หลังมีผู้เสียหายหลายคนเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจสภ. ชัยภูมิเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ว่าบัญชีธนาคารของตัวเองถูกถอนเงินไปหลายบาท ตั้งแต่หลักพันยันหลักล้าน! ล่าสุดตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้แล้ว คาเตียงโรงพยาบาลในจังหวัดชัยภูมิ
เมื่อวานนี้ (25 ตุลาคม 2564) ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองชัยภูมิ นำหมายศาลเข้าจับกุม “นางสาวปัทมา บุตรศรี” พนักงานธนาคารแห่งหนึ่งในจังหวัดชัยภูมิ ขณะนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล หลังประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เนื่องจากพยายามขับรถหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจจนเกิดอุบัติเหตุ ในความผิดแฮกข้อมูลทางการเงินของลูกค้าและลักลอบถอนเงินในบัญชีของลูกค้าธนาคารไปใช้จ่ายส่วนตัวและลงทุนทำธุรกิจ โดยมีผู้เสียหายหลายคน รวมมูลค่าความเสียหายเกือบ 10 ล้านบาท
ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวมาสอบสวน เบื้องต้น “นางสาวปัทมา” ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้กระทำความผิดจริงโดยได้แฮกข้อมูลบัญชีทางการเงินของลูกค้าและนำไปผูกบัญชีเข้ากับบัตรเครดิต ก่อนจะทยอยโอนเงินผ่านโทรศัพท์มือถือไปยังบัญชีของธนาคารอีกแห่งหนึ่ง แล้วทยอยถอนเงินออกมาใช้จ่ายส่วนตัวและนำไปลงทุนทำธุรกิจ โดยอ้างว่ากระทำผิดเพียงคนเดียว
ตำรวจจึงทำสำนวนประกอบคำรับสารภาพพร้อมส่งฟ้องศาล ซึ่งผู้ต้องหาได้ใช้หลักทรัพย์ขอประกันตัวเป็นเงิน 4 ล้านบาท และออกมาเพื่อต่อสู้คดี โดยตำรวจได้แจ้ง 2 ข้อหา คือ “ลักทรัพย์นายจ้างและกระทำผิดตามพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์”
สำหรับการจับกุมครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังมีผู้เสียหายหลายคนเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หนึ่งในจำนวนนี้คือ “นางกำไล” อายุ 58 ปี และ “นางนรินทร์” อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นยายกับหลาน พบความผิดปกติของเงินในบัญชีของน้องสาวที่อยู่ต่างประเทศ ที่โอนมาเก็บไว้เป็นเงินจำนวนกว่า 1.8 ล้านบาท ได้หายไปจากบัญชี เหลือเพียง 3,700 บาท โดยสงสัยว่าถูกแอปพลิเคชันดูดเงินที่กำลังอาละวาดในขณะนี้โจรกรรมเงินไปรึเปล่า จึงมาแจ้งความไว้ก่อน สุดท้ายแล้วเป็นฝีมือของสาวแบงก์แสบนี่เอง
จากข่าวนี้ หลายคนอาจเริ่มกังวลแล้วว่า ธนาคารใช้ที่ปลอดภัยที่สุดในการฝากเงินจริง ๆ หรือไม่? แต่เนื่องจากไม่มีทางเลือกอื่นในการเก็บเงินจำนวนมาก ๆ หลักแสนบาทขึ้นไป The Joi ก็ขอแนะนำให้ทุกคนหมั่นตรวจสอบบัญชีตัวเองบ่อย ๆ คือทางออกที่ดีที่สุด ณ เวลานี้ และหากพบความเคลื่อนไหวทางการเงินที่ผิดปกติก็ให้รีบแจ้งความทันที
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: ธปท. และสมาคมธนาคารไทยชี้แจงกรณีบัญชีถูกดูดเงิน สาเหตุเบื้องต้นมาจากการซื้อของกับร้านค้าออนไลน์ต่างประเทศ
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: หนุ่มถูกดูดเงินออกจากบัญชีเกือบ 700 ครั้ง สูญเงินเกือบ 4 หมื่นบาท! ทั้งที่ไม่ได้ผูกบัตรกับแอปฯ ซื้อสินค้าใด ๆ
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: ไล่ออกแล้ว! พยาบาลแสบแอบใช้นิ้วคนไข้สแกนแอปฯ โอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง
ที่มาข้อมูล สำนักข่าวไทย