ถือเป็นเรื่องราวอุทาหรณ์เตือนใจที่ผู้ปกครองทุกคนควรระมัดระวังกับลูกหลานเป็นอย่างมาก นักเรียนหญิง ม. 2 เกือบเสียชีวิตด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หลังรวมกลุ่มกับเพื่อนเรียนออนไลน์ที่บ้าน เกิดอยากรู้อยากทดลอง จึงได้นำยาแก้ปวดทรามาดอล หรือ “ยาเสียสาว” มากินกับน้ำอัดลม
เมื่อวันที่ 8 ส.ค. 2564 ไทยรัฐรายงาน มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ภาพและข้อความว่า “เตือนภัยวัยรุ่นเกือบเสียลูกสาวไปก็เพราะยานี้ พ่อพูดไม่ออกได้แต่น้ำตาตกใน ดีที่มา รพ. ทัน ยานี้กำลังระบาดในหมู่วัยรุ่น”
ก่อนผู้โพสต์จะเปิดเผยข้อมูลกับทางผู้สื่อข่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อประมาณช่วงบ่ายวันที่ 5 ส.ค. 2564 ที่ผ่านมา ลูกสาววัย 14 ปี ได้ชวนเพื่อนประมาณ 3-4 คน มาเรียนออนไลน์ด้วยกันที่บ้านพัก กระทั่งช่วงเย็นก็ต่างพากันแยกย้ายกันกลับบ้าน แต่หลังจากนั้นเวลาประมาณ 18:00 น. จู่ ๆ ลูกสาวมีอาการเหม่อลอย และช็อกตาตั้งล้มทั้งยืน หมดสติ ก่อนจะชักเกร็งและตัวเขียวเป็นเวลาประมาณ 1 นาที ซึ่งพอตั้งสติได้จึงรีบนำตัวลูกสาวส่งโรงพยาบาล พอไปถึงแพทย์เร่งนำเข้าห้องฉุกเฉินใส่เครื่องช่วยหายใจ
จากนั้นแพทย์สอบถามอาการและพบว่า ระหว่างที่ลูกสาวและเพื่อน ๆ กำลังพากันเรียนออนไลน์อยู่ ได้รวมเงินสั่งซื้อยา ที่ทราบทีหลังว่าเป็นยา “ทรามาดอล” หรือ “ยาเขียวเหลือง” ซึ่งเป็นยาแก้ปวดชนิดรุนแรงมาก ลูกสาวกินไปมีอาการช็อกเกือบเอาชีวิตไม่รอด โชคดีที่นำส่งโรงพยาบาล แพทย์รักษาทัน และขณะนี้พ้นขีดอันตราย แต่ก็ยังต้องพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล โดยให้ยาฆ่าเชื้อ
หลังจากที่มีการแชร์ภาพและข้อความดังกล่าวออกไป ชาวเน็ตต่างก็ตั้งข้อสงสัยกันว่าลูกสาวผู้โพสต์เกือบเสียชีวิตด้วยสาเหตุใด และยาที่กำลังแพร่ระบาดในกลุ่มวัยรุ่นนั้นคือยาอะไร
ทางพ่อได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า เพื่อนลูกสาวบอกว่ายานี้สามารถหาซื้อได้ทางไลน์หรือเฟซบุ๊ก มีกลุ่มวัยรุ่นนำมาจำหน่าย ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ อ. เขาวง จ. กาฬสินธุ์ และพื้นที่ใกล้เคียง อยากฝากถึงผู้ปกครองให้ช่วยเป็นหูเป็นตาสอดส่องพฤติกรรมบุตรหลานเยาวชน และฝากเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง เข้มงวดกวดขันปราบปรามอย่างเร่งด่วน
นพ. อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า “ยาทรามาดอล” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ยาเสียสาว” จัดเป็นยาอันตราย ที่กำหนดให้จำหน่ายในร้านขายยาแผนปัจจุบันที่ได้รับอนุญาตเพียงเท่านั้น และต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์ และจ่ายในปริมาณที่เหมาะสมไม่เกิน 20 เม็ดต่อครั้ง ห้ามจำหน่ายให้แก่เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 17 ปี เพื่อป้องกันการนำยาไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ เพราะยานี้ออกฤทธิ์เหมือนมอร์ฟีน เป็นยาที่กลุ่มวัยรุ่นนิยมนำมาผสมเครื่องดื่มต่าง ๆ โดยเฉพาะผสมกับยาแก้ไอและน้ำอัดลม หากรับประทานเข้าไปจะทำให้เกิดอาการเคลิบเคลิ้ม เหม่อลอย ไม่รู้เรื่อง ไม่มีสติ หากรับประทานในปริมาณมาก อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ ขณะนี้ได้กลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง
พร้อมฝากเตือนผู้ปกครองดูแลบุตรหลาน และก่อนซื้อไปรับประทานให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อย่าซื้อมารับประทานเอง และอย่าใช้ยาผิดประเภท เพราะอาจจะเกิดอันตรายต่อสุขภาพได้
ที่มาข่าว ไทยรัฐ