เรื่องนี้ถือเป็นอุทาหรณ์เตือนภัยให้กับสาวๆที่กำลังเล่นแอพฯหาคู่นั้น ไม่ว่าจะยังไง ควรตัดสินใจดูให้ดีๆ เราไม่ควรไว้ใจคนแปลกหน้าจนเกินไป ถึงแม้ว่าเขาอาจจะเคยปฎิบัติดีต่อเราก็ตาม อย่างเช่นเรื่องราวของสาวไทยคนนี้ ที่เธอต้องไปเจอกับเหตุการณ์ระทึกขวัญที่จะทำให้เธอจำไปตลอดชีวิตในกรุง กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 พค. 2563 ที่ผ่านมา สาวไทยในมาเลย์ เล่นแอพหาคู่และนัดเจอกับชายหนุ่มมาเลย์ ซึ่งในข่วงนี้นั้น เป็นช่วงของไว้รัสโควิด-19 กำลังระบาด และมีผู้ติดเชื้อไม่น้อยในมาเลเซีย ทำให้ประเทศมีการล็อคดาวน์ ควบคุมการเดินทาง ซึ่งชายมาเลย์เกิดเหงา อยากจะจัดปาร์ตี้ดื่มกับสาวๆในห้อง จึงได้เสนอค่าตอบแทนกับสาวไทยคนนี้ไป เป็นค่าจ้างประมานหมื่นกว่าบาท เพื่อมาดื่มกับเขาเท่านั้น และจะมีสาวๆไทยคนอื่นอีกสองคนด้วย ในโพสต์ของเธอกล่าวไว้ว่า….
“❌แจ้งเตือนภัยให้กับผู้หญิงไทยทุกคนที่ไปมาเลเซีย หรืออาศัยอยู่มาเลเซีย????
#เสียเวลาอ่านสักนิดน่ะมันอาจจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆได้บ้าง
อย่าไว้ใจใครง่ายๆเหมือนเรา เราโง่มากและเป็นเพราะอยากได้เงิน. ลูกค้าเจอกันในแอพ SKOUT แต่คุยกับมาเกือบ 1 เดือน มันก็ซื้อ kfc และอาหารส่งมาให้เรากินแทบทุกวันและมันบอกจะมารับไปดูแล เราก็ไม่เคยไป ก็กลัวด้วยในระดับนึงแต่เราก็ปฏิเสธเขาไปตลอด
แต่เมื่อวาน วันเสาร์ที่ 2 พ.ค. เวลาก่อน 2 ทุ่ม มันส่งข้อความมาว่าเพื่อนมันต้องการผู้หญิงมาเอ็นเตอร์เทน only drink and play game ที่ห้องของมัน (ซึ่งบอกว่าแค่ดื่มกับเล่นเกมส์กันเท่านั้น ไม่มีอะไรนอกเหนือจากนั้น) มีผู้หญิง 3 คน รวมทั้งเรา 1 คน เริ่มงานก่อน2ทุ่ม เลิกงานเช้า ค่าเสียเวลาคนละ1500ริงกิต (เป็นเงินไทยราวๆ 11,000 กว่าบาท) มันบอกมันจะมารับและมาส่ง เราบอกเรากลัวตำรวจกลัวด่านตำรวจ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงโควิด จะะมีด่านตำรวจแทบทุกเส้นทาง มันบอกมันจะเอารถเพื่อนมันมารับ เพื่อนมันเป็นตำรวจ เราตัดสินใจคิดอยู่สักพักก็คิดว่าคงไม่มีอะไร คุยกันบ่อยมันก็ดีนะ ส่งอาหารมาให้กินบ่อยๆ ยังไม่เคยเจอตัวต่อตัวยังโอนเงินมาให้ครั้งละ100และ150ริงกิต อะไรประมาณนี้
มันก็มีข้อความที่คุยกับผู้หญิงไทยคนอื่นมาโชว์เราด้วย ว่านี่ไงจะมีคนมาร่วมด้วยไม่มีคนเยอะมากแค่ 6 คน แค่ดื่มเบียร์ปาร์ตี้นั่งเล่นไพ่เล่นเกมส์ เราก็คิดไม่มากพอเพราะด้วยความที่อยากได้เงินด้วย ก็เลยตัดสินใจว่าไป มันบอกจะมารับเรา รถ Suzuki Swiss สีแดงที่มันใช้มารับเรามาถึงมันก็โชว์นี่ไงสติ๊กเกอร์รถตำรวจไม่ต้องกลัว เรากว่าจะขึ้นรถไปกับมันได้ก็ลังเลอีกครั้ง แต่สุดท้ายเราก็ขึ้นไป
เมื่อมาถึงคอนโดของมันใน Bukit Bintang ด้านบนเป็นคอนโดสวยหรูมาก พอไปถึงก่อนที่จะเข้าห้องเราก็พยายามมองหาผู้หญิงคนอื่นๆ ถามมันว่า ทำไมไม่มีคนอื่นเลย มันบอกว่ารอก่อนเพื่อนมันกำลังพาผู้หญิงมา ให้นั่งรอที่โซฟา เรามองไปที่โต๊ะก็มีเบียร์มีเหล้า เปิดเพลง แต่เรายังมองไม่เห็นยาเสพติด เรานั่งโซฟาไม่ถึง2นาทีมันยังไม่ปิดประตูด้วยซ้ำ. #มันเอาเหล็กยาวมาตีเราที่หน้าหน้าขา เรากระโดดหนีจะวิ่งออกจากห้องแต่มันกระชากหัวเรามาและผลักเราเข้าไปในห้องนอน และเอาเหล็กอันนั้นตีเราตามลำตัวอีก 2 ครั้ง เราร้องไห้ขอชีวิตก้มลงไหว้มันบอก please don’t do me like this,what you want,i do for you everything. (ได้โปรดอย่าทำฉันเลย คุณต้องการอะไร ฉันจะทำให้ทุกอย่าง) เธออ้อนวอนร้องขอชีวิตจากชายมาเลย์
ทันใดนั้น มันเดินออกไปปิดประตูห้องด้านนอกและเดินมาบอกให้เราแก้ผ้าทั้งหมด และหยิบโทรศัพท์เรามาลบแอพริเคชั่นทั้งหมด เช่น whatsapp,SKOUT,Line มันให้เรากดลบรายชื่อของมันทั้งหมด และปิดเครื่องมือถือและตบหน้าเรา2ทีมันพูดกับเราว่า i call you so many time to come here because i like you so much but you say you scared,Scared for what ? You are working in Thaiclub,you go with customer why you scared? (ฉันโทรหาเธอให้มาที่นี่ตั้งหลายครั้งแล้ว เพราะฉันชอบเธอมากๆ แต่เธอบอกว่าเธอกลัว เธอจะกลัวอะไร ในเมื่อเธอก็ทำงานในคลับไทย กลัวทำไม?)
ต่อมา มันเอาหนวดกุ้งสีขาวมามัดที่มือของเราทั้ง 2ข้าง และไขว้หลัง มัดมือเราไว้ มันบอกให้เรา fuck fan or jump down มันไปเปิดกระเป๋ามันมีกระเป๋า 3-4 ใบในห้อง แต่เรามองดูรอบๆน่าจะเป็นห้องที่มันเช่าอยู่รายวัน มันสั่งให้เรานั่งคุกเข่ากับพื้นแล้วมันนั่งบนโซฟา มันเล่นยาเสพติดดูดกัญชา ดูดไอซ์ ดมเคตลอดทั้งคืน ทั้งคืนจริงๆมันบังคับให้เราดูดไอซ์ และกัญชา และเราเห็นตอนมันผสมยาลงน้ำเปล่าและโค๊กให้เรา เราพยายามจิบน้อยๆและคุมสติไว้ มันบอกยาทั้งหมดที่มันมี ก็คือยาที่ตำรวจไปจับได้และส่งยามาให้มันเล่น มันบอกว่าคลับไทยให้เงินมันด้วย และมันโชว์เพาเวอร์ตัวมัน บลาบลาๆ มันพูดกับเราตลอด และตลอดคืนที่มันเล่นยา มันเปิดช่อง YouTube พวกรายงานฆ่าคนตัดแขนตัดขาเปิดแต่แบบนี้ และพูดกับเราตั้งคำถามให้เราตอบ ถ้าเราตอบผิด มันก็จะตบหน้าเราถีบเรา มันตัดหนวดกุ้งที่มัดเราออก เวลาประมาณตี 3 กว่าๆ เพื่อให้เราพูดคุยกับมันและคอยจุดไฟแซ็กให้มันดูดไอซ์ เรื่องมันยาวมากๆและน่ากลัวมาก
เราพยายามพามันคุยเรื่องตลก มันเริ่มเปิดรายการตลกดูเราฝืนหัวเราะสุดฤทธิ์ไปกับมัน แต่น้ำตาไหลตลอดเวลา คิดว่ายังไงก็ไม่รอดตายแน่ๆมันเหมือนคนโรคจิต เล่าเรื่องเมียมันตายเพราะถูกรถชนลูกเป็นลูเคียเมียใกล้จะตาย มันบอกว่ามันเป็นหมอ แต่คิดเราว่ามันเป็นตำรวจเพราะนาฬิกาของใช้ทุกอย่างเป็นแบรนด์ polic ทั้งหมด มันเอาเหรียญตำรวจมาโชว์เราเยอะเลยแต่มันบอกเราว่ามันทำงานเป็นหมอ มันบอกเรามันเป็นคนออสเตรเลียมารักษาคนป่วยโควิด แต่เราไม่รู้เลยว่ามันต้องการอะไรบางเวลามันพูดดีดูแลเราดี บางเวลามันโกรธมันตีเรามันถามเราว่ามีลูกมั้ยเราบอกว่าเรามีลูก
จุดพีคคือตอนนี้แหละมันเริ่มคุยดีอารมณ์ดีตอนคุยเรื่องลูก และมันก็ให้เราเปิดเครื่องและโทรวีดีโอคอลหาลูก มันบอกต้องการที่จะดูลูกของเรา เราก็พูดกับน้องว่าเอาหน้าลูกเราใส่กล้องและเราพูดกับน้องสาวที่ปลายทางที่โทร ว่าจำเพื่อนพี่ได้มั้ยที่ชื่อคำฟ้าย ส่งแชทไปบอกว่าพี่ถูกทำร้ายพี่จะส่งชื่อคอนโดและชั้น เลขห้องที่อยู่ ไปให้ส่งโลเคชั่นพิกัดบอกให้บอสมาช่วยพี่หน่อย สักพักตัวมันก็โผล่หน้าเข้ามาในโทรศัพท์ น้องสาวเราฉลาดสติดีมาก แคปหน้าของมันไว้ได้ แต่ข้อมูลประวัติการแชทที่คุยกับมันเราพยายามดึงกลับมาแต่ไม่ได้ ช่วงเวลาที่เราคุยกับลูกมันถามเราว่าจะกินอะไรเหมือนมันอารมณ์ดีขึ้น และเหมือนมันลืมว่ามันตีเรา มันบอกมันจะลงไปซื้ออาหารและนมให้เราที่ข้างล่างคอนโด มันบอกไปแค่10นาที เราก็ไม่มีเสื้อผ้าใส่นะตลอดทั้งคืนเรานุ่งผ้าขนหนูเพราะเสื้อผ้าเรามันเอาไปทิ้งแล้ว เราเอาเสื้อของมันใส่กลับมาตัวใหญ่มาก
เราวิ่งหนีออกมาจากห้องนั้นได้ แต่ไม่มีรองเท้าเอกสารใบขาวจากศาลใบcopy passport คีย์การ์ดคอนโด เงินสด500กว่าริงกิต ในกระเป๋าเราทิ้งทั้งหมด วิ่งมาแค่ตัวเปล่าๆ รองเท้าก็ไม่มี บอสและเพื่อนๆเราตามไปช่วยแต่ไม่สามารถขึ้นมาหาเราที่ชั้นบนได้เราวิ่งไปรอในห้องทิ้งขยะ เราพยายามที่จะลงไปเรากดลิฟต์รอลิฟต์นานก็กลัวว่ามันจะกลับมาเจอ ตอนนี้วิ่งไปวิ่งมาเหมือนคนสติหลุดคิดว่าถ้าพลาดเจอมันยังไงก็ตายแน่ๆ เลยตัดสินใจเข้าไปซ่อนในห้องทิ้งขยะอยู่หลายชั่วโมงจนจะตายหายใจไม่ออก เลยเสี่ยงวิ่งออกมาและกดลิฟอีกครั้งลงไปชั้นg วิ่งแบบไม่คิดชีวิตแฟนและบอสกำลังแจ้งตำรวจให้มาช่วยรอเอกสารตำรวจเพื่อขึ้นไปด้านบน แต่เราวิ่งหนีมาได้ก่อน สภาพอิดโรยเสื้อผ้าของมันตัวใหญ่มาก ลงมาเจอคนที่มารอช่วยเหลือก็วิ่งกอดร้องไห้สุด ไม่คิดว่าตัวเองจะรอดตอนนี้เราปลอดภัยแต่สภาพจิตใจและร่างกายสุดแย่ เราหลอนไปหมด
เพื่อนๆและบอสของเธอพยายามที่จะขอขึ้นไปช่วย แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะรปภ.ไม่อนุญาตให้คนนอกขึ้นไปเด็ดขาด นอกเสียจากต้องมีหมายแจ้งจากตำรวจซะก่อน
บอสพาไปหาหมอและแฟนก็ไม่ทอดทิ้งเราดูแลเราตลอด แต่มันรอดไปได้เพราะตำรวจจับมันไม่ได้ เราคิดว่ามันคงใหญ่โตในระดับนึง ไม่งั้นมันไม่กล้าทำกับเราแบบนี้หรอก ตอนเราเข้าห้องน้ำมันล้างมือมันมีสีแดงๆเหมือนเลือดและ เราเปิดฝาชักโครกมีคราบเลือดจริงๆ ตอนนั้นเราทำใจตั้งแต่วินาทีนั้นแล้วว่ายังไงเราก็ไม่รอดชีวิตแน่ๆ. เราอาจจะเล่าวนไปวนมาเพราะตอนนี้ยังหลอนจริงๆ #เราไม่อายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อนที่อยู่ด้วยกันแนะนำให้เราโพสเตือนภัยผู้หญิงด้วยกันจะได้ไม่เจอเหตุการณ์แบบเรา? ติดโควิทกลับบ้านไม่ได้ไม่มีงานกะหางานหาเงินก็ซวยชิบหายคดีความที่โดนจับตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่จบมีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกมั้ยชีวิต? #เรื่องราวที่เกิดขึ้นมันคือความจริงที่ไม่คิดว่าตัวเองจะได้พบเจอ ขอให้ความเลวร้ายที่ตัวเองเจอ ใครก็อย่ามาเจอแบบเราเลย?”
อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอได้โพตส์เรื่องราวของเธอบนโลกโซเชียลในกลุ่มของคนไทยในมาเลเซีย กลับพบว่าไม่ได้มีแค่เธอเพียงคนเดียวที่โดนกระทำแบบนี้ แต่กลับมีเหยื่อสาวไทยอีกหลายคน ต่างก็เข้ามาแสดงความคิดเห็น เผยว่าเคยมีประสบการณ์ถูกชายมาเลย์คนดังกล่าว หลอกล่อไปและทำร้ายร่างกายจนอ่วมเช่นกัน บ้างก็ว่าเคยถูกชายคนนี้ใช้มีดแทง แต่ก็หนีรอดมาได้เพราะตอนช่วงที่เขาเผลอ แต่ก็ยังไม่มีสาวไทยคนไหนกล้าที่จะแจ้งความต่อเรื่องนี้แต่อย่างใด เพียงเพราะเธอกังวลในเรื่องของกฎหมายการลักลอบเข้าประเทศมาเลเซียอย่างผิดกฎหมาย หากแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ไป เกรงว่าเธอเองอาจจะเป็นฝ่ายที่ถูกจับซะมากกว่า
คนเรารู้หน้า แต่ไม่รู้ใจ จำคำนี้ไว้เสมอ อย่าไว้ใจใครจนเกินไป ถือเป็นความโชคดีที่เธอรอดจากมือคนร้ายนี้มาได้ จากนี้ไปก็คงใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังมากขึ้น