ทำไมประเทศไทยเรา ถึงเป็นเมืองที่บรรดาฝรั่งหรือนักท่องเที่ยวมักจะชอบมาเที่ยวกันนักนะ? คำตอบคือ เป็นเพราะอาหารและสินค้าส่วนใหญ่ในบ้านเราราคาถูก เมื่อเทียบกับค่าครองชีพประเทศเค้า และสภาพอากาศอากาศอบอุ่นตลอดปี อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติทั้ง ภูเขา ป่าไม้ น้ำตก ทะเล เมืองหลวงอย่างกรุงเทพ ถือเป็นหนึ่งในเมืองหลวงที่มีความเจริญอันดับต้นๆของภูมิภาค มีทั้งห้างสรรพสินค้าชั้นนำและแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย ร้านและโรงแรมส่วนใหญ่ให้บริการกับชาวต่างชาติอย่างเป็นมิตร ยิ่งแพงๆก็ยิ่งปรนนิบัติราวกับพระเจ้า ข้าวสาร นานา พัทยา ภูเก็ต หัวหิน ฯลฯ แหล่งบันเทิงของชาวต่างชาติยามค่ำคืน
เช่นเดียวกับหนุ่มฝรั่งคนนี้ที่เขามาเที่ยวประเทศไทยเป็นครั้งแรกและมันก็เป็นประสบการณ์ที่เขาจะจำไปตลอดชีวิต!
หนุ่มฝรั่งได้ออกมาแชร์เรื่องราวของเขาในเว็ปใซต์ Guora โดยตอบกลับในหัวข้อที่ว่า “ประสบการณ์การท่องเที่ยวที่น่ากลัวที่สุดของคุณคืออะไร?” โดยเขาเล่าว่า
“ผมอายุ 21 ปี เดินทางท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พอผมมาถึงกรุงเทพฯและกำลังดื่มอยู่ที่ตรอกข้าวสารกับกลุ่มนาวิกโยธินสหรัฐ(แต่ผมไม่ใช่นาวิกโยธินนะ) สักพักหนึ่งผมก็ได้มารู้จักกับชายหนุ่มแคนาดาคนหนึ่ง ซึ่งเขาเป็นคนที่แนะนำให้พวกเราไปต่อที่คลับ และพวกเราก็ตกลงไปกัน พวกเราดื่มด่ำสำราญและเต้นกันอย่างสนุกสนานกันอยู่สักพัก ผมก็ได้เต้นรำกับสาวชาวแอฟริกันใต้คนหนึ่งและชวนกันออกไปสูบบุหรี่ข้างนอกเพื่อเป็นการพักสูดอากาศกันสักนิด
ทันใดนั้นเอง ผมได้เสียงกรีดร้องซึ่งมันดังลั่นมากๆจนน่าตกใจ ผมจึงมองไปรอบๆเพื่อหาต้นตอของเสียงนั้น เห็นชายไทยใส่เสื้อยืดแขนสั้น เขาทั้งดึงผมและต่อยผู้หญิงนั้นอย่างเมินเฉยแบบไม่สนใจอะไร ซึ่งมันเป็นภาพที่ผมไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ
ผมจึงรีบวิ่งตรงเข้าไปที่พวกเขาและแยกพวกเขาออก ผมยังจำหน้าเขาได้แม่น เขามองผมด้วยตาที่ขวาง และเย็นชาสุดๆ หญิงสาวคนนั้นหลุดออกมาได้ และไม่มีใครสนใจเธออีก แต่คราวนี้ล่ะ สายตาทุกคู่เปลี่ยนมาจ้องมองที่ผมแทน
ผมพยายามที่จะพูดคุยกับเขาว่า “อย่าต่อยผู้หญิงสิ” เขาไม่พูดอะไรเลย แต่แล้วสถานการณ์ก็เริ่มตึงเครียดมากขึ้น! ผมคิดว่าเขาเป็นคนขับรถตุ๊กๆนะ แต่แล้วการ์ดของสองคลับและคนขับรถตุ๊กๆก็เริ่มเข้ามาล้อมเรา และผมก็เริ่มจะระแคะระคายแล้วล่ะว่าเขาต้องเป็นคนสำคัญคนนึง
เขายังคงจ้องมาที่ผม โดยไม่มีคำพูดใดๆแค่เพียงยิ้มเบาๆใบหน้าของเขา (ประมาณว่ายิ้มเบา ยิ้มมุมปาก)
ทันใดนั้นก็มีชายฝรั่ร่างใหญ่ผมสีบลอนด์เดินเข้าผ่านชายไทยคนนั้นมา แล้วตรงเข้ามาหาผม เขาโน้มตัวลงเข้ามากระซิบข้างหูผมว่า “เยี่ยมไปเลย มีคนเป็นห่วงผู้หญิงคนนี้ด้วยว่ะ” จากนั้นเขาก็มองผมด้วยสีหน้าจริงจังและโกรธเคืองมาก
คุณรู้มั้ยว่าผู้ชายคนนี้คือใคร? ชายฝรั่งพูดขณะที่กำลังเดินเข้ามาหาผม “ไม่” ผมตอบกลับเขาด้วยคำสั้นๆ แต่ผมก็เริ่มรู้สึกไม่ค่อยสบายใจกับสถานการณ์นี้แล้วล่ะ ผมรู้สึกว่ามันต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ แต่ก็ทำใจดีสู้เสือเข้าไว้
เท่านั้นแหละ เขาก็วางมือของเขาที่ไหล่ผม จากนั้นมือเขาก็ค่อยๆไหลมาด้านหลังของคอผม และดึงผมด้วยมืออีกข้างนึง จากนั้นเขาก็กำหมักต่อยหข้ามาที่ดั้งผม แต่โชคดีผมสามารถบล็อกหมัดของเขาได้ โดยการก้มหัวลงและยกมือทั้งสองข้างไปที่หน้าผากของผม เพื่อรับแรงกระแทกจากหมัดของเขาโดยที่จะไม่ได้รับบาดเจ็บ
ตัวผมนั้นได้รับการฝึกฝนทางด้านศิลปะการต่อสู้มาบ้าง เลยสามารถใช้มือจับเขาได้โดยการบิดเขาออกไปและทำให้เขาอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบผม ร่างเขาถูกผมเหวี่ยงให้หันหน้าไปอีกทางหนึ่ง เอาจริงๆนะ ผมอาจตีเขาได้อย่างง่ายดายเลยล่ะ จนเขาไม่สามารถป้องกันหรือตอบโต้ใดๆได้อีก
ผมยกมือป้องกัน แต่ตำแหน่งของเรามันก็ขยับไปเรื่อยๆจนเกิดช่องกว่างระหว่างพื้นที่ของเรา
เอาล่ะ ขั้นตอนนี้ มันเริ่มไม่ดี ไม่สวยแน่ๆ
ทันใดนั้นชายฝรั่งร่างใหญ่หันมาเผชิญหน้ากับผมอีกครั้ง แล้วลั่นว่า “คุณรู้ไหมว่ากำลังเล่นกับใครอยู๋? ผู้ชายคนนี้พ่อของเขาเป็คนคนใหญ่ในกรุงเทพนะ” เขาพูดด้วยสำเนียงสแกนดิเนเวีย/เยอรมัน
จากนั้นชายอีกคนหนึ่งยืนยิ้มอยู่ข้างๆชายไทยคนนั้น และลั่นวาจาใส่ผมว่า “เราจะพาคุณไปที่นั่นและเชือดคอคุณ!” ชายคนนั้นชี้ไปที่บาร์ที่เงียบสงบถัดจากเรา
ในเวทีมวยนี้ ผมรู้ว่าผมทำได้แค่เพียงต้องสู้แล้วล่ะ ผมนึกได้ว่าในกระเป๋าของผมมีกระบองโลหะที่พอจะใช้ได้เพื่อป้องกันตัว และผมก็รู้วิธีใช้มันเป็นอย่างดีเลยล่ะ ผมค่อยๆเอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋าของผมและถือมันไว้ที่ด้านหลัง มันเป็นโลหะแบบหดเก็บได้ หากใครเข้ามาใกล้ผมก็จะตีทันที และผมคิดแผนไว้แล้วว่าจะสู้และวิ่งไปที่ๆมีรถจราตรก่อนเลยอันดับแรก
เราทุกคนต่างยืนนิ่งเงียบ เพราะพวกเขาเองก็มีความเกรงกลัวเพราะในมือผมมีอาวุธ และผมเองก็กลัวเช่นกัน เพราะพวกเขามีกันมากกว่าผม
ทันใดนั้นชายไทยก็พูดว่า “ไป” และชี้ไปที่คลับที่ผมเพิ่งจะออกมานั่นเอง ผมรู้ว่ามันต้องเป็นกลอุบายอะไรสักอย่างแน่ๆ แต่ผมก็แค่อยากออกไปจากตรงนี้สักที ผมจึงตักสินใจเดินเข้าไป เพราะถ้าอย่างน้อยมีอะไรเกิดขึ้น ข้างในนั้นก็น่าจะมีพยานอยู่กันเยอะ
เมื่อผมเดินเข้ามา ผมนั่งลงเอาหลังชนกับกำแพงภายในบาร์ พร้อมกับมองไปรอบๆเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีพวกอันธพาลหรือการ์ดนั่นตามมาอีก ผมมองเห็นพวกกำลังจับตาดูผมจากอีกฝั่ง แต่พวกเขาก็ไม่ได้ทำอะไรอีกต่อจากนั้น
ในที่สุดผมก็เห็นฝรั่งอีกกลุ่ม หน้าคุ้นๆ ปรากฏว่า นั่นคือกลุ่มนาวิกโยธินที่ผมดื่มด้วยที่ข้าวสารนั่นเอง พวกเขาเห็นผมเมื่อตอนที่พวกเขาเดินเข้ามาที่บาร์ ราวกับว่าพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยแล้วววววว ดังนั้นผมจึงเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้พวกเขาฟัง ว่าผมเจอกับอะไรมาบ้าง พวกเขาบอกว่าจะคอบดูให้และจะอยู่ช่วยอีกแรงนะ ถ้ากลุ่มอันธพาลนั้นทำอะไรผมอีก พวกเขาก็พร้อมช่วย ผมรู้เลยว่าถ้าผมอยู่คนเดียวแบบนี้ต่อไป มีโอกาสที่พวกนั้นจะดักทำร้ายผมอีกแน่ๆ ซึ่งผมก็ซึ้งในน้ำใจตรงนี้มากๆเลย ดังนั้นพวกเราจึงนั่งดื่มกันต่อที่บาร์นั้นแหละ
พอพวกเราออกมาจากบาร์นั้น ก็ได้เจอกับชายไทยและการ์ดพวกนั้น สายตาพวกมันจ้องมาที่ผมแบบเคียดแค้นมากๆ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก เพราะรอบนี้ผมเดินมาพร้อมกับกลุ่มนาวิกโยธินกล้ามโต พวกนั้นก็เลยไม่กล้า และได้แค่มอง
เอาจริงๆนะ ทุกวันนี้ผมก็ยังรู้สึกดีใจและขอบคุณกลุ่มนาวิกโยธินที่ผมเจอที่ข้าวสาร และคืนนั้นในกรุงเทพก็เป็นคืนที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตของผมแล้วล่ะ “