เค้าว่ากันว่าสถานที่ทำงานอย่างในตึกออฟฟิศต่างๆ ก็มีเรื่องราวลี้ลับเยอะไม่แพ้กันกับสถานที่อื่นๆ และมักจะเกิดขึ้นกับผู้ที่ทำงานเลืกดึกกว่าคนอื่น หรือทำโอทีนี่ตัวดีเลย ใจไม่แข็งจริงไม่กล้าอยู่ทำเลยนะเนี่ย ต้องบอกก่อนว่าหากใครที่กำลังทำงานในออฟฟิศตอนดึกๆหรืออยู่คนเดียวไม่ควรอ่านเรื่องราวแบบนี้ เพราะอาจทำให้คุณหลอนได้ ไปดูกันว่าพนักงานทั้ง 4 ที่มาเล่าประสบการณ์ขนหัวลุกในที่ทำงานนั้น จะเจอมาในรูปแบบไหนกันบ้าง
1. รูบนเพดานห้องน้ำที่ออฟฟิศ
อันนี้น้องที่เข้าใหม่เล่าให้ฟัง น้อง ช เล่าว่า มีอยู่วันหนึ่งขณะเข้าห้องน้ำอยู่ นั่ง…อยู่ ก็มองโน่นมองนี่ ทีนี้มองไปทางเพดาน มันจะมีรู น้องเค้าก็สังเกตเห็น ลูกกะตาค่ะ กรอกไปกรอกมา ตาโตๆ น่ากลัวมาก มันก็รีบก้มหน้าเลย ยังขรี้ไม่เสร็จด้วย แต่ทำไงได้ กลัวก็กลัวเลยเสร็จก็ได้ แล้วรีบวิ่งออกมาตาลีตาเหลือกมาเล่าให้พวกเราฟัง ตอนแรกยังงงว่า เฮ้ยยย มีใครปีนไปอยู่บนเพดานแล้วแอบดูป่าว แต่น้องมันบอกว่า มันเป็นลูกกะตาใหญ่มากมีสีแดงๆด้วย เห็นชัดเจนเลย แล้วก็กรอกไปกรอกมาด้วย พวกเราที่พอรู้อยู่แล้วว่าห้องน้ำด้านหลังมันแปลก ๆ ก็เลยไม่ค่อยกล้าไปเท่าไหร่ จากตอนแรกไม่กล้า นี่ไม่กล้ากว่าเดิมอีก แล้วอีกไม่กี่วัน น้อง ช คนนั้นก็ลาออกไปเฉยเลยค่ะ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเพราะเค้าอยู่คนละแผนกกะเรา แต่เคยมีพี่ ญ เค้าก็เคยได้ยินเสียงกดชักโครกนะคะ เค้าก็เลยพูดว่าขอให้ถูกหวยดิ เดี๋ยวทำสังฆทานไปให้ ปรากฏว่า วันรุ่งขึ้นพี่เค้าถูกหวยจริงๆด้วย…. จบค่ะ แต่ว่า เห็นคนที่เคยอยู่ที่นี่มานานนมก็เคยเล่าเรื่องผีลิฟท์ให้ฟังด้วย (ทีนี่เค้าลือกันว่าเป็นโรงพยาบาลมาก่อนค่ะ)
– ตับแลบ
2. ผีถ้วยแก้วในที่ทำงาน
ก่อนอื่นต้องขอเตือนก่อนเลยว่า! เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงๆ อย่างได้ลองเล่นเด็ดขาด หากใจไม่แข็งจริง
ตอนเย็นวันนั้น หลังจากที่เลิกงานกันหมดแล้ว ทำให้แผนกงานของเราไม่ยอมกลับบ้านเพราะต้องการที่จะพิสูจน์ความจริง 1 เรื่อง นั่นก็คือโทรศัพท์มือถือหายจากบนโต๊ะทำงานในเวลาตอนเที่ยง เราใช้วิธีการสอบถามทุกคนที่อยู่ใกล้ๆกัน แต่ทุกคนก็ตอบว่าไม่เห็น ในออฟฟิศไม่มีกล้องวงจรปิดแต่อย่างใด จำเป็นที่พวกเราจะต้องพึ่งไสยศาสตร์เพียงอย่างเดียว วันรุ่งขึ้นเรานั่งล้อมวงกัน 5 คน เพื่อขอสิ่งศักสิทธ์ด้วยการเล่น “ผีถ้วยแก้ว” อุปกรณ์ในการเล่นเราได้เตรียมมาจนครบทุกอย่าง ครั้งพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว พวกเราเลยเข้าพิธีกรรมกัน เมื่อนำกระดาษมากางออก พร้อมถ้วย เราก็พนมมือเพื่อเรียกวิญญาณและสิ่งศักสิทธิ์ที่สิงสถิตย์อยู่ในบริเวณนั้น ให้มาช่วยเรา โดยบอกว่าจะถวายอาหารคาวหวานให้ แต่ขอให้ช่วยเรานำไปพบหรือสามารถรู้ได้ว่าโทรศัพท์นั้นบุคคลใดเป็นผู้เอาไป
พลบค่ำแล้ว เราก็เริ่มเข้าสู่กระบวนการ เมื่อลูกเต๋าที่อยู่ในถ้วยคว่ำลง และมือของพวกเราก็จับที่ก้นถ้วยพร้อมกับอธิฐานว่า “ขอให้ท่านเข้ามาสิงสถิตย์อยู่ในถ้วยนี้ได้แล้ว และนำพาเราไปบนกระดาษที่เราได้เตรียมมา หากว่าท่านเข้ามาแล้ว ช่วยส่งสัญญาณว่าลูกเต๋าจะเคลื่อนที่ได้” ไม่กี่อึดใจ ลูกเต๋าก็เริ่มเดินเขยิบไปตามที่เราพูด “คนที่ครอบครองโทรศัพท์ที่สูญหาย เป็นชายหรือหญิง?” ชาย ลูกเต๋าเคลื่อนไปพร้อมกับมือของพวกเรา “โทรศัพท์หายตอนช่วงไหน ?” เที่ยง ลูกเต๋าพร้อมมือของเราก็เคลื่อนไปตกอยู่ที่ประมาณเที่ยง “แล้วเราจะได้โทรศัพท์คืนหรือไม่? ” สักพักก็มีเสียงเอะอะดังขึ้นมา ปรากฎว่ารปภ. เข้ามาตรวจแล้ว ทำไงดี สักพัก พวกเราก็ปล่อยมือพร้อมกันหมด แต่ปรากฎว่าไอ้ลูกเต๋ามันยังเขย่าอยู่ แกร๊กๆ ๆๆ ๆ ของมันเองไม่ยอมหยุด คราวนี้พวกเรา 3ใน5 ก้ร้องออกมาอย่างไม่อายใคร “โอ้ยยยย ไปแล้วเว้ย” ส่วนผมกับเพื่อนอีก 1 คน ขาแข็งทำไรไม่ถูก เพราะลูกเต๋ามันยังกระดกอยู่ไม่ยอมหยุด แชะๆ เสียงเปิดไฟดังขึ้น ไฟเปิด พวกเรามองหน้ารปภ. และเรา2คน ก็บอกว่าพวกเรากำลังหาโทรศัพท์ที่หายอยู่ รปภ. มองหน้าและเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋า และรปภ.ก็ส่งมือถือมาให้เราพร้อมกับพูดว่า พอดีมีคนเก็บเครื่องนี้ได้ในห้องน้ำชั้นล่าง เครื่องนี้หรือเปล่า? ผมเลยบอกว่า คงเป็นของเพื่อนผม แต่ตอนนี้รอเวลาเช้าก่อนก็แล้วกัน ค่อยว่ากันอีกที เพราะป่านนี้เจ้าเพื่อนคนนั้นคงจับไข้หัวโกร๋นกันไปแล้ว สิ่งหนึ่งที่ผมกำลังจะบอกก็คือว่า หากคุณเลิกเล่น ผีถ้วยแก้วกลางคัน จะไม่ครบตามพิธีกรรมที่สมบูรณ์แบบ และอาจจะเกิดอาการช็อคได้ เพราะหลังจากเล่นเสร็จแล้วต้องทำพิธีอันเชิญผีถ้วยแก้ว ให้ออกจากถ้วยด้วยครับ
– Smilehand
3. เรื่องที่ยังสงสัยไม่เคยหาย
Source: Femalenetwork
เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับเพื่อนเราแต่เราก็อยู่แถวนั้นด้วย คือเพื่อนร่วมงานของเราเป็นฟิลิปปินส์ เค้าพูดไทยได้นิดหน่อย ืทำอยู่แผนก Export ซึ่งเรากับเค้าทำงานอยู่ชั้นเดียวกัน เป็นเพื่อนซี้กัน เข้างาน เลิกงาน กลับบ้านพร้อมกัน เพราะบ้านอยู่ไกล้กัน มีอยู่วันหนึ่งเพื่อนคนนี้ลืมโทรศัพท์ไว้ที่ลิ้นชักโต๊ะทำงาน พอมาอีกวันเค้าเช็คโทรศัพท์เค้า กลายเป็นว่าเค้าได้ผู้บริหารบริษัทมาเกือบครบ แล้วชื่อที่เมมลงมือถือนั้นเป็นภาษาไทยหมดเลย เพื่อนเราเป็นฟิลิปปินส์ที่อ่านไทยได้ แต่เค้าจะไม่พิมพ์อะไรบนมือถือด้วยภาษาไทย และบางรายชื่อเป็นชื่อผู้บริหารคนเก่าๆด้วย….
ทุกวันนี้ก็ยังงงเป็นปริศนาคาใจกันอยู่ เพราะลิ้นชักนั้นถูกล็อกด้วยกุญแจ แต่ข้อมูลในโทรศัพท์มือถือกลับถูกปรับเปลี่ยน
– คำสารภาพครั้งล่าสุด
4. จิตยังยึดติดกับที่ทำงาน
สมัยเริ่มทำงานใหม่ๆ ที่ทำงานผมจะกลับกันไม่เร็วกว่า 1 ทุ่ม ลักษณะของที่ทำงานจะมีพาร์ติชั่นกั้นพื้นที่ของแต่ละคน และชั้นที่ทำงานจะจำกัดสิทธิการเข้าออกเฉพาะคนที่อยู่บนชั้นนั้นเท่านั้น บ่อยครั้งที่ผมจะต้องกลับหลัง 1 ทุ่ม เป็นคนสุดท้าย จะได้ยินเสียงพิมพ์คีย์บอร์ด เหมือนมีคนกำลังทำงานอยู่ในคอกใกล้ๆ ครั้งแรกๆ ที่ได้ยินผมนึกว่าเจ้าของคอกยังทำงานอยู่ ผมเลยถามว่า” อ้าววว นึกว่ากลับไปแล้ว” ปรากฎว่าไม่มีเสียงตอบ ผมเลยตัดสินใจเดินไปดู ปรากฎว่าเจ้าของคอกกลับไปแล้ว ลองนั่งนิ่งๆสักพักก็มีเสียงคีย์บอร์ดดังขึ้นมาใหม่ และจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ผมทำงานอยู่คนเดียวบนชั้นนั้น และดังจากคอกเดิม
ยอมรับว่าแรกๆรู้สึกแปลกๆ เพราะต้องทำงานดึกๆ เลยกลายเป็นชินซะมากกว่า ถ้าวันไหนไม่ได้ยินเสียงจะรู้สึกแปลกแทน ฮ่าๆๆ โหหหห….แอดมินไม่ขอชินกับเรื่องแบบนี้ด้วยหรอกนะ น่ากลัว
และนี่ก้คือเรื่องเล่าสยองขวัญชวนขนหัวลุกในออฟฟิศ บอกเลยว่าเจอแบบนี้เป้นใครก็คงหลอน ไม่กล้าทำงานต่อ ถึงกับยอมที่จะโดนหัวหน้าด่าเลยก็ได้นะ เจอแบบนี้แอดมินขอเผ่นกลับบ้านให้ไวเลยค่ะ อยู่ไม่ไหวแล้ว ฟงไฟไม่ต้องปิดหรอก วิ่งให้เร็วค่ะ ฮ่าๆ