เมื่อวานนี้ (15 สิงหาคม 2564) ได้มีการนัดหมายกลุ่มมวลชนเพื่อรวมตัวกันขับไล่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยตั้งแต่ 13:00 น. มีการนัดชุมนุมในสถานที่ต่าง ๆ ทั้งรูปแบบคาร์ม็อบ และคาร์ปาร์ก และประกาศยุติในเวลา 18:00 น. โดยมีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นแกนนำผู้จัดคาร์ปาร์กในครั้งนี้ มีการนัดรวมตัวกัน 3 จุด ในวันที่ 15 ส.ค. เวลา 15:00 น. โดยนำขบวนไปรวมตัวแยกราชประสงค์ เส้นทาง-พระราม 4-สวนลุม-บ่อนไก่-คลองตัน-กลับแยกราชประสงค์
กลุ่มคนหนุ่มสาว รวมตัวอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เส้นทาง-ปิ่นเกล้า-บรมราชชนนี-ยูเทิร์นใต้สะพานสายใต้ใหม่-สิรินธร-ซ้ายแยกบางพลัด-กลับรถพระราม 7-จรัญสนิทวงศ์-ปิ่นเกล้า-อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และกลุ่มนายสมบัติ บุญงามอนงค์ นัดรวมตัว อยุธยาพาร์ค เส้นทาง-วิภาวดี-ห้าแยกลาดพร้าว
วนกลับมาเข้าถนนราชดำริ แยกราชประสงค์ กิจกรรมดังกล่าว มีมวลชนที่เป็นแนวร่วมคนเสื้อแดง เยาวชน นักเรียน ศึกษาแนวร่วมกลุ่มราษฎร นำรถจักรยานยนต์ รถยนต์ นานาชนิด นับร้อยคัน เข้าร่วมอย่างคึกคัก
ซึ่งบรรยากาศทั่วไป เป็นไปอย่างสงบจบการชุมนุมตามกำหนด 6 โมงเย็น จากนั้นก็พร้อมกันบีบแตร ดังสนั่นด้วยความยาวเท่าเพลงชาติ เปล่งเสียงไล่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะเป็นการแสดงพลังทางการเมืองแบบสันติ ทุกคนจะกลับบ้านหลังแสดงพลังโดยสวัสดิภาพ
นอกจากนี้ช่วงเวลาประมาณ 14:00 น. บริเวณแยกสามย่าน เจ้าหน้าที่ได้ตั้งจุดตรวจ พบชายต้องสงสัย 3 คน ขับรถจักรยานยนต์ จึงขอตรวจสอบ พบปืนและอาวุธมีด จึงได้ควบคุมไปดำเนินคดี
ต่อมา เวลา 18:05 น. กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้เคลื่อนตัวมาที่แยกดินแดง และรื้อแนวกั้น จากนั้นได้ยิงลูกแก้ว จุดพลุ ปาระเบิดที่ผลิตเอง และพยายามฝ่าแนวกั้น เจ้าหน้าที่จึงต้องเข้าควบคุมสถานการณ์ และอยู่ระหว่างการประเมินความเสียหาย
กระทั่งเวลา 20:00 น. ยังมีมวลชนอีกจำนวนหนึ่ง ปักหลักชุมนุมกันต่อ และยังคงได้ยินเสียง พลุ ดอกไม้ไฟ และวัตถุคล้ายระเบิดดังอย่างต่อเนื่อง โดยเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน หรือ คฝ. ได้ตั้งแถวเรียงหน้ากระดาน เพื่อที่จะกระชับพื้นที่ และยิงแก๊สน้ำตา เพื่อให้มวลชนทั้งหมดยุติการชุมนุม ซึ่งก็ถูกตอบโต้กลับเช่นกัน หลังจากนั้นผู้ชุมนุมได้เผาป้อมตำรวจ ใต้ทางด่วนดินแดง ซึ่งเป็นจุดเดิมซ้ำอีกรอบ เพื่อเป็นการตอบโต้ที่เจ้าหน้าที่ ที่ยิงแก๊สน้ำตาใส่ เพื่อให้ยุติการชุมนุม มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการหกล้ม สำลักควันแก๊ส และเหยียบกัน ทำให้เกิดการชุลมุนหามนำคนเจ็บออกจากจุดเกิดเหตุ
ด้านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรียกประชุมตำรวจนครบาลรับมือแต่เช้า พร้อมทั้งยืนยันว่าไม่อยากให้มีใครเจ็บ ทำตามกติกาเพื่อรักษาความปลอดภัยของบ้านเมือง ไม่ได้ทำตามอารมณ์ใคร มีทั้งคนชอบไม่ชอบ แต่ก็ต้องยึดกติกาไว้ เพราะหากตำรวจไม่ทำก็ไม่มีคนทำ ส่วนการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนในระหว่างการชุมนุม ตำรวจระมัดระวังเรื่องการใช้อาวุธควบคุมสถานการณ์ และจะจัดพื้นที่ปลอดภัยให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าวได้โดยที่ไม่กีดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ เพราะหากเข้าไปอยู่ใกล้แนวประทะก็อาจเกิดอุบัติเหตุได้
ขณะเดียวกันเฟซบุ๊ก Panusaya Sithiji-rawattanakul ของรุ้ง-ปนัสยา แกนนำกลุ่มราษฎร โพสต์ข้อความระบุว่า “ด่วน!! ลูกนัทตาบอด หลังโดนเจ้าหน้าที่ยิงแก๊สน้ำตาเข้าที่บริเวณดวงตาเมื่อวันที่ 13 ที่ผ่านมา” มีผู้แชร์ข้อความดังกล่าวต่อเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า ตาขวาของไฮโซลูกนัทได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก ส่งผลให้ตาขวาบาดเจ็บสาหัส หลังจากนี้เตรียมประสานหาแพทย์เฉพาะทางเข้ามาช่วยเหลือต่อไป สำหรับไฮโซลูกนัท หรือนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย แกนนำกลุ่มสลิ่มกลับใจ เข้าร่วมม็อบทะลุฟ้าเมื่อวันที่ 13 ส.ค. เพื่อไปขับไล่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่บ้านใน ร.1 ทม.รอ. ถนนวิภาวดีรังสิต เกิดปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อคฝ. ยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางสลายการชุมนุม และถูกวัตถุของแข็งเข้าที่คิ้วขวาจนเลือดอาบบาดเจ็บสาหัส
ทั้งนี้ ทางเลขา รมว. ยุติธรรม ออกมายืนยันว่าไม่เคยปล่อยให้ผู้ต้องขังติดโควิดง่าย ๆ มีมาตรการคัดกรอง-ป้องกันเข้มข้น ชี้จะจับใครเข้าคุกเองไม่ได้ต้องมีคำสั่งศาลทำตามขั้นตอนของกฎหมายเท่านั้น วอนแกนนำม็อบหยุดกุข่าวสร้างความสับสน
ที่มาข่าว ไทยรัฐ, MGR Online, Sanook, PPTV HD 36, Thailand Plus TV,
ภาพจาก วันชัย ไกรศรขจิต(Wanchai Kraisornkhajit)