดยกำหนดให้เธออยู่บนเวที จนถึงรอบห้าคนสุดท้าย และเตรียมพร้อมรับสถานะการณ์ที่จะเกิดขึ้น แต่การหาเอเจนท์ที่จะมารับงานนี่สิ? ไม่ใช่เรื่องง่าย
จากการเซิร์ชของคอมพิวเตอร์ในกลุ่มเอเจนท์หญิงที่มีอยู่ ปรากฏว่าไม่มีใครเข้าตากรรมการเลยสักคน เว้นแต่ เอเจนท์พิเศษ “เกรซี่ ฮาร์ต (แซนดร้า บูลล็อค)” ภาพเธอในชุดว่ายน้ำที่ปรากฏบนจอคอมพิวเตอร์ดูแปลกพิลึกและคงจะดูตลกในชุดราตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอหวีเผ้าหวีผม แต่ “เกรซี่” ไม่มีแปรงของตัวเอง แม้กระทั่งกระโปรง หรือรองเท้าส้นสูง แม้แต่หัวหน้าปฏิบัติการลับและเพื่อนร่วมงานของเธอ “อีริค แม็ทธิว (เบนจามิน แบร็ต)” ก็ยังเรียกเธอว่า “ยัยซกมก” ยิ่งไปกว่านั้น “เกรซี่” เองก็ไม่ได้ต้องการที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เธอเรียกว่า “พวกบิกินี่ยัดไส้ที่ต้องการเพียงแค่โลกสงบสุข”
นี่จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมสำนักงานจึงต้องจ้างที่ปรึกษาความงาม “วิคเตอร์ เมลลิ่ง (ไมเคิล เคน)” มาแปลงโฉมให้กับ “เกรซี่” ไปเป็นสาวงามที่พร้อมส่งเข้าประกวด เพียงแต่ชะตาของการประกวดยังอยู่ระหว่างลูกผีลูกคน ก็สมควรแล้วกับการปฏิเสธคำสั่งของ “เกรซี่” ที่จะเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง เพราะนี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่เธอได้ทำงานในสำนักงานที่รัก
8. Bring It On (สาวเชียร์เท้าไฟ หัวใจวี้ดบึ้ม)
“Bring It On” เป็นหนังวัยรุ่นที่มีประเด็นหลักเป็นเรื่องราวเชิงการแข่งขันชิงชัยในการเป็นแชมป์เชียร์ลีดเดอร์ระดับชาติ หนังเรื่องนี้นอกจากสนุกแล้ว ยังจุดประกายและสร้างกระแสฟีเวอร์ให้กับวงการเต้นเชียร์ลีดเดอร์ไปทั่วโลก ทำให้การเต้นเป็นทีมที่ต้องสมัครสมานพร้อมใจกันเป็นหนึ่งในการแข่งขันได้รับความนิยมอยากมาก แม้กระทั้งปัจจุบันนี้ก็ยังฮิตอยู่
เรื่องราวในหนังเกิดขึ้นเมื่อการแข่งขันเชียร์ลีดเดอร์แชมเปียนชิพประจำปีได้เริ่มต้น โดยมีทีมนักเต้นวัยมัธยมฯ จากทั่วอเมริกาได้ลงประกวดชิงชัยกันอย่างดุเดือด แต่กลับมี 2 ทีมที่น่าสนใจที่ต้องมาประลองชิงไหวชิงพริบกับการนำเสนอท่าเต้นที่ต้องโดดเด่นและไม่ซ้ำใคร จึงกลายเป็นประเด็นมิตรภาพ ความรัก และการแข่งขันเพื่อชัยชนะ ที่มาพร้อมกับไอเดียสดใหม่และน่าสนใจ พ่วงด้วยทีมนักแสดงหน้าใหม่ (ในสมัยนั้น) ที่กลายเป็นดาวดวงใหม่ที่เฉิดฉายจนถึงปัจจุบันนี้
9. American Beauty (อเมริกัน บิวตี้)
“เลสเตอร์ เบิร์นแฮม (เควิน สเปซีย์)” เป็นเหมือนชายอเมริกันวัยกลางคนทั่วไป เขามีครอบครัวที่พร้อมหน้าภรรยาและลูกสาว เขามีชีวิตที่ดำเนินไปในแต่ละวันที่ไม่มีอะไรโลดโผน อาจจะมีปัญหาในหน้าที่การงานบ้าง แต่ก็ดูจำเจหน้าเบื่อ กระทั่งวันหนึ่งเมื่อเขาพบกับ “แองเจลา” เพื่อนคนสวยของลูกสาว “เจน” เขาก็ระลึกได้ว่าเขาเคยปรารถนาอะไร แต่สิ่งนั้นเป็นการไม่ซื่อสัตย์ต่อตนเองและครอบครัว เขาจำเป็นต้องต่อสู้กับตัวเอง และเผชิญวิกฤตวัยกลางคนเพียงลำพัง โดยที่ “คาโรลีน” ภรรยาของเขาไม่สนใจที่จะรู้ถึงปัญหาของสามี และยิ่งกว่านั้น ไม่รู้และไม่ยอมรับด้วยซ้ำว่าตัวของเธอเองก็มีปัญหาเช่นกัน เมื่อ “เลสเตอร์” เปลี่ยนไป “คาโรลีน” ก็เปลี่ยนไปด้วย เธอคบหากับ “บัดดี้ เคน” เจ้าพ่อที่ดิน แบบล้ำเส้น ในขณะที่ “เจน” ลูกสาววัยรุ่นไม่เคยเข้าใจพ่อแม่ เลยมองแต่ตัวเองว่าด้อยค่าไม่โดดเด่น ในเวลาเดียวกันที่ครอบครัวของ “เลสเตอร์” ต้องเผชิญมรสุมอย่างเงียบ ๆ ครอบครัวเพื่อนบ้าน “อดีตนาวาเอกฟิทส์” ผู้เพิ่งจะเกษียณอายุราชการมาอยู่กับบ้านก็กำลังปรับตัวอย่างหนักในการอาศัยอยู่กับเพื่อนบ้านรอบข้างที่มีชีวิตขาดระเบียบแบบกองทัพในมุมมองของเขา “ริคกี้” ลูกชายผู้หลงใหลในการมองชีวิตรอบตัวและบันทึกด้วยกล้องอินฟาเรดก็ต้องเผชิญกับความเคร่งครัดจากพ่อและแม่ ซึ่งปลีกตัวจากสังคม เก็บตัว และซ่อนเร้นปัญหาบางอย่างของครอบครัวไว้ เรื่องราวของ “เลสเตอร์” และเพื่อนบ้านของเขาดำเนินต่อไปอย่างเงียบ ๆ และพัวพันกันมากขึ้น เมื่อ “เจน” และ “ริคกี้” เริ่มคบหากัน และทั้งหมดก็เดินทางมาถึงจุดหนึ่งของชีวิตที่เปลี่ยนแปลง อนาคตของพวกเขาทั้งหมด
10. 13 going on 30 ต๊กกะใจ ตื่นขึ้นมา 30
เรื่องราวความสนุกเริ่มต้นขึ้นในปี 1987 เมื่อ “เจนน่า (เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์)” เด็กหญิงอายุ 13 ปี ที่กำลังจะกลายเป็นผู้หญิงเต็มตัว ปัญหาก็คือ ความเป็นผู้ใหญ่ดูจะมาถึงไม่ทันใจเธอ “เจนน่า” รู้สึกอึดอัดกับพ่อแม่ที่แสนซื่อของเธอ แถมเด็กเจ๋ง ๆ ในโรงเรียนก็เชิดใส่ หนุ่มหล่อที่เธอแอบปิ๊งส์แทบไม่รู้จักชื่อของเธอด้วยซ้ำ “เจนน่า” ที่ไม่อยากจะคบอยู่แต่กับ “แม็ตต์ แฟลมฮาฟฟ์” เพื่อนซี้ที่เป็นเพื่อนบ้านของเธอ จัดการชวนเด็กเท่ ๆ มาร่วมงานวันเกิดปีที่ 13 ของเธอ แต่งานวันเกิดกลับกลายเป็นหายนะ “เจนน่า” ต้องอับอายเมื่อเธอถูกขังอยู่ในตู้ขณะเล่นเกมส์ “เจ็ดนาทีบนสรวงสวรรค์” และทุกคนทิ้งเธอไว้แบบนั้น ขณะอยู่คนเดียวในตู้ เธอได้อธิษฐานขอพรว่า ถ้าเธอสามารถโตเป็นผู้ใหญ่ได้เดี๋ยวนั้น เธอจะมีชีวิตในแบบที่เธอต้องการเสมอมา ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น… คำขอของเธอกลายเป็นจริง!
มีเรื่องไหนบ้างที่เพื่อน ๆ ดูซ้ำแล้วซ้ำอีกจนถึงปัจจุบันนี้กันบ้าง? แต่ถ้ายังดูไม่ครบ The Joi ก็แนะนำว่า ให้กด Bookmark บทความนี้ไว้ เมื่อถึงวันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ก็เอามาเปิดไล่ดูให้ครบไปเลย และการดูหนังเพื่อนสาวทั้ง 10 เรื่องนี้จะสนุกคูณสองขึ้นไปอีก ถ้าเพื่อน ๆ ชวนเพื่อนสาวคนสนิทมาดูด้วยกันที่บ้าน!
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: “จาฟาร์ แจ็คสัน (Jaafar Jackson)” หลานชาย “ไมเคิล แจ็คสัน (Michael Jackson)” รับบทเป็นราชาเพลงป๊อบในหนัง “Michael”
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: 10 หนัง Live Action ญี่ปุ่นที่ดีที่สุดตลอดกาล คอมังงะและอนิเมะต้องดูให้ครบ!
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: ชวนดู 8 หนังแนว “Orphan เด็กนรก” ที่จะทำให้ทุกคนมองเด็กไม่เหมือนเดิม