คนเราหลายๆคนมักจะคิดว่าความมั่งคั่งร่ำรวยนั้นคือความสุข ยิ่งมีเงินมากมายยิ่งมีคนเคารพนับถือมากขึ้น (มีเงินก็นับเป็นพี่!) อย่างไรก็ตามแพทย์ผู้ป่วยโรคมะเร็งคนนี้นั้นมีความเชื่อที่แต่งต่างกัน
Asia one ได้เขียนว่าดร. ริชาร์ด เตียว เคน เซียง ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม ที่ร่ำรวยและมีทุกอย่าง จากเงินหลายล้านเหรียญไปจนถึงรถสปอร์ตคาร์หรูๆ ชายผู้นี้นั้นกำลังใช้ชีวิตในความฝันของใครหลายๆคน
อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้ไม่ได้สำคัญอะไรอีกต่อไปเมื่อเขาได้รับการวินิจฉัยว่าเขาป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้ายในวันที่ 11 มีนาคม 2555- เชืัอมะเร็งเกิดจาก“ สมองของเขาลามไปยังกระดูกสันหลังและมีเนื้องอกในปอดของเขา” แน่นอนข่าวนี้สร้างความเจ็บปวดทั้งดร. ริชาร์ดและภรรยาของเขาในขณะที่เขารู้ว่าเวลาของเขาบนโลกนี้นั้นกำลังถูกนับถอยหลัง
นางเตียวภรรยาของเขากล่าวว่าดร. ริชาร์ด เขาต้องนอนร้องไห้จนหลับไปเพราะความเจ็บปวดที่เขาต้องอดทนทั้งทางร่างกายและจิตใจแพทย์-ผู้เปลี่ยนจากจักษุวิทยาไปเป็นสุนทรียภาพเพื่อหารายได้ที่ดีกว่า เห็นว่าแม้กองเงินที่มากมายของเขา ยังคงไม่สามารถช่วยเขาเอาชนะสถานการณ์ที่ร้ายแรงนี้ได้
ในเบื้องต้นเขาปฏิเสธที่จะยอมรับความเป็นจริงของเขา ดร. ริชาร์ดที่ใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยอยู่กับสังคมเหล่าคนดัง
Source: Daily Buzz
“(ทุก ๆ ปี) วันตรุษจีน…ฉันจะขับรถเฟอร์รารี่ (ไป)เพื่อที่จะอวดญาติและเพื่อน ๆ ของฉัน (ฉัน)
และคุณคิดว่านั่นเป็นความสุขที่แท้จริง? ในความเป็นจริงสิ่งที่คุณได้ทำไป เพียงเพื่อความอิจฉาริษยาและแม้แต่ความเกลียดชัง”
“บนเตียงมรณะของฉัน ฉันไม่พบความสุขใดๆในสิ่งที่ฉันมี เฟอร์รารี่ของฉันนึกถึงดินแดนที่ฉันกำลังจะซื้อเพื่อสร้างบังกะโลของฉันและมีธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ”
เขาบอกว่ามันเป็น“เสียงภายใน”ที่กระตุ้นให้เขาคิดทบทวนเรื่องความสุขของเขาและก่อนที่เขาจะจากโลกนี้ไป ดร.ริชาร์ดได้ปฏิรูปแนวคิดเรื่องความสุข
และพูดต่อ
“ทุกสิ่งเหล่านี้ที่ฉันมี ความสำเร็จ ถ้วยรางวัล รถยนต์ บ้านของฉันและทุกๆอย่าง ฉันคิดว่าพวกเขาจะนำพาความสุขมาให้ฉัน
แต่ด้วยความคิดทั้งหมดของการครอบครองพวกเขาไม่ได้ทำให้ฉันมีความสุข ฉันกอดเฟอร์รารีไปนอนด้วยไม่ได้…ไม่ และมันจะไม่เกิดขึ้น”
“สิ่งที่ทำให้ฉันมีความสุขในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาคือการมีสัมพันธ์กับคนที่ฉันรัก เพื่อนๆคนที่ดูแลฉันอย่างแท้จริง พวกเขาหัวเราะและร้องไห้ไปกับฉัน และพวกเขาสามารถบอกความเจ็บปวด (และ)ความทุกข์ทรมานที่ฉันกำลังประสบอยู่”
เขาเสริมว่าในช่วงเวลาที่เขาอยู่ในแผนกมะเร็งเขาเห็นคนที่เป็นมะเร็งตายทุกวัน แต่เขาไม่สามารถเอาใจใส่ผู้ป่วยได้ อย่างไรก็ตามหลังจากตัวเขาเองกลายเป็นผู้ป่วยมะเร็งในที่สุดดังนั้นเขาจึงได้เรียนรู้ความเห็นอกเห็นใจที่เขาควรจะได้รับในขณะที่เขาเป็นหมอสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง ดร. ริชาร์ดกล่าว
“ฉันกลายมาเป็นผู้ป่วยเสียเอง ตอนนี้ฉันเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ และถ้าคุณจะถามฉันว่าฉันจะเปลี่ยนไปเป็นแพทย์อีกคนที่แตกต่างไปจากนี้หรือเปล่าถ้าฉันกลับมีชีวิตอีกครั้ง ฉันตอบได้เลยว่าใช่ ฉันจะเปลี่ยนไปแน่นอน เพราะฉันรู้แล้วว่าผู้ป่วยเหล่านั้นรู้สึกอย่างไร และบางทีเราก็ควรจะเรียนรู้สิ่งนี้จากของจริง”
ลองกลับไปคิดดูนะครับไม่ว่าคุณจะเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือทันตแพทย์ ลองสัมผัสถึงผู้คนเหล่านั้นผู้ซึ่งต้องการคุณไม่ว่าอะไรที่คุณทำลงไปจะสร้างความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่กับพวกเขา สำหรับฉันตอนนี้ใกล้จะถึงฉากสุดท้าย ฉันรู้ดีว่ามันเป็นอย่างไรคนที่เป็นห่วงเป็นใยฉัน ให้กำลังใจฉัน ได้สร้างความแตกต่างอย่างมากในตัวฉัน
และยังพูดอีก
การเป็นคนร่ำรวย หรือมั่งคั่ง ไม่ใช่เรื่องที่ผิด เพราะมันเป็นพระพรมาจากพระเจ้า แต่ปัญหาของมันก็คือ คนส่วนใหญ่มักจะไม่สามารถควบคุมมันได้ ยิ่งเรามีมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งอยากได้มากขึ้นอีก ฉันผ่านเรื่องนี้มาแล้ว ยิ่งเราขุดหลุมลึกเท่าไหร่ เราก็ยิ่งจมลงไปในหลุมมากขึ้นเท่านั้น มากจนเราไปกราบไหว้บูชาความมั่งคั่ง ยิ่งกว่ากราบนมัสการพระเจ้า เพราะมันเป็นสัญชาติญาณของมนุษย์ที่ยากจะแก้ได้
ในที่สุดดร. ริชาร์ดก็ได้ข้อสรุปเมื่อฉันต้องเผชิญหน้ากับความตาย ฉันได้ลอกคราบตัวเองออกทั้งหมด เหลือไว้เพียงสิ่งที่สำคัญที่สุดเท่านั้น ที่น่าขำก็คือ เมื่อเราเรียนรู้ว่าเราจะตายอย่างไรนั่นแหละเราถึงจะเรียนรู้ว่าเราจะมีชีวิตอย่างไร ฉันรู้ว่ามันออกจะเคร่งเครียดไปหน่อยสำหรับเช้าวันนี้ แต่นั่นคือความจริง นี่คือสิ่งที่ฉันได้ประสบมา
Source: C money
แม้ว่าดร. ริชาร์ดจะเสียชีวิตในปี 2555 ภรรยาของเขาภูมิใจในตัวเขามากๆเธอบอกว่า“เขาต้องการให้หมอยุคใหม่เปลี่ยนความคิด” เขาต้องการให้พวกเขารักษาและดูแลผู้ป่วยในฐานะมนุษย์และทำงานด้วยความจริงใจจบบันทึกของคุณหมอ!
ดร.ริชาร์ดได้ให้คำแนะนำที่ดีมากๆไว้ ซึ่งเราทุกคนควรนำไปใช้กับชีวิตประจำวันของเรา ในบันทึกย่อนั้นเราหวังว่า คุณหมอรีชาร์ด เตียวจะพบความสงบสุขในชีวิตหลังความตายและเราหวังว่าคำแนะนำของเขาจะเป็นประโยชน์กับทุกคน