ด้วยวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ในประเทศไทยที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นการชะลอตัวเลขไม่ให้พุ่งสูงจนเร็วเกินไป การเว้นระยะห่างทางสังคมและการแยกกันอยู่นั้นจึงเป็นสิ่งที่ควรทำในช่วงนี้ และในหลายๆจังหวัดต่างก็เริ่มมีการปิดจังหวัดกันขึ้นมา และจำกัดเวลาออกจากบ้าน คนส่วนใหญ่ในตอนนี้ต่างก็พากันกักตัวเพื่อชาติ อยู่บ้านใครบ้านมัน แต่ทว่าก็ยังมีคนจำนวนบางกลุ่มนั้นที่ไม่ยอมทำตาม
จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความลงโซเชียลว่า กำลังรู้สึกเศร้า ที่โรงพยาบาลนครพิงค์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ อยู่บ้านเพื่อหมอ.เพื่อเจ้าที่..กลุ่มนี้คงไม่รู้จัก เวลาประมาณ ตี 4 (1เม.ย.2563) มีรถเก๋งขับมาจอดตรงจุดหน้าคัดกรองอย่างเร็ว.เราก็ออกไป.สแกนไข้ตามระเบียบคัดกรอง.กลุ่มเด็กวัยรุ่น.ลงรถเก๋งมาประมาณ.5คน แต่ละคนอายุประมาณ 15-18 ไม่มีใครใส่แมสก์สักคน..
เราก็บอกว่าน้องใส่แมสก์ก่อนขึ้นไปตรวจครับ..มันจ้องหน้าเราไม่พูดเดินขึ้นไปห้องฉุกเฉินเฉยเราเตือนอีกรอบ ทีนี้มันตะคอกใส่เราบอกว่ารู้แล้ว.ไปเที่ยวมาเลยไม่ได้ใส่..สักพัก.มีมอเตอร์ไซค์ขับเข้ามาในรพ.ประมาณเกือบ10คัน.ไม่มีใครใส่แมสก์เหมือนกัน..แล้วพูดเสียงดังโวยวายพูดประขดแดกดัน…ทำเดินวนไปมาจ้องหน้าขู่.สักพักแว้นรถออกไปเสียงรถลากยาว..ยกนิ้วกลางแถมให้เราอีก…ไว้อาลัย.จริงๆ
ล่าสุดวันที่ 1 เม.ย. รายงานจากข่าวสดได้ติดต่อไปยังผู้โพสต์ (สงวนชื่อนามสกุล) ทราบว่า เป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ปฏิบัติงานส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ได้ปฏิบัติหน้าที่ที่จุดคัดกรองวัดอุณหภูมิสแกนไข้ ที่บริเวณทางเข้า รพ.นครพิงค์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เมื่อใกล้รุ่งเช้าวันนี้เวลาประมาณ 04.00 น. ขณะที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่จุดคัดกรองอยู่นั้นได้มีกลุ่มวัยรุ่นชาย-หญิงอายุประมาณ 15-18 ปี จำนวน 5 คน ลงจากรถเก๋ง
นำเพื่อนชายซึ่งได้รับบาดเจ็บอ้างว่าเกิดจากการหกล้ม ปวดข้อมือ แต่ละคนไม่ใส่แมสก์ปิดจมูกแต่อย่างใด จึงอนุญาตให้คนเจ็บเพียงคนเดียวเข้าไปยังห้องฉุกเฉิน พร้อมกับกล่าวตักเตือนกลุ่มวัยรุ่นว่าทำไมไม่ใส่แมส กลับสร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มวัยรุ่น ได้พูดตะคอกตอบกลับมาว่า”รู้แล้ว” ไปเที่ยวกันมาเลยไม่ได้ใส่แล้วก็พากันออกจากโรงพยาบาลไป
สักครู่มีกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะรวมประมาณ 10 กว่าคนทั้งชาย-หญิง แต่ละคนไม่ได้ใส่แมสก์เช่นกัน เข้ามาที่โรงพยาบาลอีกแสดงอาการไม่พอใจเจ้าหน้าที่จุดคัดกรอง ทางเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งไปยัง เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำจุดดอนแก้ว มาควบคุมสถานการณ์หวั่นเกิดเหตุวุ่นวายขึ้น ทางกลุ่มวัยรุ่นยังแสดงอาการกร้าวร้าวขึ้นนั่งบนราวเหล็กกั้น
ทางเจ้าหน้าที่ก็ขอร้องอย่าขึ้นไปนั่งเพราะทางรพ.ห้ามนั่งบนราวเหล็กกั้น และ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เจรจาให้แยกย้ายกลับบ้านกลุ่มวัยรุ่นก็ไม่ยอมกลับง่ายๆเดินวนไปมา พูดประชดต่างๆนานาจ้องหน้าแสดงความไม่พอใจ สักครู่ได้พากันกลับ ขี่จักรยานยนต์ พร้อมยกนี้วกลางให้เจ้าหน้าที่อีก
ส่วนเด็กวัยรุ่นที่ได้รับบาดเจ็บทางแพทย์ได้เอ็กซเรย์ที่ข้อมือกระดูกไม่แตกหัก พร้อมกับอนุญาตให้ผู้ปกครองนำตัวกลับบ้าน เจ้าหน้าที่ฯกล่าวอีกว่า นับเป็นพฤติกรรมของกลุ่มวัยรุ่นที่ไม่เหมาะสมในช่วงที่มีการเข้มงวดกวดขันป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ในที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ติดตามกลุ่มเด็กวัยรุ่นดังกล่าวไปถึงบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีเลฟเว่น ก่อนถึง รพ.นครพิงค์ พบกลุ่มเด็กวัยรุ่นจำนวน 6 คนซึ่งเป็นกลุ่มเด็กดังกล่าวจริง และเข้าตรวจสอบตรวจค้นรถจักรยานยนต์พบว่ามีมีการดัดแปลงสภาพรถ, อุปกรณ์ส่วนควบไม่ครบ, ไม่มีใบอนุญาตขับขี่, ไม่ติดแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษี รวมถึงไม่พบสำเนาคู่มือรถ จึงได้ยึดรถไว้เพื่อตรวจสอบ และจะได้ประสานผู้ปกครองมารับทราบและทำทัณฑ์บน ต่อไป