ชาวเน็ตอึ้งกันเป็นแถวเป็นแนว! เมื่อตัวละคร “พัคซองฮุน (Park Sung-Hoon)” ใน “Squid Game ซีซัน 2” เผยหากได้เงินรางวัลจากการเล่นเกม จะนำมาใช้ทำสิ่งนี้ในไทย!
Netflix/Squid Game ซีซัน 2
“Squid Game ซีซัน 2” ทั้งหมด 7 ตอน สตรีมมิ่งแล้วบนแพลตฟอร์ม “Netflix” ทั่วโลกเป็นวันแรกเมื่อวานนี้ (26 ธันวาคม 2567) ซึ่งในซีซันใหม่นี้มีตัวละครใหม่โผล่มาเป็นผู้ร่วมเล่นเกมเยอะแยะมากมาย แต่หนึ่งในตัวละครใหม่ที่แฟนซีรีส์ทั่วโลกชื่นชอบในซีซันนี้และกำลังเป็นไวรัลพูดถึงบนโลกโซเชียลทั้งในเกาหลีใต้และต่างประเทศ ก็คือ “ฮยอนจู (Hyun-ju)” หรือผู้เล่นหมายเลข 120 อดีตทหารหน่วยรบพิเศษที่เป็นผู้หญิงข้ามเพศ ซึ่งรับบทโดย “พัคซองฮุน” นักแสดงชายชื่อดัง ที่พลิกบทบาทสุดขั้วจากตัวร้ายในซีรีส์ดัง “The Glory” มาเป็นตัวละคร LGBTQ แสนเรียบร้อย, ถ่อมตน และกล้าหาญ ซึ่งเจ้าตัวก็ตีบทนี้แตกกระจุยจนได้รับเสียงชื่นชมจากแฟนซีรีส์ “Squid Game” อย่างท่วมท้น ท่ามกลางดราม่าเกี่ยวกับการคัดเลือกนักแสดงบทนี้ ว่าทำไมไม่ใช้นักแสดงที่เป็นผู้หญิงข้ามเพศชาวเกาหลีใต้จริง ๆ มาแสดงเลยล่ะ?
Netflix/Squid Game ซีซัน 2
แต่หนึ่งในซีนเด็ดของซีรีส์ “Squid Game ซีซัน 2” ที่ทำให้ชาวเน็ตไทยอึ้งกันเป็นแถวเป็นแนว ก็คือตอนที่ “ฮยอนจู (พัคซองฮุน)” นั่งคุยกับเพื่อน ๆ ที่ร่วมเล่นเกมคนอื่น ๆ ก่อนจะเผยสาเหตุที่แท้จริงที่ตัดสินใจเข้าร่วมเกมที่เดิมพันด้วยชีวิตนี้ ก็เพียงเพราะต้องการหาทุนทำศัลยกรรมแปลงเพศ ซึ่งเธอวางแผนจะเดินทางมาผ่าตัดที่ประเทศไทย และซื้อบ้านสักหลังอยู่ที่นี่ด้วย
Pep.ph/ฮยอนจู หรือผู้เล่นหมายเลข 120
จากบทพูดสนทนาของ “ฮยอนจู (พัคซองฮุน)” ในซีนดังกล่าว ก็ทำให้ชาวไทยที่กำลังรับชมซีรีส์ “Squid Game ซีซัน 2” ถึงกับยิ้มกรุ้มกริ่มด้วยความภูมิใจอยู่ไม่ใช่น้อย เพราะสาวสองเมืองไทยนั้นสวยจึ้งโนหนึ่งจนถึงกับมีการเอ่ยชมในซีรีส์ดังระดับโลกกันเลยทีเดียว และนับเป็นอีกหนึ่งซอฟต์พาวเวอร์ไทยที่ดังไกลไปต่างแดนและทำให้เมืองไทยเป็นสวรรค์ของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ
ที่มาข้อมูล: TikTok/Momentum, Screen Rant และ News18
อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง: เปิดวาร์ป 6 สาวแซ่บจากซีรีส์ “อนาคต” ตอน “เทคโนโยนี” ทาง “Netflix” ที่ทุกคนต้องติดตาม!
อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง: มาแน่! “Alice in Borderland อลิสในแดนมรณะ” ซีซัน 3 เตรียมสตรีมมิ่งบน “Netflix” ปี 2025
อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง: เปิดรายชื่อ 19 ภาพยนตร์สยองขวัญที่ดีที่สุดบน “Netflix” จากคะแนนวิจารณ์หนังบนเว็บไซต์ “Rotten Tomatoes”
