เป็นเรื่องราวที่ถูกแชร์อย่างแพร่กระจายและกำลังเป็นที่สนใจของโลกโซเชี่ยลอยู่ในขณะนี้ เมื่อเพจเฟชบุ๊ค ผมชื่อลูเตอร์ ที่เป็นเรื่องราวของ น้องทราย สาวตาบอดกับ ลูเตอร์ สุนัขนำทางของเธอ ซึ่งเดินทางไปด้วยกันมาแล้วถึงหลายๆประเทศ และไม่เคยมีปัญหาใดๆ แต่เมื่อพอน้องทรายและลูเตอร์ได้กลับมาอยู่ประเทศไทย กลับมีปัญหาถูกทุกที่กีดกันไม่ให้เข้าถึง แค่เพียงเพราะเธอมีสุนัขนำทางมาด้วย พร้อมเรียกร้องสิทธิของคนตาบอดให้ได้ใช้สุนัขนำทาง เข้าถึงสถานที่และบริการต่างๆได้อย่างเท่าเทียม
และได้มีเฟชบุ๊คของ Samira Kanoil Sankla ออกมาเปิดเผย โดยโพตส์ผ่านเฟชบุ๊คดังกล่างว่า “โลกโซเชียลกำลังให้ความสนใจกับเรื่องราวชีวิตของน้องทราย สาวตาบอด กับสุนัขนำทางของเธอ เจ้าลูเต้อร์ สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ สีดำ น้องทรายสูญเสียการมองเห็นตั้งแต่อายุ 13 ปี เนื่องจากเนื้องอกในสมอง คุณพ่อได้ส่งเธอไปเรียนและฝึกใช้ชีวิตแบบคนตาบอดที่นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา หลังเรียนจบเธอกลับมาพร้อมลูเต้อร์ สุนัขนำทางที่ถูกฝึกมาเป็นอย่างดี ทั้งคู่เดินทางไปที่ต่างๆ ด้วยกันเสมอ”
ประวัติของหญิงสาวคนนี้ชื่อว่า น.ส.คีริน เตชะวงศ์ธรรม เป็นเจ้าของสุนัขที่ชื่อ “ลูเต้อร์” ทรายเป็นผู้พิการทางสายตาที่เพิ่งจบปริญญาตรีด้านจิตวิทยาจาก Hendrix College ในสหรัฐอเมริกา สูญเสียการมองเห็นตอนอายุ 13 ปี เนื่องจากโรคเนื้องอกในสมอง เมื่อประมาณสองปีที่แล้ว ทรายได้รับลูเต้อร์จากโรงเรียนฝึกสุนัขนำทางในรัฐนิวยอร์ค ชื่อ Guiding Eyes for the Blind ลูเต้อร์เป็นสุนัขนำทางและสัตว์เลี้ยงตัวแรกของทราย หลังจากได้ลูเต้อร์มา ทรายและลูเตอร์จึงได้เดินทางไปที่ต่างๆ ด้วยกัน หลังจากจบมหาวิทยาลัย ทรายพาลูเต้อร์กลับเมืองไทย แต่ต้องพบกับอุปสรรคหลายอย่างในการนำลูเต้อร์ไปในสถานที่ต่างๆ เนื่องจากประเทศไทยไม่มีสุนัขนำทาง และคนไทยส่วนมากไม่รู้จักว่าสุนัขนำทางคืออะไร ด้วยเหตุนี้เธอจึงสร้างหน้าเฟสบุ๊คแฟนเพจ ผมชื่อลูเต้อร์ ขึ้นเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อบอกเล่าเรื่องราวและประสบการณ์ของเธอกับลูเต้อร์ และเป็นการสร้างความคุ้นเคยเกี่ยวกับสุนัขนำทางในประเทศไทย
เพจดังกล่าวมีการเผยแพร่เรื่องราวของทั้งคู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเริ่มมีชาวเน็ตติดตามมากขึ้น และส่งกำลังใจให้ทั้งคู่อย่างล้นหลาม โดยภาพที่น่าเอ็นดูอย่างมากเป็นภาพที่ ลูเต้อร์ นั่งหงอยอยู่บนชิงช้า แววตาดูเศร้าหมอง พร้อมคำบรรยายแทนใจว่า…..
“ไปมาก็หลายที่ หลายเมือง หลายประเทศ
มาถึงเมืองไทยที่เขาว่าคนใจ
กลับเมกาดีไม๊เนี่ย
I’ve been so many places in my life and time…but here in this Land of Smiles, they block me left and right. However hard we explain, they don’t seem to hear.
Maybe I should go back to Merica…
——————-
บรรยายภาพ: ลูเต้อร์หมอบบนชิงช้า แดดส่องหน้าเศร้าๆ
Luther on the garden swing, looking sad.“
ทั้งนี้ น้องทรายก็ได้มีการแชร์จดหมายถึงผู้บริหารองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนทุกแห่งในประเทศไทย ให้ทำความเข้าใจเครื่องมือสำหรับคนตาบอดที่เรียกว่า สุนัขนำทาง เพื่อเปิดสถานที่และให้บริการพวกเขา โปรดอย่ากีดกันคนตาบอดที่อาศัยสุนัขนำทาง ซึ่งก็มีชาวเน็ตช่วยแชร์จดหมายดังกล่าวเป็นจำนวนมาก
โดยทรายและครอบครัวบอกว่า พวกเขาเข้าใจใน “ความไม่เข้าใจ” ของคนส่วนใหญ่ในสังคม รวมทั้งห้างร้านและเจ้าของสถานที่ต่าง ๆ ที่กังวลว่าสุนัขอาจไปสร้างความเสียหาย ก่อความรำคาญให้คนที่ไม่ชอบสุนัข หรืออาจทำให้คนเข้าใจผิดคิดว่าสามารถนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาในสถานที่นั้น ๆ ได้ เพราะในเมืองไทยไม่ค่อยมีใครใช้สุนัขนำทาง ทรายและลูเต้อร์จึงขออาสาเป็นจุดเริ่มต้นให้คนในสังคมรู้จักและเข้าใจสุนัขนำทาง คนตาบอด รวมถึงผู้พิการคนอื่น ๆ อยากให้ได้รู้เกี่ยวกับสุนัขนำทางกับผู้พิการทางสายตา ดังนี้
1. สุนัขนำทางไม่ใช่สัตว์เลี้ยง
2. สิทธิตามกฎหมายของผู้พิการ
3. สุนัขนำทางได้รับการฝึกมาอย่างดี อึ-ฉี่ ไม่มีปัญหา
4. แม้จะดูเหมือนนอน แต่สุนัขนำทางก็อยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่
5. สี่ตีนยังรู้พลาด ลูเต้อร์ก็เป็นสุนัขตัวหนึ่ง ไม่ได้เป็นหุ่นยนต์ หมายความว่าเขาทำความผิดพลาดได้
6. สุนัขนำทางไม่ใช่จีพีเอส
7. สุนัขนำทางไม่ได้ถูกบังคับให้ทำงาน
8. อย่าคิดและตัดสินใจแทนคนพิการ
9. คนพิการสามารถใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้อย่างเป็นอิสระ
คนตาบอดที่ใช้สุนัขนำทาง เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าคนพิการสามารถใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้อย่างเป็นอิสระ ขอเพียงแค่มีสิ่งช่วยเหลือที่ถูกต้องและมีสังคมที่ให้โอกาสเขาได้ใช้ชีวิตด้วยตัวเอง