ศาลทหารมีคำตัดสินแล้ว! “หมวดแบงก์” อดีตสามีของ “น้องจูน” ไม่มีความผิดในข้อหาพยายามฆ่าน้องจูนเมื่อปี 2559 ที่ถูกทำร้ายเกือบตายจนเป็นข่าวโด่งดังทั้งบนโลกออนไลน์และออฟไลน์
เมื่อวานนี้ (14 ธันวาคม 2564) การต่อสู้คดีความที่ยืดเยื้อยาวนานกว่า 5 ปี ของน้องจูน หรือ “น.ส. สุกฤตา สุภานิล” ได้จบลงแล้ว หลังศาลมณฑลทหารบกที่ 15 จังหวัดเพชรบุรี พิพากษาจำคุก หมวดแบงค์ 1 ปี 6 เดือน แต่เนื่องจากจำเลยไม่เคยกระทำความผิด จึงให้รอลงอาญา 2 ปี ปรับ 12,500 บาท
สำหรับข้อหาพยายามฆ่า ศาลพิจารณาแล้วว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะฆ่าผู้เสียหาย แต่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ และทำร้ายร่างกาย เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส ส่วนข้อหาอาวุธปืน นำสืบไม่ได้ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลย และข้อหาชิงทรัพย์ ไม่สามารถนำสืบได้ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลย
คำตัดสินดังกล่าวมีขึ้นหลังน้องจูนถูกหมวดแบงค์ อดีตสามีทำร้ายเจ็บปางตาย กะโหลกส่วนหน้าแตกยุบ เบ้าตาด้านซ้ายแตก ต้องเจาะคอเพื่อช่วยชีวิต สมองบวม ทำให้ต้องเข้ารับการผ่าตัดหลายครั้งและสลบไป 3 เดือน กลายเป็นคนพิการและเสียโฉม จนต้องวอนผู้ใจบุญช่วยรักษาใบหน้า และต่อมาได้ไปศัลยกรรมใบหน้าที่เกาหลีจนกลับมาดูดีอีกครั้ง แม่จะไม่เหมือนเดิมร้อยเปอร์เซ็นต์
ด้าน “ต้นหอม” พิธีกรแถวหน้าของเมืองไทย เมื่อทราบคำตัดสินของศาลถึงกับเดือดลงโซเชียล โดยโพสต์ข้อความว่า
“คดีนี้โหดเหี้ยมสะเทือนใจมากตอนนั้น ดิฉันจำคดีนี้ได้ดี ในข่าวคือเล่าว่าทะเลาะกัน เพราะสามีจะไปมีใหม่ เมื่อคนใหม่มาแล้ว คนเก่าก็ยังคาราคาซัง สิ่งที่เกิดขึ้นคือ สภาพน้องจนน่วมเกือบตายขนาดนั้น สภาพน้องจนคือ เหมือนเราเห็นศพดี ๆ นี่เองค่ะ ภาพถึงเซ็นเซอร์แต่ก็พอเดาออกว่าเลือดเต็มหน้า ร่างกายไม่เหมือนเดิม กลับไปทำงานก็ไม่ได้ ดิฉันเองยังนึกว่าคดีนี้จับผู้ชายติดคุกไปนานล่ะ เพราะสภาพการณ์ไม่มีทางรอด ดูแล้วในใจ ดิฉันคิดแบบไว ๆ ได้เลยนี่คือพยายามฆ่า แค่เหยื่อดันรอด วันนี้เพิ่งรู้ว่าศาลตัดสินให้รอลงอาญาตามข่าวคือ รอด???”
ที่มาข้อมูล: ไทยรัฐ และ ผู้จัดการออนไลน์
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: ที่นี่อเมริกา! สาวไทยถูกชายทำร้ายร่างกาย อนาจาร และชิงทรัพย์กลางรถไฟใต้ดินในนครนิวยอร์ก
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: ตำรวจเมากร่างเตะหน้าสาวสองวัย 17 ลั่น “กูไม่ชอบกะเทย” เบ่งทำร้ายใครก็ได้ไม่กลัว ล่าสุดโดนสั่งเด้งแล้ว
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: หนุ่มพิการทางสมองถูกสาวเพื่อนรักวัยเด็กหลอกโอนเงินกว่า 5 แสนบาท ไม่ให้ขู่จนเครียดทำร้ายตัวเอง