เมื่อวานนี้ (1 สิงหาคม 2564) ได้มีการนัดหมายกลุ่มมวลชนเพื่อรวมตัวกันขับไล่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในรูปแบบคาร์ม็อบ โดยมีนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด เป็นแกนนำผู้จัดคาร์ม็อบในครั้งนี้ ภายใต้ชื่อกิจกรรม “ถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงโรม” (วิภาวดี-รังสิต) มีกลุ่มชุมนุมเข้าร่วมทั้งหมด 5 กลุ่ม คือ กลุ่มราษฎร, กลุ่มราชประสงค์, กลุ่มเสรีเทยพลัส, กลุ่มไทยไม่ทน และกลุ่ม บก.ลายจุด
โดยมีประชาชนได้นำรถยนต์ส่วนตัวและรถจักรยานยนต์ของตนเอง เข้ามาร่วมกิจกรรมกันมากมายหลายจุด เนื่องจากการจัดกิจกรรมคาร์ม็อบในครั้งนี้ไม่ได้จัดแค่เพียงในกรุงเทพฯ เท่านั้น แต่ยังมีการจัดในจังหวัดอื่น ๆ อีกหลายจังหวัด เช่น พระนครศรีอยุธยา ยะลา อุดรธานี ขอนแก่น เชียงใหม่ เป็นต้น แกนนำจัดกิจกรรมใช้วิธีหารือประสานงานกันผ่าน Club House ซึ่งประชาชนก็สามารถร่วมฟังความเคลื่อนไหวได้
จนเมื่อเวลา 16:20 น. นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ได้ขอประกาศเป็นจุดสิ้นสุดกิจกรรมครั้งนี้ ทั้งนี้ กลุ่มคนรุ่นใหม่นนทบุรีถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมและแจ้งข้อกล่าวหา ในช่วงเตรียมขบวนเข้าร่วมกิจกรรมคาร์ม็อบในครั้งนี้
โดยหลังจากสิ้นสุดการชุมนุมยังคงมีประชาชนจำนวนหนึ่งซึ่งส่วนใหญ่ขับขี่มอเตอร์ไซค์รวมตัวกันพักผ่อนกันอยู่ในพื้นที่บริเวณปั๊ม ปตท. ใกล้ รพ. ทหารผ่านศึก และกรมทหารราบที่ 1 ฯ
จากนั้นเวลาประมาณ 17:30 น.หน่วยควบคุมฝูงชนที่ตั้งแนวอยู่ใกล้บริเวณดังกล่าว มีการยิงแก๊สน้ำตา 3-4 นัดใส่ประชาชนที่รวมกลุ่มกันอยู่นั้น ทำให้ประชาชนไม่พอใจและขว้างปาสิ่งของ นอกจากนี้บริเวณแยกดินแดง ซึ่งมีประชาชนรวมตัวกันอยู่จำนวนมาก ก็ได้มีเจ้าหน้าที่พยายามเข้าสลายการชุมนุมโดยมีการใช้กระสุนยาง
หลังจากนั้น เวลา 18:35 น. เจ้าหน้าที่ได้ปล่อยตัว 7 ผู้ชุมนุมจากกลุ่มคนรุ่นใหม่นนทบุรี ที่โดนจับไปในช่วงบ่าย หลังประชาชนราว 100 คน นำโดย เพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ ได้เรียกร้องให้ตำรวจปล่อยตัวทั้ง 7 คน บริเวณหน้ากองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 โดยเพนกวินได้กล่าวว่า “วันนี้เพื่อนเราจะต้องได้รับการปล่อยตัว และเราจะยังอยู่ที่นี่จนกว่าเพื่อนเราจะได้รับการปล่อยตัวออกมา”
ในขณะที่ทางด้านดินแดง การปะทะระหว่างผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ยังคงรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยทางสำนักข่าว Voice TV รายงานว่าสถานการณ์ลากยาวตั้งแต่ช่วงราว 18:30 น. ไม่มีแกนนำ ไม่มีเครื่องเสียง และไม่มีการประกาศเจรจาใด ๆ จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนประมาณ 20:00 น. ประชาชนจำนวนมากทยอยแยกย้าย แต่ยังมีกลุ่มวัยรุ่นบางส่วนปักหลักต่อเนื่อง