ย้อนไปเมื่อวันที่ 5 ธค. วงการทวิตเตอร์ในอเมริกาลุกเป็นไฟ หลังหญิงสาวคนหนึ่งได้ทวิตแชร์ถึงเรื่องราวสุดช้ำใจที่เกิดขึ้นกับตัวเอง โดยเธอจับได้ว่าแฟนหนุ่มของเธอเองแอบกินตับกับผู้หญิงอื่นตอนตี 4 ซึ่งนั่นเป็นช่วงเวลาที่เธอหลับไปแล้ว แต่หากถามว่าเธอทราบเรื่องราวได้อย่างไรนั้น เครดิตในการเปิดโปงการนอใจครั้งนี้ต้องยกให้กับเจ้านาฬิกาสายสุขภาพ Fitbit เลยค่ะ
หญิงสาวเจ้าของเรื่องมีชื่อว่า Jane Slater ผู้สื่อข่าวกีฬาประจำสถานี NFL Network และนี่คือข้อความที่เธอทวิตไว้
ฉันได้รับ Fitbit เป็นของขวัญวันคริสต์มาส ฉันชอบมันมากและเราก็สวมมันเหมือนกันซึ่งเราจึงซิงค์ต่อกัน (เชื่อมต่อ) เพื่อที่จะคอยเตือนกันและกันให้ออกกำลังกาย มันทำงานได้ดีและฉันก็ไม่เคยหงุดหงิดกับมันเลยนะ จนกระทั่งเกิดสิ่งแปลกขึ้นตอนตี 4 เพราะจู่ๆ Fitbit มันก็แจ้งเตือนว่า เครื่องของเขากำลังออกกำลังกายอย่าวหนัก อัตราทุกอย่างพุ่งสูงขึ้นจนน่าตกใจ ความรู้สึกในตอนนั้นฉันหวังเพียงอย่างเดียวว่า อย่าให้นี่เป็นเรื่องจริง
และเธอก็ยังทวิตต่ออีกว่า แฟน(เก่า)ของฉันไม่ได้ลงทะเบียนที่คลาสฟิตเน็ส ตอนตี 4 อย่างแน่นอน และแน่นอนว่าตอนนี้ฉันเลิกกับเขาไปแล้วค่ะ
ทั้งนี้นอกจาก Fitbit จะช่วยเก็บข้อมูล Heart Rate จำนวนก้าว แคลลอรี่ อัตราการเผาผลาญ คุณภาพของการนอนแล้ว เจ้าระบบนี้ยังมีระบบบันทึกกิจกรรมการเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ เพื่อใช้ในการประมวลผลบ่งบอกถึงการพัฒนาของกิจกรรมนั้นๆ ซึ่งแน่นอนว่า ระบบนี้มันจะเปิดใช้ก็ต่อมีการเคลื่อนไหวที่รุนแรงเท่านั้น (มักทำงานเมื่อคุณออกกำลังกาย)
แต่หากคุณไม่ต้องการให้มันรู้ว่าไอ้ที่คุณกำลังเคลื่อนไหวนั้นมันคือการกินตับ ก็แค่พูดว่า “I’m going to have sex now” มันก็จะหยุดทำงานทันที