ทุกคนต่างใฝ่หาความเท่าเทียม ความเป็นกลาง และความยุติธรรมในสังคมในทุกยุค ทุกสมัย และการต่อสู้เพื่อได้มาซึ่งความเท่าเทียม ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย บ้างก็สำเร็จและบ้างก็ล้มเหลว เพื่อให้ทุกคนเข้าใจปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม หรือการแบ่งพวก แบ่งชนชั้นวรรณะ อย่างลึกซึ้งและเข้าใจง่ายที่สุด “ภาพยนตร์” คือ สื่อที่ถ่ายทอดเรื่องราวดังกล่าวให้ผู้คนได้เข้าใจง่ายที่สุด
The Joi จึงได้รวบรวม 10 ภาพยนตร์ดังสะท้อนปัญหาการแบ่งชนชั้น ความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้อย่างเจ็บแสบ ที่ทุกคนต้องอินหนักมาก และต้องได้ดูก่อนตายทุกเรื่อง!
1. Parasite ชนชั้นปรสิต
ภาพยนตร์เรื่องนี้ เล่าเรื่องเสียดสีสังคมเกาหลีใต้ได้อย่างเจ็บแสบ จนสามารถคว้า 4 รางวัลใหญ่ รวมถึงภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในงานประกาศรางวัลออสการ์ครั้งที่ 92 โดยเล่าเรื่องราวของ 2 ครอบครัวที่ต่างกันสุดขั้ว ครอบครัว “ตระกูลคี” มีสมาชิกทั้งสิ้น 4 คน เป็นครอบครัวเล็ก ๆ อบอุ่น แต่สมาชิกในบ้านต่างตกงาน วันหนึ่ง “คีวู” ลูกชายคนโตของบ้าน ถูกเพื่อนบ้านที่ร่ำรวยและเรียนมหาวิทยาลัยชั้นนำ เสนอให้เข้าไปทำงานเป็นติวเตอร์ ซึ่งจะทำเงินให้เขามหาศาล โดยต้องไปทำงานให้กับ “ตระกูลพัค” ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทด้านไอทีที่มีชื่อเสียงก้องโลก และต้องแบกความคาดหวังที่สูงมากของครอบครัวไปด้วย แต่หลังจากที่ทั้งสองครอบครัวมาข้องเกี่ยวกัน และต้องพบเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เต็มไปด้วยคำหลอกลวง และเหตุการณ์นองเลือดสุดช็อก!
คะแนนภาพยนตร์
IMDd 8.6
Rotten Tomatoes 98%
Metacritic 96%
2. Green Book หนังสือสีเขียว
ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวของสองคู่หูต่างขั้ว ที่จับพลัดจับผลูตระเวนเดินทางไปทั่วตอนใต้ของอเมริกาด้วยกัน “โทนี่ ลิป” อดีตขาใหญ่การ์ดเฝ้าผับ เชื้อสายอิตาเลียน-อเมริกัน จากย่านบรองซ์ของนครนิวยอร์ก ต้องมาเป็นคนขับรถให้ “ดอน เชอร์ลีย์” นักเปียโนคลาสสิคผิวสีระดับโลก ในระหว่างที่เขาออกเดินสายขึ้นแสดงในยุค ’60 สิ่งเดียวที่นำทางทั้งคู่ให้อยู่ด้วยกัน คือ “สมุดปกเขียว” ที่บอกสถานที่ที่เป็นมิตรกับคนผิวสี พวกเขาต้องฝ่าทั้งกำแพงแห่งสีผิว ภัยอันตรายต่าง ๆ เช่นเดียวกับน้ำใจจากเพื่อนมนุษย์ตลอดการเดินทาง
คะแนนภาพยนตร์
IMDd 8.2
Rotten Tomatoes 77%
Metacritic 69%
3. Elysium ปลดแอกโลกอนาคต
ภาพยนตร์เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยุคอนาคตปี 2159 เมื่อคนเราแบ่งออกเป็น 2 ชนชั้น อันได้แก่ “พวกมหาเศรษฐีรวยล้นฟ้า” และ “พวกที่มีฐานะด้อยกว่า” ซึ่งพวกชนชั้นสูง หรือมหาเศรษฐี จะได้อยู่บนดาว “Elysium” ในขณะที่ชนชั้นล่างจะต้องอยู่บนดาวโลกที่เสื่อมโทรมลงมาก ทำให้คนชนชั้นล่างพากันเรียกร้องขอความเป็นธรรม เพื่อจะได้ไปอยู่บนดาวที่เจริญแล้วบ้าง แต่ก็ถูก “โรดส์” เจ้าหน้าที่รัฐบาลขัดขวาง ในเวลาเดียวกัน ชายชื่อ “แม็กซ์” ผู้ทนอยู่ในสถานการณ์ที่ไร้สิ้นความหวังแบบนี้ไม่ไหวอีกต่อไป ก็ได้ตัดสินใจลุกขึ้นเดินหน้าเรียกร้องความยุติธรรม เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของตัวเองและผู้คนอีกมากมาย
คะแนนภาพยนตร์
IMDd 6.6
Rotten Tomatoes 65%
Vudu 3.9/5
4. District 9 ยึดแผ่นดิน เปลี่ยนพันธุ์มนุษย์
ภาพยนตร์บอกเล่าเรื่องราวของมนุษย์ต่างดาวที่ติดต่อมายังโลกมนุษย์ครั้งแรกเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว มนุษย์โลกจึงเตรียมตัวกับการถูกโจมตีจากต่างดาว ที่มองว่าเป็นศัตรู หรือไม่ก็คาดว่าจะได้เจอความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอันยิ่งใหญ่ แต่แทนที่จะได้พบกับทั้งสองสิ่งที่กล่าวมา แต่กลับพบว่า เหล่ามนุษย์ต่างดาวได้อพยพมายังโลกในฐานะผู้ลี้ภัย ซึ่งเป็นผู้เหลือรอดกลุ่มสุดท้ายจากดาวเดิมของพวกเขา ชาวต่างดาวพากันสร้างที่อยู่อาศัยชั่วคราวในเขต “ดิสทริคท์ ไนน์ (District 9)” ของประเทศอเมริกาใต้ ขณะที่ประเทศต่าง ๆ ในโลกยังคงถกเถียงกันอยู่ว่าจะทำอย่างไรกับมนุษย์ต่างดาวผู้ลี้ภัยนี้ดี
ความตึงเครียดระหว่างชาวต่างดาวกับชาวโลกดำเนินมาจนถึงจุดสิ้นสุด เมื่อ “วิกัส แวน เดอ เมอเว” พนักงานจากบริษัท MNU ถูกไวรัสที่เปลี่ยนดีเอ็นเอของเขาให้กลายเป็นของมนุษย์ต่างดาว วิกัสกลายเป็นคนที่ถูกตามล่าและเป็นที่ต้องการมากที่สุดในเวลาเดียวกัน เนื่องจากเขาเป็นคนเดียวที่จะไขความลับของเทคโนโลยีจากต่างดาวได้ การที่เขาต้องระหกระเหินและไร้ญาติขาดมิตรเช่นนี้ ทำให้ที่เดียวที่เหลืออยู่ให้เขาได้หลบซ่อนพักพิง คือ ดิสทริคท์ ไนน์
IMDd 7.9
Rotten Tomatoes 90%
Metacritic 81%
5. Snowpiercer ยึดด่วน วันสิ้นโลก
ภาพยนตร์ว่าด้วยเรื่องราวการต่อสู้ระหว่างชนชั้นบนรถไฟขบวนสุดท้าย ที่กำลังวิ่งฝ่าความหนาวเหน็บที่ปกคลุมโลกทั้งใบโดยไร้จุดหมาย เป็นผลงานของผู้กำกับเจ้าของรางวัลออสการ์ จากเรื่อง Parasite “บงจุนโฮ” โดยตัวหนังเล่าถึงช่วงเวลาในปี 2031 เมื่อโลกก้าวเข้าสู่ยุคน้ำแข็งอย่างแท้จริง การใช้ชีวิตก็ยากขึ้น ผู้คนเลยต้องดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตรอดบนรถไฟ ที่ออกเดินทางรอบโลกอย่างไร้จุดหมาย ซึ่งในจุดที่ยากลำบากที่สุด ก็ยังมีความเหลื่อมล้ำเกิดขึ้น ทำให้เกิดกลุ่มอภิสิทธิ์ชนและการแบ่งชั้นวรรณะ ถ้าพูดให้เห็นภาพ คือ รถไฟขบวนนี้ก็เปรียบเสมือนเรือโนอาห์ดี ๆ นี่เอง ผู้กำกับบงจุนโฮ ยังคงลายเซ็นต์ของตัวเองไว้อย่างชัดเจนในหนังเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเสียดสีในเรื่องการแบ่งชนชั้น ความเท่าเทียม และสังคมทุนนิยม
IMDd 7.1
Rotten Tomatoes 94%
Metacritic 84%
6. The Platform คุกนรกแนวตั้ง
ภาพยนตร์เรื่องนี้ สะท้อนความเหลื่อมล้ำภายในเรือนจำแห่งหนึ่ง ที่มีลักษณะเป็นตึกแนวดิ่ง และมีความสูงมากกว่า 100 ชั้น และในแต่ละชั้นจะมีนักโทษอาศัยอยู่ 2 คน ฟังดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่คุกนี้แตกต่างจากคุกปกติตรงที่ “อาหาร” เพราะอาหารที่ดีที่สุดจะอยู่ในชั้นบนสุด และค่อย ๆ ร่อยหรอลงไป ซึ่งกว่าจะถึงชั้นล่างสุดอาหารก็แทบจะไม่เหลือแล้ว และการหมุนเวียนชั้นที่อยู่อาศัย ซึ่งบางวันตื่นขึ้นมาอาจจะไม่อยู่ที่ชั้นเดิม ชายในคุกคนหนึ่งจึงพยายามหาทางเปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างความเท่าเทียมให้กับคนคุกทุกคน
IMDd 7.0
Rotten Tomatoes 86%
Metacritic 80%
7. The Blind Side แม่ผู้นี้มีแต่รักแท้
เป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากหนังสือที่ชื่อว่า “The Blind Side : The Evolution of a Game” บอกเล่าเรื่องจริงของนักอเมริกันฟุตบอล ที่ถูกชุบเลี้ยงโดยครอบครัวบุญธรรมเป็นอย่างดี และแม้ว่าจุดกำเนิดดั้งเดิมของเขาจะเลวร้าย แต่ครอบครัวอันอบอุ่นนี้ ก็ให้ความรักกับชายหนุ่มผิวสีคนนี้ราวกับลูกในไส้ โดยเฉพาะผู้ที่เขาเรียกว่า “แม่” ที่มีส่วนอย่างยิ่งในการผลักดันให้เขาประสบความสำเร็จ ทั้งด้านการเรียนและกีฬา
IMDd 7.6
Rotten Tomatoes 66%
Metacritic 53%
8. 12 Years a Slave ปลดแอก คนย่ำคน
เป็นภาพยนตร์อังกฤษ-อเมริกัน แนวดราม่าประวัติศาสตร์ ดัดแปลงจากอัตชีวประวัติชื่อเดียวกันกับภาพยนตร์ เขียนโดย “โซโลมอน นอร์ธัป (Solomon Northup)” เสรีชนชาวนิวยอร์ก ผู้ถูกลักพาตัวมากจากกรุงวอชิงตัน ดีซี (Washington D.C.) ในปี 1841 และถูกขายเป็นทาส ต้องทำงานในโรงฝ้ายในรัฐลุยเซียนา (Louisiana) เป็นเวลา 12 ปี กว่าจะได้รับอิสรภาพ ระหว่างที่ตกเป็นทาส เขาต้องพบเจอกับความโหดร้ายอย่างที่สุด ซึ่งเขาไม่เพียงแต่ต้องพยายามเอาชีวิตรอดท่ามกลางการปฏิบัติราวกับสัตว์เท่านั้น แต่ยังต้องรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองเอาไว้ ก่อนจะไม่เหลืออะไรเลย จนกระทั่งได้พบกับผู้รณรงค์การปลดปล่อยทาสชาวแคนาดา ที่ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล
IMDd 8.1
Rotten Tomatoes 95%
Facebook 5/5
9. Hidden Figures ทีมเงาอัจฉริยะ
ภาพยนตร์สร้างจากเรื่องจริงของทีมงานหญิง เชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกัน “แคเธอรีน จี. จอห์นสัน (Katherine Johnson)”, “โดโรธี วอห์น (Dorothy Vaughan)” และ “แมรี่ แจ็คสัน (Mary Jackson)” ที่จัดเตรียมข้อมูลทางคณิตศาสตร์ที่จำเป็นให้กับองค์กรนาซ่า (NASA) อันมีส่วนช่วยให้ภารกิจเดินทางสู่อวกาศประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรก ถือเป็นการทำลายกำแพงเรื่องเพศและเชื้อชาติไปจนหมดสิ้น ภาพยนตร์เรื่องนี้จะพาผู้ชมไปรู้จักกับความสามารถอันน่าทึ่ง และยังได้ชี้ให้เห็นถึงการก้าวผ่านคำสบประมาทและการแบ่งแยกชาติพันธุ์อีกด้วย
IMDd 7.8
Rotten Tomatoes 93%
Metacritic 74%
10. The Help คุณนายตัวดี สาวใช้ตัวดำ
ภาพยนตร์คุณภาพที่แสดงถึงความอ่อนโยนและยืดหยุ่นของผู้หญิง ที่แม้จะถูกกดขี่ข่มเหงและไม่ได้รับความยุติธรรมเพียงใด แต่พวกเธอก็ยังคงมีเกียรติและน่าภูมิใจ ภาพยนตร์จะถ่ายทอดเรื่องราวผ่านมุมมองของนักเขียนผิวขาวกับ 2 สาวใช้ผิวสี ที่ตัดสินใจร่วมมือกันต่อสู้ ตีแผ่เรื่องราวแห่งความจริง เพื่อก้าวข้ามการแบ่งแยกชนชั้นและสีผิว รวมถึงเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตในเมืองมิสซิสซิปปี 1960 ให้ดีขึ้น
IMDd 8.0
Rotten Tomatoes 76%
Metacritic 62%
อย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์ทั้ง 10 เรื่องเขียนโดยอ้างอิงจากประวัติศาสตร์ หรือเรื่องแต่งที่มีเค้าโครงเรื่องจริง ดังนั้น การชมภาพยนตร์ทั้งสิบเรื่อง จึงเป็นไปเพื่อความบันเทิงเป็นหลัก และได้แง่คิดชีวิต รับรู้ปัญหาสังคมเป็นรอง ซึ่งผู้ชมสามารถนำไปต่อยอดแก้ปัญหาในสังคมจริงได้ไม่มากก็น้อย
ที่มาข้อมูล: Sanook และ Kapook
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: แจก 6 ไอจีของนักแสดงนำซีรีส์เกาหลี “All of Us Are Dead มัธยมซอมบี้”
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: ชวนดู 10 หนังและซีรีส์สัตว์เอาคืนมนุษย์ ใครได้ดูแล้วจะเลิกแกล้งสัตว์
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: ฟินจิกหมอนส่งท้ายปี 64 กับ 9 ซีรีส์วายไทยดีกรีเข้าชิงรางวัลทั้งในไทยและต่างประเทศ