เชื่อว่าในทุกโรงเรียนล้วนแล้วมักจะมีวิญญาณและสิ่งลี้ลับต่าง ๆ นั้นอาศัยอยู่ ตามสถานที่ต่าง ๆ บริเวณภายในโรงเรียน และน่าแปลกที่หลายโรงเรียนมักจะมีเรื่องราวที่คล้าย ๆ กันไปเกือบหมดทุกโรงเรียนเลยก็ว่าได้ วันนี้ The Joi เลยจะพาเพื่อน ๆ ไปอ่านเรื่องเล่าผีในโรงเรียนที่หลายโรงเรียนมักจะมีเหมือนกัน แต่เพื่อความอรรถรส ขณะที่อ่านแนะนำว่าให้ลองจินตนาการนึกภาพตามไปด้วย ยิ่งอ่านตอนกลางคืนนะ บรรยากาศมันได้จริง ๆ จะมีเรื่องไหนบ้าง ไปอ่านกันให้หลอนจนนอนไม่หลับกันไปเลยจ้า
1. ขึ้นลิฟต์กับนักเรียนแปลกหน้า
เด็กนักเรียนชายผู้มีจิตสัมผัสและมักจะเห็นอะไรแปลก ๆ อยู่เป็นประจำจนเขาชิน แต่ที่เขาเจอมาในครั้งนี้ถือเป็นเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดมากที่สุด และมันเกิดขึ้นภายในโรงเรียนของเขา
นักเรียนชายเล่าว่า “เดิมทีผมเป็นเด็กที่ค่อนข้างเกเรและชอบทำผิดกฎระเบียบ ด้วยการแอบโดดเรียนไปหาที่นั่งหลบฝ่ายปกครอง แต่วันนั้นผมไปโรงเรียนเช้ากว่าปกติ ซึ่งเป็นเวลาประมาณตี 5 กว่า ๆ เกือบจะ 6 โมงเช้า ผมมักจะชอบไปช่วยยามปิดไฟและเปิดลิฟต์อยู่เป็นประจำ แล้วตัวเองก็อาศัยลิฟต์ไปชั้นบนสุด เพราะมีเรียนอยู่ที่ชั้นนั้นอยู่แล้ว
แต่พอเข้าไปในลิฟต์ ก็มีนักเรียนที่ไม่คุ้นหน้าตามเข้ามา เราสบตากันและต่างคนก็ต่างยิ้มให้ นักเรียนคนนั้นแต่งตัวเหมือนนักวิ่งหรือนักกีฬาโรงเรียน เนื้อตัวเปียกเต็มไปด้วยเหงื่อ และกลิ่นเหงื่อของเขาก็แรงมาก เขายืนข้างหลังผม ส่วนผมยืนที่แป้นกดลิฟต์ ผมก็กดลิฟต์ไปโดยไม่ได้สนใจอะไรเขา เพราะคิดว่าคงเป็นนักเรียนใหม่ แต่ในใจผมรู้สึกอึดอัดแบบแปลก ๆ ขณะอยู่ในลิฟต์กับเขา ผมก็เดินออกมา แต่หันกลับไปที่ลิฟต์มันว่างเปล่า ผมอยู่หน้าประตู เดินออกเป็นคนแรก ไม่มีทางที่เขาจะออกมาก่อนผมไปได้ นอกจากว่าเขาจะทะลุผนังออกไป น่าแปลกมากที่ทุกอย่างมันเหมือนจริงสุด ๆ
ผมไปถามยาม เขาก็ยิ้ม ๆ แล้วก็ตอบว่าสิบปีกว่าแล้วมั้ง ยังวิ่งอยู่อีกเหรอ ผมรู้ชื่อด้วยนะเขาคนนั้นชื่อพี่ตั้ม จนถึงวันนี้ผมยังจำหน้า กลิ่นเหงื่อ และแววตาของเขาได้ดีมาก ๆ เลยครับ”
2. ห้องน้ำหญิง ศูนย์รวมผี!
ห้องน้ำเป็นอะไรที่หลอนไม่แพ้กันเลย และเชื่อว่าทุกโรงเรียนต้องมีคนโดนผีหลอกขณะเข้าห้องน้ำกันถ้วนหน้า เรียกได้ว่าห้องน้ำนี่เหมือนเป็นจุดศูนย์รวมของผีดี ๆ นี่เอง อย่างเช่นเธอคนนี้
“เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่พบเจอบ่อยที่สุด เอาเป็นว่าพบเจอจนชินเลยก็ว่าได้ ตัวของดิฉันเองในช่วงมัธยมต้นจะเรียนอาคารนี้เป็นส่วนใหญ่ และซึ่งด้วยความที่อาคารนี้อยู่บริเวณส่วนหน้าของโรงเรียน เวลาทำธุระส่วนตัวก็จะมักเข้าห้องน้ำนี้ แต่สิ่งที่แปลกคือห้องน้ำนี้หากเราเข้าคนเดียวมักจะได้ยินเสียงเปิดน้ำเอง ทั้งที่ในห้องน้ำมีเราคนเดียวหรือในบางทีเปิดทิ้งไว้จนเราต้องเข้าไปปิดให้แบบงง ๆ บางทีก็มาในกลิ่นเหม็นเน่า ซึ่งประสบการณ์นี้เจอกันหลายคนเลยทีเดียว แต่ถ้ามีเพื่อน ๆ ไปด้วย มักจะไม่เจออะไร ราวกับว่าเขาจงใจที่จะแกล้งหลอกเรา”
3. ห้องของโบราณอาคารแนะแนว
เด็ก ๆ ก็มักจะชอบเล่นซนและอยากรู้อยากเห็นกันเป็นเรื่องปกติ จนบางครั้งก็เล่นเพลินเกินไปจนไปเจอดีเข้าให้
“ตอนนั้นดิฉันเป็นนักเรียนใหม่ชั้นม. 1 เรียนพระพุทธศาสนาที่อาคารนี้ โดยมีอาจารย์ผู้หญิงเป็นคนสอน ซึ่งขอเกริ่นเลยว่าดิฉันเป็นรุ่นสุดท้ายที่ได้เรียนห้องนี้ เพราะหลังจากที่ขึ้นม. 2 อาจารย์ท่านนี้ได้เกษียณพอดี ทำให้ห้องนี้ถูกปิดลงไม่มีใครได้เรียนอีก
เริ่มจากวิชานี้เป็นวิชาพระพุทธศาสนาเวลาเข้าเรียนก็จะมักนั่งสมาธิสวดมนต์ เดินจงกรมตามที่อาจารย์สอน ในห้องนี้มีของโบราณอยู่ด้วย อาทิ ดาบโบราณ ข้าวของเครื่องใช้ที่วางอยู่บนโต๊ะตั้งโชว์ โดยวางไว้อย่างนั้นไม่มีอะไรคลอบไว้เพื่อป้องกันของเสียหาย
อีกทั้งยังมีชุดไทยใส่หุ่นไว้ในตู้กระจกหันออก แต่หากอ้อมไปข้างหลังสามารถเอื้อมมือเข้าไปจับได้ ด้วยความที่เป็นเด็กซน อยากรู้อยากเห็น ตัวเองและเพื่อน ๆ จึงฝ่าฝืนคำสั่งของครู ตอนที่ท่านไม่อยู่ว่าห้ามจับสิ่งของ เราเดินไปจับเล่นหัวเราะคิกคัก จนกระทั่งครูกลับมา ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอกลับบ้านเท่านั้นแหละ นอนหลับฝันร้ายเห็นคนทำหน้าโกรธจัด ร่างสูงใหญ่ยืนชี้ดาบมา จนไข้ขึ้นไปโรงเรียนไม่ได้ ต้องไปหาหลวงพ่อ หลังจากเหตุการณ์นี้ก็ไม่กล้ายุ่งกับของเหล่านั้นอีกเลย”
4. ต้นไทรที่ตึกแฝด คืนโหยหวน
ลองคิดดูสิว่า ถ้าหากคุณเรียนอยู่ในโรงเรียนที่มีประวัติคนผูกคอตาย แล้วยังจำเป็นต้องเดินผ่านสถานที่นั้นอยู่เป็นประจำ คุณจะรู้สึกอย่างไร ? เรื่องนี้บอกเลยว่าใครไหวก็ไปก่อนเลย หลอนสุด ๆ
“เรื่องมันมีอยู่ว่า มีคู่แฝดอยู่คู่หนึ่ง แฝดน้องเป็นมะเร็ง ด้วยความที่แฝดพี่รักน้องมาก แฝดพี่ไม่อยากให้น้องตายเลยไปบนขอเจ้าที่หลังโรงเรียน ว่าถ้าน้องรอด จะให้ตัวเองตายแทนก็ยอม 3 วันผ่านไป แม่ก็ไปเปิดดูในไดอารี่ของแฝดพี่ แล้วแม่ก็รู้ว่าแฝดพี่ไปบนแบบนั้นมา แม่เลยไปด่าแฝดพี่อย่างหนัก เลยทำให้สองคนนี้ทะเลาะกัน
วันรุ่งขึ้น แฝดพี่ประสบอุบัติเหตุรถตู้คว่ำ ทุกคนในรถรอดหมดเลย มีแฝดพี่คนเดียวที่ตาย หลังจากนั้น พ่อแม่ของแฝดทั้งสองคนก็เกลียดแฝดน้องมาก แฝดน้องเลยไปอยู่กับป้า แต่พ่อกับแม่ของแฝดก็ชอบส่งข้อความมาด่าแฝดน้อง บางครั้งก็มาที่บ้านป้าของแฝด แล้วก็ทำร้ายแฝดน้องอย่างทรมาน จนกระทั่งวันหนึ่ง แฝดน้องเสียใจมาก แฝดน้องเลยคิดสั้น ฆ่าตัวตายที่ต้นไทรหลังโรงเรียน
แต่พ่อกับแม่ก็ยังเกลียดแฝดน้องอยู่ เขาเลยไม่จัดงานศพให้ แถมเอาศพของแฝดน้อง ไปฝังแบบสด ๆ ทุกวันนี้ตึกนั้นร้างไปแล้ว โรงเรียนผมเปลี่ยนมาใช้ตึกคอนกรีตแล้ว แต่ต้นไทรกับเชือกที่แฝดน้องฆ่าตัวตายก็ยังอยู่
วันกีฬาสีเป็นวันที่ต้องอยู่ทำพิธิปิด แล้วผมกับรุ่นพี่คนนั้นก็ต้องช่วยครูยกโต๊ะและข้าวของไปเก็บที่ตึกนั้นด้วย ตึกที่แฝดฆ่าตัวตาย แค่นั้นยังไม่พอ ผมต้องเดินผ่านต้นไทรต้นนั้น เชือกก็ยังอยู่เลย พอผมยกโต๊ะไปเก็บเสร็จแล้ว ตอนที่ผมเดินกลับ ดันได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กผู้ชาย ด้วยความกลัวจนขนหัวลุก ผมเลยวิ่งกลับไปที่สนามเหมือนเดิม”
5. โรงเรียนในตอนกลางคืน
เรื่องสุดท้ายเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุดจนอาจทำให้ฉี่แตกกันเลยทีเดียว เริ่มจาก…
“วันพรุ่งนี้เป็นวันวิชาการของโรงเรียนที่จะมีนักเรียนจากต่างโรงเรียนเข้ามาศึกษาดูงานและร่วมกิจกรรม ซึ่งทางกลุ่มแกนนำนักเรียนได้ตกลงกันว่าจะทำบ้านผีสิงวันสุดท้ายก่อนวันงานจริงทุกคนจะต้องมาช่วยกันทำฉากให้เสร็จ
ณ ตอนเวลานั้นเป็นเวลาประมาณเกือบเที่ยงคืน รู้สึกปวดฉี่เบา ๆ อยากเข้าห้องน้ำด้วยความที่อาคารปิดหมดแล้วและไม่มีคน แถมยังมืดจนน่ากลัว จึงชวนเพื่อนที่เป็นสาวประเภทสองไปเป็นเพื่อน เราก็เดินไปตามทางมืด ๆ เดินไปเรื่อย ๆ จนผ่านน้ำพุปลาทองใกล้จะถึงห้องน้ำ แล้วด้วยความที่มันมืดมาก และห้องน้ำเปิดไฟสลัว ๆ ทำให้พอมองเห็น แต่สิ่งที่เห็นทำให้ดิฉันและเพื่อนต้องหยุดชะงัก
เพราะเห็นมีนักเรียนน่าจะประมาณม. ต้น มองไม่ออกว่าผู้หญิงหรือผู้ชายเพราะใส่เสื้อฮู้ดแขนยาวคลุมหน้าไม่ใส่รองเท้า ไม่เห็นหน้า แต่เห็นเหมือนเป็นเงาดำแล้วเป็นเท้าเลย นั่งเกาะบนราวกำแพงอยู่อย่างงั้น ตอนนั้นก็คิดว่าเพื่อนต่างสาขาแกล้งเราหรือป่าว
แต่ในเวลานั้นมีแต่กลุ่มของดิฉันที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานต่อกลุ่มอื่นทะยอยกลับบ้านกันหมอดแล้ว เมื่อได้สติจึงได้เรียกเพื่อนเบา ๆ ว่าเห็นเหมือนกูไหม แต่ที่เราเห็นคือ เราเห็นว่าเพื่อนกำลังยืนตาค้างไม่พูดอะไร จนเรากับเพื่อนค่อย ๆ เดินถอยหลังแต่เพื่อนดันสติแตก กรีดร้องแล้ววิ่ง เราจึงวิ่งตาม แล้วจากนั้นเราได้ยินเสียงเหมือนอะไรบางอย่างดังตุบ เสียงดังจนเราต้องหันไปดู ปรากฏว่าเงานั้นกระโดดลงมาใส่เรา จนเราแทบอั้นฉี่ไม่ได้ เงานั้นมันวิ่งตามเรามาจนถึงหน้าโรงอาหารแล้วก็เงียบไป จนเราวิ่งมาถึงที่และเจอเพื่อนอยู่ในสภาพหน้าซีด เราเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อน ๆ คนอื่นฟัง แต่ทุกคนกลับอ้ำอึ้งไม่ยอมพูดอะไร เราจึงตัดสินใจว่าไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้วและขอออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เราเลยรีบปีนรั้วออกมาเพราะประตูโรงเรียนมันปิดไปแล้ว นี่เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เราไม่กล้าที่จะอยู่โรงเรียนจนถึงดึกอีกเลย”