นับตั้งแต่โครงการ “เราชนะ” เริ่มโอนเงินเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 วันแรกเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา จนถึงบัดนี้ ก็มีข่าวคราวการโกงเงินจากโครงการดังกล่าวในหลากหลายรูปแบบ โดยผู้กระทำผิดมีทั้งฝั่งลูกค้าและเจ้าของร้านค้า
ล่าสุดมีการโกงเงิน “เราชนะ” อีกแล้ว แต่ครั้งนี้ ผู้ที่ก่อเหตุเป็นลูกจ้างชั่วคราวของ “สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งประจวบคีรีขันธ์” หรือ “บ้านประจวบโชค” ที่ดูแลผู้ด้อยโอกาสกลุ่มเปราะบาง ตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยกรณีนี้ ถูกแฉออกสื่อสังคมออนไลน์เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2564 โดยผู้บริหารบ้านประจวบ
หลังพบว่ามีเจ้าหน้าที่ (ลูกจ้างชั่วคราว) นำเลขบัตรประชาชน 13 หลัก รหัสผ่าน 6 หลักของผู้ด้อยโอกาส 153 รายของบ้านประจวบ ไปสแกนแลกเงินสดในร้านค้าหลายพื้นที่ เข้าข่ายทุจริตงบประมาณของรัฐจากโครงการเราชนะ ซึ่งเป็นสิทธิ์ของกลุ่มเปราะบาง 2 งวด รวมรายละ 9,000 บาท เป็นวงเงินการทุจริตทั้งหมด 644,923 บาทแล้ว
นางไพทิพย์ หนูพรม ผู้ปกครองสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งประจวบคีรีขันธ์
“นางไพทิพย์ หนูพรม” ผู้ปกครองสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งประจวบคีรีขันธ์ เผยว่าได้ชี้แจงให้อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รับทราบรายละเอียดและแนวทางการทุจริต พบวงเงินที่มีการทุจริต 644,923 บาท
“ต่อมาเมื่อพบว่ามีการทุจริต ลูกจ้างขอเจรจาขอชดใช้ค่าเสียหาย 21,000 บาท จากนั้นได้ออกจากราชการ สำหรับลูกจ้างชายรายดังกล่าวทำงานที่บ้านประจวบโชคนานกว่า 4 ปี ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวงเงินการทุจริตครั้งล่าสุด ซึ่งพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เพื่อติดตามการใช้จ่ายเงินในระบบ เพื่อเอาผิดกับผู้สวมสิทธิและร้านค้าทุกราย”
“นางไพทิพย์” ยังเผยอีกว่า ตนเองได้ย้ายมาทำงานได้ 1 ปี 6 เดือน ยืนยันว่าไม่มีข้าราชการร่วมทุจริต และกังวลภาพลักษณ์ขององค์กรจะได้รับผลกระทบ อาจทำให้ขาดความเชื่อมั่นกับผู้บริจาค เพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสที่บ้านประจวบโชค ขณะที่ปัจจุบันมีเงินเข้าในโครงการสำหรับกลุ่มเปราะบางเพียงรายละ 200 บาทต่อเดือน ซึ่งโครงการจะสิ้นสุดเดือนธันวาคม 2564 นี้
ขณะนี้ พนักงานสอบสวนสภ. อ่าวน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กำลังดำเนินคดี กำลังดำเนินคดีและรวบรวมหลักฐาน หลังจากได้รับแจ้งความกรณีดังกล่าวตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง : ลุงราชบุรีต่อยอด “เราชนะ” 7,000 บาท ปลูกผักขายได้ 70,000 บาท!
