อย่างที่ทุกคนๆทราบกันดีถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ทุกประเทศต่างก็ประสบปัญหาไม่ต่างกัน มากน้อยแล้วแต่สถานการณ์ในแต่ละประเทศ และเนื่องด้วยมาตรการ การปิดสนามบินอีกด้วย ทำให้นักท่องเที่ยวกลับบ้านไม่ได้ พอติดนานๆเข้า เงินก็มีไม่พอที่จะเปิดโรงแรมหรือห้องนอน จึงต้องอาศัยนอนที่สนามบิน อย่างเช่นชายหนุ่มชาวในจีเรียคนนี้
ชีวิตหนุ่มไนจีเรียคล้ายหนังดัง “THE TERMINAL” ที่เเสดงนำโดย ทอม แฮงส์ โดยหนุ่มไนจีเรียรายนี้ ต้องมาติดในสนามบินประเทศไทย เข้าเดือนที่ 3 ชาวเน็ตต่างแชร์แสดงความเห็นใจ ภาวนาให้สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกคลี่คลายลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อวันที่ 15 พ.ค. เฟซบุ๊ก “Rasta JarGae” ได้เผยเรื่องราวของหนุ่มจีเรีย ซึ่งชีวิตคล้ายภาพยนตร์ชื่อดัง “THE TERMINAL” ที่แสดงนำโดย ทอม แฮงส์ ซึ่งเกิดขึ้นที่สนามบิน ประเทศไทย เนื่องมาจากปัญหาที่เกี่ยวกับสถานการณ์ของโควิด-19 โดยเผยรายละเอียดว่า “ผู้โดยสารชาวไนจีเรียที่ต้องติดอยู่ในสนามบิน ตอนนี้จะเข้าเดือนที่ 3 เเล้วที่เค้าไม่ได้กลับบ้าน ออกจากสนามบินก็ไม่ได้ ไปไหนก็ไม่ได้ เพราะเนื่องด้วยยังเกิดปัญหาที่ประเทศเค้ายังคงล็อกดาวน์ ซึ่งวีซ่าเข้าไทยก็ไม่มี เพราะเป็นผู้โดยสารทรานซิสที่มาสนามบินนี้ เพื่อมาต่อเครื่องเท่านั้น แต่เกิดการล็อกดาวน์ประเทศซะก่อน เลยต้องติดอยู่ในสนามบิน คือมันเป็นปัญหาที่ใครก็คาดไม่ถึง และถ้านึกถึงถ้าเป็นตัวเราก็คงแย่เหมือนกัน เพราะสถานการณ์ก็ไม่รู้ว่าจะคลี่คลายตอนไหน จะ 3 เดือน 6 เดือน หรืออาจจะนานกว่านั้น
แต่ก็ถือว่าโชคดีในโชคร้ายที่มาติดอยู่ที่สนามบินไทยนะ เพราะคนไทยใจดีมาก ถ้าเป็นประเทศอื่นเราไม่แน่ใจว่าเจ้าบ้านจะดูแลเราดีแบบนี้หรือเปล่า มีคนคอยเอาข้าวเอาน้ำไปให้ เครื่องนุ่งห่ม เสื้อผ้าให้เปลี่ยน รวมไปถึงการไปเผยแพร่วัฒนธรรมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นางบอกคนไทยนี่ใจดีมากนะ น่ารักและเฟรนลี่ด้วย แต่นางแอบรีเควสมาว่าถ้าใครจะซื้ออาหารไปฝาก จะดีมากๆ ถ้าเป็นข้าวกับเนื้อสัตว์ เพราะบางทีอาหารไทยที่เรากินกันทุกวัน ค่อนข้างจะไม่ถูกปากเท่าไหร่ มาม่าขอพักก่อนเลย ตอนนี้ตัวบวมโซเดียมเเล้ว
สุดท้ายก็ต้องให้ขวัญเเละกำลังใจ ให้อดทน ภาวนาให้สถานการณ์เลวร้ายนี้ผ่านไปเร็วๆ และเค้าจะได้กลับบ้านไปสักที เพราะเค้าคิดถึงบ้านจะเเย่เเล้ว สู้ สู้แหละพวกเราจะรอดไปด้วยกันทั้งโลก”
ทั้งนี้ โพสต์ดังกล่าวมีชาวเน็ตเข้าแสดงความเห็นใจและแชร์เรื่องราวของชายหนุ่มออกไปมากมาย โดยระบุว่า น่าเห็นใจมาก ที่ต้องมาติดอยู่ในสนามบินไม่ต่างกับถูกขัง โดยโพสต์นี้มียอดกดไลก์กว่าหลายพันครั้ง และแชร์ไปกว่า 600 ครั้งด้วยกัน