การ “ทำเล็บ” ช่วยเพิ่มความสวยงามบนนิ้วมือและเท้าของเราให้น่ามองได้ แต่ก็มีภัยเงียบที่มาพร้อมกับการเสริมสวยนี้ด้วย นั่นก็คือ “โรคมะเร็งผิวหนัง” จะเป็นไปได้อย่างไรกัน? ไปหาคำตอบพร้อม ๆ กับ The Joi กันเลย!
แม้ว่าการทำเล็บเจลจะสวยงามและติดทนนาน แต่ก็ข้อเสียเช่นเดียวกับการทำเล็บแบบธรรมดา คือทำให้หน้าเล็บเปราะบาง, ลอก และแตกได้ และการทำเล็บเจลซ้ำ ๆ ก็มีภัยอันตรายที่เพื่อน ๆ หนุ่มสาวชาวเล็บเจลนึกไม่ถึงก็คือ เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งผิวหนังและผิวหนังที่มือเหี่ยวก่อนวัยอันควร
และความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งผิวหนังที่มือจากการทำเล็บเจล ก็ไม่ได้มาจากการทาสีเล็บเจลลงบนหน้าเล็บหรอกนะ แต่เป็นตอนที่เพื่อน ๆ เอามือเข้าไปในเครื่องอบเล็บเจล เพื่อให้ “แสงยูวี (UV) หรือแสงอัลตราไวโอเล็ต” ทำให้สีเล็บอันสวยงามบนนิ้วของเราแห้งสนิทต่างหาก ซึ่งแสงชนิดนี้จะทำให้เซลล์บนมือของเราตาย และเกิดการกลายพันธุ์นำไปสู่ “โรคมะเร็งผิวหนัง”
โดยเรื่องนี้มีการศึกษาวิจัยรับรองว่า เป็นเรื่องจริง! เป็นผลงานวิจัยของ “มาเรีย จีวากุย (Maria Zhivagui)” จากคณะ จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ในเมืองแซนดิเอโกของสหรัฐฯ เธอพบว่า การฉายแสงยูวีในช่วงความยาวคลื่น 340-395 นาโนเมตร แค่ครั้งละ 20 นาที สามารถทำให้เซลล์ตายได้ราว 20-30% ของเซลล์ทั้งหมด และหากฉายแสง 3 ครั้งติดต่อกัน เซลล์สามารถตายได้มากถึง 65-70% อีกทั้ง ยังพบว่า ดีเอ็นเอของเซลล์ที่ยังอยู่รอดมีการกลายพันธุ์เกิดขึ้นในแบบเดียวกับที่พบในเซลล์มะเร็งของมนุษย์ด้วย
แต่หากเพื่อน ๆ คนรักสวยรักงาม ขาดการทำเล็บเจลไม่ได้จริง ๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลทางด้านจิตใจหรือเพราะเป็นเล็บงาม ๆ เป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน เช่น อาชีพคนขายของออนไลน์ที่ต้องถือของไลฟ์สดโชว์ให้ลูกค้าดูหน้ากล้องตลอดเวลา หรือต้องออกงานอีเวนต์สีเล็บมันก็ต้องแมตช์กับชุดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นต้น The Joi ก็มีคำแนะนำจากแพทย์ผิวหนังมาฝากเพื่อน ๆ ที่จะทำให้เล็บและผิวหนังบนมือของทุกคนแข็งแรงทั้งก่อน, ระหว่าง และหลังการทำเล็บเจล
1. สอบถามช่างทำเล็บของเพื่อน ๆ ว่า เครื่องมือได้รับการฆ่าเชื้อหรือไม่? และมองไปรอบ ๆ ร้าน เพื่อให้แน่ใจว่าเขาหรือเธอกำลังทำความสะอาดและฆ่าเชื้อเครื่องมือ หลังจากให้บริการลูกค้าทุกคน นอกจากนี้ ห้ามให้ช่างทำเล็บดันหรือตัดหนังกำพร้า เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อได้
2. อาจทำเล็บแบบปกติ คือทาสีเล็บธรรมดาที่อาจแห้งช้า แต่ความสวยงามใกล้เคียงกัน
3. ทาครีมกันแดดที่มือก่อนทำเล็บเจลเสมอ โดยให้เลือกทาครีมกันแดดแบบกันน้ำที่มีค่า SPF30 ขึ้นไป เพื่อป้องกันมะเร็งผิวหนังและผิวหนังแก่ก่อนวัย หรือสวมถุงมือทึบแสงสีเข้มโดยตัดปลายนิ้วออกก่อนที่จะทาเล็บ
4. อย่าพยายามงัดหรือแงะสีเล็บเจล เมื่อมันเริ่มหลุดออกจากหน้าเล็บ แต่ให้นัดหมายกับช่างทำเล็บ เพื่อใช้น้ำยาเฉพาะในการลบสีเล็บออก
5. แช่ปลายนิ้วของคุณในอะซิโตนเท่านั้น เมื่อต้องการลบสีเล็บเจลนั้นออก เพื่อปกป้องผิวหนังรอบนิ้วมือ หลังจากผ่านไปประมาณ 15 นาที ยาทาเล็บควรหลุดออกทันที
หากเพื่อน ๆ ลบสีเล็บเจลและต้องการพักจากการทำเล็บอย่างต่อเนื่อง ก็มีขั้นตอนการดูแลหน้าเล็บจากแพทย์ผิวหนังดังนี้เลย
1. งดทำเล็บทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะทาสีธรรมดาหรือสีเจลเป็นระยะเวลา 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้เล็บของเพื่อน ๆ มีเวลาซ่อมแซมตัวเอง
2. เติมความชุ่มชื้นให้กับเล็บของตัวเอง ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงเล็บอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยลดความเปราะบางและป้องกันไม่ให้เล็บบิ่น
รู้วิธีปกป้องมือของเราให้ห่างไกลจากโรคมะเร็งผิวหนังที่มากับแสงยูวีขณะอบเล็บเจลกันแล้ว ก็อย่าลืมนำไปปฏิบัติกันล่ะ!
ที่มาข้อมูล: Aad.org และ Health Harvard
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: ไม่อยากผมบางต้องรู้! รวบผมตึงเกินไป ทำให้ “หัวเถิก-หัวล้าน” !?
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: ไม่มีกีวี่ก็ใช้ “ถุงยางอนามัยขัดรองเท้า” ได้สะอาดและมันวาวเหมือนกัน (จริงเหรอ?)
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: เริ่มเลอ! แพทย์เผยผลวิจัยจากสหรัฐฯ มีเซ็กส์ 21 ครั้งต่อเดือน ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก!