แฟนคลับ “Money Heist ทรชนคนปล้นโลก” ต่างสงสัยทำไม “Netflix” ตัดสินใจรีเมคซีรีส์ดังเรื่องนี้ทั้งที่ต้นฉบับก็ทำดีอยู่แล้ว วันนี้ The Joi มีคำตอบมาไขข้อสงสัยทุกคน
Money Heist (ต้นฉบับ)
ก่อนอื่นต้องเท้าความเดิมถึงต้นฉบับ “Money Heist” ฉบับสเปนกันก่อน ซีรีส์ต้นฉบับภาษาสเปนนี้มีชื่อออริจินัลว่า “La casa de papel” หรือ “The House of Paper” ถูกเผยแพร่บนแพลตฟอร์ม “Netflix” มีทั้งหมด 5 ซีซัน มีทั้งหมด 48 ตอน เริ่มออนแอร์ครั้งแรกทั่วโลกเมื่อปี 2017 และตอนสุดท้ายเพิ่งจบเมื่อปีที่แล้ว (2021) นี้เอง
หน้ากากรูปหน้า “ซัลบาดอร์ ดาลี”
โดยเล่าเรื่องของทีมโจรกรรมที่นำโดยชายชื่อว่า “The Professor (ศาสตราจารย์)” วางแผนปล้นโรงกษาปณ์และธนาคารกลางแห่งชาติของสเปน โดยนักโจรกรรมแต่ละคนจะสวมหน้ากากรูปใบหน้าของ “ซัลบาดอร์ ดาลี” และชุดจั๊มพ์สูทสีแดงสด อันเป็นเอกลักษณ์ของตัวละครและซีรีส์เรื่องนี้เลยทีเดียว
“Money Heist Korea”
และเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา ทาง “Netflix” ก็ได้ปล่อยภาพโปสเตอร์พร้อมรายชื่อนักแสดงซีรีส์รีเมคออกมา โดยใช้ชื่อซีรีส์นี้ว่า “Money Heist: Korea – Joint Economic Area Part 1” หรือชื่อภาษาไทยคือ “ทรชนคนปล้นโลก: เกาหลีเดือด ตอน 1” มีทั้งหมด 12 ตอนด้วยกันในซีซันแรก กำกับโดย “คิมฮงซอน (Kim Hong Seong)” ผลิตโดยบริษัท “BH Entertainment” และ “Zium Content”
รายชื่อนักแสดงทั้งหมดมี ดังนี้ “ยูจีแท” (ศาสตราจารย์), “คิมยุนจิน” (ซอนอูจิน), “พัคแฮซู” (เบอร์ลิน), “จอนจงซอ” (โตเกียว), “อีวอนจง” (มอสโก), “พัคมยองฮุน” (โจยองมิน), “คิมซองโอ” (ชามูฮยอก), “คิมจีฮุน” (เดนเวอร์), “จางยุนจู” (ไนโรบี), “อีจูบิน” (ยุนมีซอน), “อีฮยอนอู” (ริโอ), “คิมจีฮุน” (เฮลซิงกิ), “อีคยูโฮ” (ออสโล) และนักแสดงอีกมากมาย
และด้วยชื่อของตัวละครที่ใช้เหมือนต้นฉบับ ประกอบกับเวอร์ชันสเปนที่ทำไว้ได้อย่างยอดเยี่ยมประทับใจคนทั่วโลกไว้แล้ว ก็ก่อเกิดดราม่าขึ้นว่าทำไมยังต้องมีรีเมคเวอร์ชันเกาหลีอีก? ซึ่ง The Joi ก็ได้คำตอบมาจากบทสัมภาษณ์ของนักแสดงในเรื่อง “Money Heist: Korea – Joint Economic Area” จากงานแถลงข่าวที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา
อันที่จริงแล้วชื่อตัวละครเหมือนเดิม แต่ประวัติภูมิหลังของตัวละครนั้นไม่เหมือนเดิม นั่นทำให้ความสัมพันธ์ของตัวละครอื่น ๆ กับศาสตราจารย์ไม่เหมือนเดิม และเรื่องราวที่เขียนขึ้นถูกเขียนให้สามารถเกิดขึ้นได้จริงในเกาหลีใต้ได้ที่เดียวในโลกนี้ ส่วนหน้ากากอันเป็นเอกลักษณ์ ทางเกาหลีก็ใช้ “หน้ากากฮาฮเว” ของเมืองอันดง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้เปรียบเปรยและเสียดสีผู้ที่มีอำนาจ ฟังแค่นี้ก็รู้สึกว่า ซีรีส์รีเมคเรื่องนี้น่าดูไม่แพ้ต้นฉบับ
“หน้ากากฮาฮเว” ของเมืองอันดง
แต่แน่นอนว่าเหล่าแฟนคลับซีรีส์ “Money Heist” ก็ยังไม่หายคลางแคลงใจว่า ทำไม๊… ทำไม ต้องเอามารีเมคซ้ำอยู่ดี ซึ่ง The Joi ก็ไปขุดหาคำตอบได้มาว่า เหตุผลแรกคือ “เรื่องเงิน” อย่าลืมว่า ซีรีส์ต้นฉบับของสเปน เป็นซีรีส์ที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษที่มีผู้ชมมากที่สุดในโลกไม่พอ ยังเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่มีผู้ชมมากที่สุดบน “Netflix” โดยซีซัน 4 ของซีรีส์ต้นฉบับมีผู้ชมมากที่สุดตลอดกาลบน “Netflix” เป็นอันดับที่ 3 รองจาก “Squid Game” และ “Bridgerton”
และจากข้อมูลของ “Parrot Analytics” ยังระบุด้วยว่า “Monet Heist” ต้นฉบับ เป็น 1 ใน 5 ทีวีซีรีส์ที่คนต้องการดูมากที่สุดในปี 2564 ดังนั้น หาก “Netflix” มีการรีเมคซีรีส์เรื่องนี้ก็จะมีคนทั่วโลกติดตามดูจำนวนมากอย่างแน่นอน
และเหตุผลที่ 2 คือ “Netflix” ต้องการสมาชิกต่างประเทศมาเป็นสมาชิกบนแพลตฟอร์มตัวเองมากขึ้น และพวกเขามุ่งเจาะประชากรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มีประชากรอยู่มากถึง 60% ของโลก (ในจำนวนนี้ 18% เป็นชาวจีนบนแผ่นดินใหญ่ ซึ่ง “Netflix” ไม่ได้มีสาขาดำเนินการอยู่ที่ประเทศจีน) มาเป็นสมาชิกแพลตฟอร์มตัวเองให้ได้ แล้วเขาก็พบว่า ประชากรในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) มีความชอบซีรีส์เกาหลีอย่างมาก เรียกว่าปล่อยซีรีส์เกาหลีเรื่องอะไรก็ดูหมด!
A subsidiary of #Netflix will invest $100 million in #Korea over the next six years to build special #visual effects facilities. The announcement of the #investment coincides with #US #President #JoeBiden's visit to Korea.https://t.co/D08l5HkKcp
— The Korea Times (@koreatimescokr) May 20, 2022
และนี่ก็เป็นสาเหตุให้ “Netflix” ไปลงทุนสร้างหนังหรือซีรีส์ที่ประเทศเกาหลี เพราะนอกจากจะเป็นการสร้างฐานสมาชิกในเกาหลีใต้แล้ว ยังเป็นการดึงดูดให้มีสมาชิกจากกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกและอาเซียนเพิ่มมากขึ้นไปโดนปริยาย โดนเมื่อปี 2564 “Netflix” ได้ทุ่มเงินให้กับการผลิตหนังและซีรีส์ในเกาหลีใต้ประเทสเดียวเพียว ๆ กว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 17.7 หมื่นล้านบาท
ที่มาข้อมูล: Den of Geek และ Decider
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: Netflix เตรียมจัดรายการเรียลลิตี้ “Squid Game: The Challenge” ชิงเงินรางวัล 160 ล้านบาท!
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: เปิดวาร์ป 8 นักแสดง “Resident Evil ผีชีวะ” (2022) บน Netflix พร้อมเรื่องย่อ
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: Netflix เตรียมจัดรายการเรียลลิตี้ “Squid Game: The Challenge” ชิงเงินรางวัล 160 ล้านบาท!
